6.กอดศักดิ์ศรี
ความนุ่มอุ่นอันน่าพึงพอใจกำลังโอบรัดตัวตนของเขาที่กำลังขยายตัวอยู่ในปาก คราแรกแซลัสไม่คิดด้วยซ้ำว่าปากเล็กๆ ของเธอจะอ้าออกเพื่อรับเขาเข้าไปได้..แต่ทว่าเธอทำได้
มันน่ารักตรงไหนรู้ไหม ตรงที่ถึงแม้ว่าท่าทางของเธอจะแสดงออกถึงความจำนน แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับมิได้เป็นเช่นนั้น เธอจ้องมองราวกับว่าจะทำให้เขาจุมพิตที่ปลายเท้าของเธอให้ได้ในสักวันหนึ่ง
นี่คือความสนุกสนานเล็กๆ ของแซลัส การต่อต้านที่แสนหวานและเกลียวลิ้นที่ค่อยๆ เล็มชิมจุดอ่อนไหวที่ส่วนปลายอย่างเชื่องช้า
เขาร้องครางลอดใต้ไรฟัน ส่วนกลางกำลังขยายใหญ่อีกครั้งหนึ่งราวกับร่างกายของเขากำลังจะบอกว่าไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป ในวินาทีที่เธอพรมจูบส่วนหัวไปตลอดท่อนลำ
เขากดเข้าที่ท้ายทอยของเธอเพื่อบ่งบอกให้จานีคอ้าปากออกเพื่อรับเขาเข้าไปในนั้น เขาขยับเอวกระทั้นเข้าไปในริมฝีปากนุ่มๆตามอารมณ์ที่กำลังปะทุอยู่ภายใน
มือของจานีคจับเข้าที่บั้นท้ายของท่านแซลัส เธอกำลังพยายามผลักเขาออกไป เพราะดูเหมือนว่าตัวเธอจะหายใจไม่ทัน แต่มันไม่เป็นผล..เขากระทั้นเข้าไปอีกพักหนึ่งก่อนที่ในปากจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวอ่อนๆ และรสฝาดเฝื่อนที่กำลังเอ่อท้นเข้ามาในริมฝีปาก
เขาเปล่งเสียงอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจลอดไรฟัน ก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดนิ่ง
ท่านแซลัสไม่ได้ดึงรั้งเจ้าส่วนที่กำลังพ่นน้ำออกมาจากปากของเธอออกไปในทันที เขายังคงคามันเอาไว้ราวกับกำลังจะบอกให้เธอเลียเพื่อทำความสะอาดให้มัน
เธอตวัดปลายลิ้นเลียตรงเส้นที่เชื่อมต่อกับส่วนปลาย วนไล้ส่วนที่แฉะชื้น ดูดเบาๆ ที่ส่วนปลายหัวหยักหมายจะเคล้นทุกหยดหยาดให้ออกมาอย่างละเมียดละไม
เขาแสยะยิ้มออกมากับท่าทีที่ไร้ความรังเกียจ ก่อนจะดึงรั้งแก่นกายออกมาจากริมฝีปากนั้น แซลัสบีบแก้มของเธอเพื่อให้อ้าออก บนลิ้นนั้นยังมีลาวาร้อนของเขาอยู่บนนั้น
“มันกลืนได้..จานีค กลืนมันลงไปสิ ข้าจะได้ทำในขั้นตอนต่อไปสักที”
เธอกลืนมันอย่างไม่ได้ยากเย็นเท่าไหร่นัก กับร่างกายนี้อาจจะยังไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่ามา แต่กับชีวิตจริงของเธอ..เธอผ่านมันมาหลากหลายมากพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยเห็นของใครที่มันใหญ่โตเท่านี้มาก่อน และไม่เคยเห็นใครเอาแต่ใจในเรื่องนี้เท่าท่านแซลัสเลย เขาค่อนข้าง..น่าตบสักป้าบ เมื่อคิดถึงท่าทีเย่อหยิ่งของเขา ที่ดูราวกับจะบอกว่าเขาคือฝ่ายชนะ..ส่วนเธอคือฝ่ายแพ้
“ข้าคิดว่ามันจะจบลงเพียงเท่านี้ค่ะ..ในเมื่อส่วนนั้นของท่านมันได้รับการปลดปล่อยออกมาแล้ว”
เขาทำให้เธอเป็นเหมือนตัวตลกมากพอแล้ว และจานีคไม่ได้อยากจะอยู่ในห้องนี้กับเขาอีก หรือหากต้องทนอยู่จริง เธออยากจะให้เราแยกกันอยู่คนละมุม
แซลัสอุ้มจานีคขึ้นมาจากน้ำตก ร่างกายของเธอเปียกปอนไปหมดและหากไม่รีบถอดชุดนี่ออก เธออาจจะป่วยได้
ทว่าความอวดดีของเธอนั้นทำให้เขา..อยากสั่งสอนเธอสักหน่อย
เขาวางเธอลงบนก้อนหิน ก่อนที่ตัวเองจะเดินขึ้นไปด้านบน แซลัสถอดกางเกงที่เปียกชุ่มพวกนั้นออก ก่อนจะสวมชุดใหม่ที่จัดเตรียมเอาไว้มาใส่
“หากว่าเจ้าไม่อยากทำเรื่องเช่นนั้นกับข้าก็อยู่ในน้ำไปเถิด..แต่ทว่าหากเท้าของเจ้าก้าวขึ้นมาที่ด้านบนนี้เมื่อไหร่ ข้าจะถือซะว่าเจ้ายินยอมนอนกับข้า..”
