9.เห็นใจ
ตอนนี้ค่าเสน่ห์ของฉันนั้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 30 แล้ว เพิ่มมาจากเดิมอีก 5 น่าจะเพิ่มมาจากความสงสารและเห็นใจของท่านมาไคแน่นอน
แล้วถ้าหากว่าไม่มีอะไรผิดพลาด หากว่าฉันสามารถพิชิตใจของมาไคได้แล้ว ฉันอาจจะสามารถพิชิตใจพี่ชายของมาไคต่อได้เลยก็ได้เพราะว่า แกรนด์ดยุคไมเนอร์นั้นใช้ค่าพลังในการพิชิตใจ 45...
มันอาจจะไม่ได้ยาก...
“แค่ก..แค่ก”
เสียงไอนั้นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหยิบน้ำอุ่นส่งให้มาไค สามวันหลังจากที่ฉันนอนซมอยู่บนเตียง ฉันหายดีราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน อาจจะเพราะพิษไข้พวกนั้นย้ายจากฉันไปติดพวกเขาสองคนแทน ทั้งท่านมาไคและท่านไมเนอร์ต่างกำลังนอนป่วยกันอยู่ในตอนนี้
“นี่คือความผิดของข้าใช่ไหมคะ ท่านมาไคไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าข้าจะดูแลท่านเอง ให้สาสมกับที่ท่านดูแลข้าเป็นอย่างดีในระหว่างที่ข้ากำลังป่วย”
ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตามหลังจากที่ฉันเข้ารับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการกับท่านคาดินันแซลัส หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดี หากว่าฉันยังไม่มีค่าเสน่ห์ถึง100ก็ไม่ควรเสนอหน้าไปต่อสู้กับคนที่แข็งแกร่งแบบนั้นหรอก
วิหารกว้างใหญ่มากทีเดียว และที่พักของนักบุญหญิงก็เป็นตึกแยกมาจากพื้นที่ส่วนกลางที่ไกลจากที่พักของท่านคาดินัน มากพอสมควร..
เว้นระยะห่างแบบนี้แหละ ฉันถึงพอจะหายใจหายคอได้หน่อย
“ข้าไม่บังอาจให้ท่านนักบุญมาดูแลหรอกครับ..ท่านจานีคควรจะกลับไปที่ห้องของท่าน..มากกว่า”
ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกันเพราะนี่คือช่วงเวลาทำคะแนนเลยนะ อีกทั้ง..เพราะในตอนที่ฉันนอนซมอยู่บนเตียงมีเพียงมาไคเท่านั้นที่คอยเฝ้าดูแลข้างๆ ไม่ห่างกาย ด้วยเหตุนั้นเขาจึงติดไข้มายังไงล่ะ
ในชีวิตของฉันไม่ค่อยมีใครมาทำดีด้วยหรอกนะ เพราะงั้นในตอนที่พบเจอคนดีๆ ฉันก็อยากจะรักษาเขาเอาไว้
“ข้าไม่กลับค่ะ ท่านมาไคน่าจะรู้ว่าข้าคือสตรีที่เอาแต่ใจมากแค่ไหน ลำพังการขับไล่ของท่านไม่สามารถทำให้ข้าออกไปจากที่นี่ได้หรอก แล้วตอนนี้ท่านก็ควรนอนลงได้แล้ว..”
เธอจับที่ไหล่ทั้งสองข้างของเขาก่อนจะกดมันลงเบาๆ เพื่อเป็นสัญญาณให้เขานอนลง
มาไคในยามป่วยนั้นยังคงมีพละกำลังมากกว่าสตรีตัวเล็กที่กำลังเดินไปเดินมาในห้องนอนของเขาอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่คิดอยากจะขัดขืนเรี่ยวแรงเล็กๆ นี่เลย..เขายอมนอนลงแต่โดยดี พร้อมกับช้อนสายตามองใบหน้าที่งดงามนั้นว่าสิ่งต่อไปที่ท่านจานีคจะกระทำมันคือสิ่งใดกัน
จานีคยื่นมือมาแกะกระดุมเสื้อของเขาออก และมาไครีบยกมือขึ้นมารวบฝ่ามือน้อยๆ นั่นในทันที
“ทะ..ท่านจานีคครับ..”
เขาหน้าแดงก่ำ ที่ไม่รู้ว่าแดงเพราะพิษไข้หรือว่าแดงเพราะว่าเธอกำลังจะถอดกระดุมเสื้อของเขากันแน่
“หากไม่ถอดเสื้อออก ข้าจะเช็ดตัวให้ท่านได้อย่างไรกันคะ ตอนที่ข้าป่วยเป็นท่านมาไคที่ถอดเสื้อผ้าของข้าออกจนหมด ทีตอนนั้นข้ายังไม่ขัดขวางท่านเลย”
ความวิงเวียนเข้าจู่โจมในหัวของมาไค เขายกมือขึ้นมาปิดตาของตัวเองเอาไว้
เขาอายจนไม่กล้าจะมองใบหน้านั้นด้วยซ้ำ..มันแตกต่างกัน เพราะในตอนที่เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออกจนหมดนั้นเขามีความคิดเพียงแค่อยากจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของเธอเย็นลง เนื่องจากอาการตัวร้อนของท่านจานีคมันอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง..
