7.อ่อนแอ
มาไคอุ้มเธอออกไป และในทันทีที่จานีค อยู่ในอ้อมแขนนั้น เธอก็หลับตาลงในทันทีราวกับว่าร่างกายนั้นไม่สามารถยืนไหวตั้งแต่แรก เธอแค่รอให้ประตูนี้เปิดเท่านั้น ถึงจะแสดงท่าทางอ่อนแอออกมา
แซลัสแค่นหัวเราะ เขาเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข เช่นเดียวกันกับใบหน้าที่เขาเดินเข้าไป
ฟลินรีบเดินเข้ามาหานายท่านของเขาในทันที
“มีอะไรจะรับสั่งให้ข้าไปจัดการไหมครับ อย่างเช่น..ให้ข้าจัดการขับไล่สตรีผู้นั้นออกจากการเป็นนักบุญหญิง”
หากว่าสตรีผู้นั้นไม่สามารถทำให้ท่านผู้สูงศักดิ์นี้พึงพอใจแล้วละก็ ฟลินก็ไม่เห็นเหตุผลที่จะต้องเก็บนางเอาไว้
“ใจเย็นก่อนฟลิน นางพึ่งจะเข้ามารับตำแหน่งนักบุญหญิง จะให้นางออกไปจากที่นี่หลังจากที่เข้ามาเพียงแค่วันเดียวได้อย่างไรกัน จะมีคนกล่าวออกมาว่าวิหารของเราใจร้าย ข้าไม่ต้องการให้เรื่องมันเป็นเช่นนั้น อีกอย่าง..ข้าถูกใจนางนะ”
จานีคคือเรื่องสนุกเล็กๆ ในชีวิตของแซลัส เขาคิดว่ามันเป็นเช่นนั้น..การได้มองเห็นทุกความทรมานที่มันมาจากความเย่อหยิ่งของนางทำให้เขา..รู้สึกสนุก
เหมือนกับมองเห็นพวกหนูที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นมาจากท่อน้ำอันแสนโสมม
เก็บนางเอาไว้ดูเล่นน่าจะดี ก็จานีคน่ะเป็นของเล่นของเขานี่..
..................
ร่างกายของท่านจานีคร้อนราวกับไฟ มาไคเร่งฝีเท้าที่กำลังเดินไปที่ห้องพักให้เร็วขึ้นอีกหน่อย เพื่อที่เขาจะได้ตามหมอมารักษาท่านนักบุญ
เขาวางเธอลงบนเตียงด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะสั่งให้อัศวินที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องไปตามหมอมาอย่างเร่งด่วน
ระหว่างนี้มาไคก็รีบเปลี่ยนชุดให้เธอพร้อมกับเช็ดตัวของจานีคด้วยน้ำสะอาด
สองแก้มแดงร้อนผ่าวราวกับไฟลวก จานีคปรือตาขึ้นมาเมื่อเธอรู้สึกได้ถึงความเย็นจากผ้าที่กำลังเช็ดตัวเธอ
“อา..ขอน้ำหน่อยสิ”
เรี่ยวแรงของเธอถูกสูบจนเหือดหายไปหมด ทั้งดวงตาและสมองเบลอจนมองภาพเบื้องหน้าไม่ชัด
“รอสักครู่นะครับ..”
เขาเดินจากไปก่อนที่จะมีคนเดินเข้ามาใหม่ จานีคพยายามลืมตาขึ้นมา ทว่าเธอกลับเห็นเพดานกำลังหมุนอย่างช้าๆ
ความรู้สึกวิงเวียนเข้าจู่โจมในหัว
“นะ..น้ำ มาไค ข้าอยากดื่มน้ำ”
น้ำเสียงของเธอแหบแห้งลงไปมากกว่าเก่า และเขากำลังจับเข้าที่ท้ายทอยของเธอเพื่อยกศีรษะของเธอขึ้นมาแล้วป้อนน้ำอุ่นๆ ให้อย่างเชื่องช้า
จานีคค่อยๆ ดื่มมัน คอเธอแห้งราวกับผุยผง การป่วยนี่ไม่ดีเอาซะเลย เพราะมันทำให้เธอรู้สึกเบลอไปหมด
“...เอาอีกไหม?”
เสียงนั้นดังขึ้นมาและจานีคค่อนข้างมั่นใจว่ามาไคไม่ได้มีเสียงแบบนี้สักหน่อย
จานีคพยายามปรือตาขึ้นมา..
“อา..นี่ข้าไม่มีสติจนเห็นท่านมาไคมีเส้นผมสีดำเลยอย่างนั้นหรือคะ..”
ชายเบื้องหน้าที่กำลังนั่งข้างเตียงกระแอมขึ้นมาเบาๆ
“นอนเถอะครับ”
ไมเนอร์กล่าวก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายของเธอเอาไว้ เขาได้รับการไหว้วานให้มาที่นี่เพื่อดูแลท่านนักบุญหญิงแทนมาไค เนื่องจากหมอ..ไม่ยอมมาตรวจ
หมอพวกนั้นให้เหตุผลว่าร่างกายของนักบุญหญิงนั้นวิเศษเกินกว่าคนธรรมดาทั่วไป ทำให้การตรวจโรคของพวกเขาไม่สามารถทำได้..