จานีครีบหันไปทางอื่นในทันที เขานั่งอยู่ตรงนั้นตรงเสื้อผ้าชุดใหม่ของเธอ แน่นอนว่านี่คือสงครามประสาทของเขา เพื่อที่จะบอกกับจานีค ว่าเธอนั้นไม่มีทางเลือกหรอก หากอยากอยู่ที่นี่อย่างสบายก็ควรจะ..อ่อนน้อมถ่อมตนต่อเขา
ไม่มีทางซะหรอก ฉันตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะทนหนาวอยู่ตรงนี้ดีกว่าขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เธอใช้มือวักน้ำขึ้นมาเพื่อล้างปาก
“ข้าจะอยู่ตรงนี้ค่ะ...ท่านคาดินันนอนเถอะค่ะ ข้าจะไม่มีทางขึ้นไปด้านบนอย่างเด็ดขาด”
เสียงน้ำจากน้ำตกที่กำลังไหลเอื่อยๆ กำลังรบกวนจิตใจของฉันอย่างน่าประหลาด จานีคเลือกที่จะถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มของตัวเองออกมาแล้ววางพวกมันลงบนก้อนหินที่เธอกำลังนั่งถอนหายใจ ก้อนหินนี้ตั้งอยู่บนน้ำตก..เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนก็พบว่าท่านแซลัสนอนแล้ว เขาไม่ได้ตอบหรือว่ากล่าวคำใดอีกต่อไป แต่เลือกที่จะนอนหลับไปทั้งอย่างนั้น
และการที่เขาหลับมันน่าจะดีกับเธอมากกว่า อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้อนทนสายตาที่แสนมั่นหน้ามั่นใจของเขา
บนร่างกายของจานีคมีเพียงเสื้อซับในตัวบางและกางเกงชั้นในเท่านั้น เธอนั่งกอดเข่าตัวเองเพื่อหวังให้ความหนาวเหน็บที่ก่อตัวขึ้นมานี้ทำให้ร่างกายของเธออบอุ่นขึ้นบ้าง
ใบหน้างามซบลงบนหัวเข่าของตัวเองก่อนที่เธอจะหลับตาลงอย่างช้าๆ ..ไม่เป็นไร อย่างน้อยวันนี้เธอไม่ต้องขายจิตวิญญาณของตัวเองให้เขาอีกแล้ว ทนหนาวแค่นี้จะทนไม่ไหวได้อย่างไรกัน
เกิดมาเขาไม่เคยพ่ายแพ้ เขาเกิดมาพร้อมกับชัยชนะ มันเป็นเช่นนั้นตั้งแต่ที่เขาเกิดมา ไม่ว่าจะอยากได้สิ่งใด แซลัสจะได้ในสิ่งนั้นมาตลอด แล้วสตรีผู้นี้เป็นอะไรนักหนาถึงได้กล้าขัดใจเขา..
เธอสวย..เรื่องนั้นเขาไม่ได้เถียงเลย เธอทำให้เขารู้สึกสนุกแต่ก็ทำให้รู้สึกหงุดหงิดมากๆ ในช่วงเวลาเดียวกัน
เขาดีดนิ้วเบาๆ เพื่อร่ายเวทมนตร์ทำให้อากาศในคืนนี้หนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม
ลมเย็นๆ พัดมาราวกับว่ามีหิมะตกลงที่ด้านนอก แซลัสดึงผ้าห่มขึ้นมาปกคลุมร่างกายของตัวเอง เขาแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลง..
สนุก..จังเลย อย่างน้อยหากจะต่อต้านเขา ก็ทนอากาศที่แสนหนาวเหน็บในห้องนี้ไปทั้งคืนก็แล้วกัน
ลมพวกนี้มันคืออะไรกัน ให้ตายสิ..แค่ลำพังอากาศที่หนาวเย็นในยามราตรี ฉันก็แทบจะไม่สามารถนั่งอยู่ได้แล้ว แล้วไอ้ลมพวกนี้มันพัดมาได้อย่างไร..
พระเจ้ากำลังลงโทษฉันอยู่งั้นเรอะที่กล้าปฏิเสธบุตรของพระองค์..
จานีคก้มหน้าลงเพื่อซบใบหน้าลงบนเข่าของตัวเองอีกครั้ง
ฉันจะผ่านมันไปให้ได้ เชื่อสิ..ว่าฉันทำได้!!
ทันทีที่แสงแรกของดวงตะวันสาดส่องเข้ามา เมื่อแซลัสลืมตาขึ้น เขาก็มองเห็น จานีคที่ยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว เธอสวมเสื้อตัวเมื่อวาน ที่มันแห้งดีแล้ว ริมฝีปากที่ปกติจะเป็นสีเชอร์รี่ในตอนนี้มันซีดเสียจนมองไม่เห็นสีเลือด
ดูท่าว่าเมื่อคืนคงจะนั่งกอดศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ทั้งคืนสินะ..ถึงได้มีสภาพที่ดูไม่ได้เช่นนั้น
เมื่อประตูบานนั้นเปิดออก มาไคก็รีบพุ่งตัวเข้ามาในทันที เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของท่านจานีค
และเมื่อเธอเห็นเขาจานีคก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอแทบจะยืนไม่ไหวด้วยซ้ำและตอนนี้คงสามารถทิ้งร่างกายที่หนักอึ้งเช่นนี้ลงไปในอ้อมแขนของเขาได้สินะ