แต่เดี๋ยวก่อน แล้วเขารู้ได้อย่างไรกันว่าเจตนาของท่านจานีคไม่บริสุทธิ์ ในบางทีท่านอาจจะต้องการทำให้เขาตัวเย็นลงเหมือนกับความคิดของเขาก็ได้
มืออีกข้างของมาไคเลือกที่จะปล่อยมือของท่านจานีคออก ให้เธอถอดกระดุมเสื้อของเขาได้อย่างถนัด เขาหลับตาลงเพื่อหลีกหนีความเขินอาย
เมื่อเสื้อตัวในถูกถอดออก สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือภาพร่างกายที่แสนกำยำของเขา กล้ามเนื้อพวกนี้กำลังบอกกับเธอว่ามาไคนั้นฝึกมาอย่างหนักมากแค่ไหน รอยแผลเป็นจำนวนไม่น้อย กระจายตัวอยู่บนร่างกายของเขา..และบางบาดแผลไม่ได้รับการดูแลดีเท่าที่ควรด้วยซ้ำ ปลายนิ้วของเธอแตะลงไปบริเวณบาดแผลถูกแทงที่ท้องของเขา รอยนี้ใหญ่จนน่าตกใจมันเป็นรอยมีดที่ใหญ่เกือบสองข้อนิ้ว..
“..เจ็บมากไหมคะ”
มาไคลดมือที่กำลังปิดตาลง เพื่อที่เขาจะได้มองหน้าเธอได้ถนัด..
“ตอนนี้ไม่แล้วครับ แต่ตอนที่ถูกแทงข้ารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังจะตายเลย..มันเจ็บปวดแต่ถึงอย่างนั้นข้าต้องมีชีวิตรอด..”
จานีคมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ เธอหันไปบิดน้ำออกจากผ้าก่อนจะเริ่มเช็ดตัวให้เขา
“ทำไมถึงฝึกหนักขนาดนั้นกันคะ แล้วรอยแผลพวกนี้มันมาจากการฝึกอย่างนั้นหรือ..”
มาไคส่ายหน้า
“มีช่วงเวลาหนึ่งที่ข้าต้องไปออกรบแทนพี่ชาย..เพราะท่านพ่อเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่มในยามนั้นข้าและไมเนอร์มีอายุแค่สิบห้าเท่านั้น คนหนึ่งจะต้องเฝ้าคฤหาสน์เอาไว้เพื่อช่วยท่านแม่ปกป้องมันจากพวกญาติๆ ที่ต้องการแย่งชิงอำนาจและอีกคนต้องไปออกรบเพื่อทวงคืนแกรนด์ดัชชีของเรากลับมา..เพราะข้าไม่ได้ฉลาดเท่ากับไมเนอร์ ข้าจึงอาสาออกรบเอง”
เด็กอายุสิบห้าจับดาบไปออกรบเนี่ยนะ บางทีฉันก็อยากจะขอแบ่งความแข็งแกร่งของมาไคมาบ้างเหมือนกัน
“..ไม่กลัวอย่างนั้นหรือคะ เพราะในตอน ที่ข้าอายุสิบห้า แน่นอนว่าข้ายังเรียนอยู่เลย..ยังไม่ได้รับความกดดันอะไรขนาดนั้น..”
ตอนอายุสิบห้าเรื่องที่เจ็บที่สุดคือการอกหักจากการแอบชอบรุ่นพี่.. แต่นี่เขาถึงกับอาสาไปออกรบเลยนะ..
เมื่อได้ลองมองดีๆ จานีคพบว่ามาไคเป็นคนที่เสียสละให้พี่ชายของเขาแทบทุกอย่าง ทั้งตำแหน่งแกรนด์ดยุคและการอาสาไปออกรบ เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะทำเพื่อพี่ชายมาโดยตลอด
“กลัวครับ แต่ถ้าข้าไม่ทำ ท่านแม่ก็ต้องเลือกหนึ่งในสองของลูกชายไปออกรบ ข้าไม่อยากทำให้ท่านแม่เจ็บปวด และไม่ต้องการให้ไมเนอร์รู้สึกกดดันด้วย..อีกทั้งข้าผ่านมันมาแล้วไม่ต้องนึกสงสารข้าแบบนั้นก็ได้ครับ”
เขายื่นมือมาจับลงบนแก้มของเธอ จานีคเอียงใบหน้าเล็กน้อยเพื่อซบลงบนมือนั้นของเขา
“ข้าแค่สงสาร..ที่ท่านต้องมาดูแลสตรีที่เอาแต่ใจและโง่เขลาเช่นข้า..ทั้งๆ ที่ท่านน่าจะมีอนาคตที่ดีมากกว่านี้แท้ๆ”
เธอลากไล้ผ้าขนหนูในมือลงมาที่ท้องของเขาก่อนจะเช็ดให้ทั่วเพื่อทำให้อาการตัวร้อนของมาไคลดลง
แต่ทว่า..นั่นคือปัญหาใหญ่ของมาไคที่กำลังเผชิญเลย เพราะทุกครั้งที่ผ้าในมือของเธอไล้ไปมาบนร่างกาย มีความรู้สึกที่ไม่สมควรจะเกิดก่อตัวขึ้นมาในใจ และกำลังทำหน้าที่เผาไหม้สติของเขาอยู่