เหตุผลแบบนั้นใช้ได้ที่ไหนกัน ดูก็รู้ว่านี่คือการกลั่นแกล้งเล็กๆน้อยๆจากคาดินันอัมโบรเซอร์ หมอไม่กล้ามาเพราะคำสั่งของท่านคาดินัน และสิ่งที่มาไคทำได้คือการออกไปจากที่นี่เพื่อเดินทางไปเอายาจากพระราชวัง
เขามาที่นี่พอดีจึงถูกไหว้วานให้มาดูแลนักบุญหญิง
เธอสวย..เป็นความสวยที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพเช่นนี้ก็ยังคงงดงามเป็นอย่างมาก แต่ทว่าจานีคนั้นเหมือนภาพวาดมากกว่า เป็นความสวยที่แตะต้องไม่ได้ และ..ไม่รู้สึกอยากจะครอบครองด้วย
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมสตรีที่งดงามถึงเพียงนี้ ถึงทำให้ความอยากของเขาไม่ได้ก่อนตัวขึ้นมาในใจเลย..อาจจะเพราะสตรีที่เขาชอบไม่ได้เป็นแบบเธอก็ได้
“นะ..หนาวค่ะ”
เธอขดตัวอยู่ในผ้าห่มแต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าความหนาวจะลดน้อยลงเลย
“อดทนหน่อยนะครับ..อีกไม่นานท่านจะได้ดื่มยา”
จานีคปรือตาขึ้นมามองใบหน้านั้น เธอแค่อยากได้อ้อมกอดจากท่านมาไคเท่านั้นเอง
“ขึ้นมา..นะ..นอนกับข้าได้ไหมคะ แค่กอดข้าเอาไว้เท่านั้น”
เธอพูดออกมาขณะที่ริมฝีปากกำลังกระทบกันด้วยความหนาวสั่น ร่างกายนั้นสั่นไหวด้วยความหนาวที่ยากจะรับมือ
“แบบนั้นไม่เหมาะมั้งครับ”
“ไหนบอกว่า ไม่ว่าข้าจะสั่งอะไรท่านก็พร้อมที่จะทำ!..ท่านมาไคหลอกลวงข้าอย่างนั้นหรือคะ ในตอนที่ท่านกล่าวคำปฏิญาณ”
เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาฉ่ำวาวปรือปรอยไปด้วยพิษไข้
อ่า..มาไคเก่งแฮะที่สามารถรองรับอารมณ์เอาแต่ใจของสตรีผู้นี้ได้
ไมเนอร์ถอดเสื้อคลุมออก ก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนเตียงแล้วล้มตัวนอนข้างๆเธอ จานีคโผเข้าหาอ้อมกอดนั้้นในทันที ราวกับว่าเขาคือกองไฟอุ่นในวันที่หิมะกำลังตกลงมา
เขาคือสิ่งเดียวที่ทำให้ความหนาวเหน็บตามร่างกายของเธอจางหายไป
“.....”
เมื่อไมเนอร์ลดสายตาลง สิ่งที่เขาเห็นคือนักบุญหญิงที่กำลังหลับพริ้มในอ้อมแขนของเขา เธอนอนหนุนแขนของเขาเอาไว้ พร้อมกับจับชายเสื้อของเขาไม่ยอมปล่อยราวกับหวาดกลัวว่าเขาจะหลบหนีไป
กลิ่นอะไรกันนะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดอยู่ตามร่างกายของเธอ มันหอมชนิดที่ว่าเขาต้องก้มหน้าลงไปสูดดมบนเรือนผมสีเงินของเธอ
วนิลางั้นเหรอ..กลิ่นหอมที่ติดอยู่ปลายจมูกแต่คิดไม่ออกว่าได้กลิ่นมาจากที่ไหน
มุมปากของไมเนอร์ยกสูงขึ้นมาก่อนที่เขาจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ..เขาเองก็เดินทางมาไกลมากพอสมควร แกรนด์ดัชชีของตระกูลไบร์ดัวนั้นไม่ได้อยู่ใกล้วิหารศักดิ์สิทธิ์เลยสักนิด เขาจึงคิดจะมาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวเพื่อช่วยเหลือน้องชายฝาแฝดในการชักจูงนักบุญหญิงผู้ไร้เดียงสาและเอาแต่ใจ
“อื้อ!”
เธอร้องครางออกมาก่อนที่มือนั้นจะหลุดออกจากชายเสื้อแล้วไปวางเอาไว้บนโคนขาของเขาแทน..
ไมเนอร์กลืนน้ำลายอย่างช้าๆ เขาพยายามใช้มืออีกข้างเพื่อปัดมือของเธอออกไปจากจุดที่อันตรายแต่ทว่ามันกลับไม่ได้ผล
“นี่ไม่ได้ไร้เดียงสาในแบบที่มาไคบอกมาเลยสักนิดเดียว..หรือว่าตอนนี้เจ้าไม่ได้หลับอยู่กันนะ”
เขาอยากจะแกล้งเธอจึงแลบลิ้นออกมาเลียที่ใบหูนั้นเบาๆ แทนที่เธอจะสะดุ้งเพราะความตกใจ แต่ไมเนอร์กลับได้ยินเสียงกรนเบาๆ ออกมา
ให้ตายสิ หลับจริงงั้นเหรอเนี่ย? แล้วเอามือมาจับตรงส่วนนั้นของเขาทำไมกัน! ..แต่เห็นว่าไม่สบายอยู่หรอกนะ เพราะฉะนั้นเขาจะยอมปล่อยผ่านไป
ไมเนอร์หลับตาลงอีกครั้งก่อนที่เขาจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเชื่องช้า
