5.พอใจ
ทันทีที่มาไคออกมาจากห้องของท่านนักบุญหญิงสิ่งแรกที่เขาเห็นคือนักบุญฟลิน ที่กำลังยืนรออยู่หน้าห้องเขา
“เพราะใกล้ที่จะเริ่มพิธีอันแสนศักดิ์สิทธิ์แล้ว ท่านคาดินันจึงเมตตาให้ข้านำชุดนี่มาให้ท่านอัศวินครับ ช่วยกรุณาแต่งกายอย่างเต็มยศเพื่อที่จะได้ปกป้องท่านนักบุญหญิงด้วยนะครับ”
มาไคก้มหน้าลงเพื่อเป็นการขอบคุณ เขารับกล่องเสื้อผ้านั้นมาด้วยความรู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่สามารถปฏิเสธการรับสิ่งของที่ท่านคาดินันส่งให้ได้
“ฝากท่านนักบุญไปขอบคุณท่านคาดินันด้วยนะครับ”
ฟลินพยักหน้า แน่นอนว่าเขาจะต้องยืนอยู่หน้าห้องของท่านอัศวินเพื่อส่งท่านอัศวินเข้าห้องตามมารยาท
มาไคเข้ามาในห้องพักของตนเอง เขาวางกล่องปริศนานั้นเอาไว้ก่อนจะเดินไปยกแก้วน้ำชาที่เย็นชืดขึ้นมาดื่มเพื่อดับกระหาย หากช้ากว่านี้อีกนิดเดียว ในบางทีเขาอยากจะกระโดดขย้ำท่านจานีคไปแล้วก็ได้ หรือไม่เขาอาจจะเผลอใช้มือของตัวเองสัมผัสลงไปบนเนินอกที่เต่งตึงนั้นสักครั้ง ไล้ไปตามหน้าท้องคอดกิ่วหรือไม่ก็ตามเส้นขนสีเงินที่ขึ้นอยู่รำไรที่ด้านล่าง แม้กระทั่งในจุดที่ลับที่สุดก็ยังคงมีสีที่เหมือนกับดอกกุหลาบ..ท่านจานีคของเขานั้น..งดงามมากเหลือเกิน
การหักห้ามใจและปั้นหน้าเย็นชาต่อเรือนร่างที่เปลือยเปล่านั้นมิได้กระทำได้โดยง่าย หากเขาไม่ได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีมีหวังเขาคงจะกระโจนใส่นางและแสดงสีหน้าที่น่าละอายออกมาแล้ว
มาไควางแก้วน้ำชาลงก่อนจะพ่นลมหายใจยาวออกมาทางจมูก..ครั้งต่อไปพระเจ้าจะทดสอบเขาแบบไหนกันนะ..หากมากกว่านี้เขาคิดว่าเขาคงไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้อย่างแน่นอน
เขาเดินไปเปิดกล่องเสื้อผ้าที่ได้รับมอบมาเพื่อจะเปลี่ยนชุด..เขาไม่อยากทำให้ท่านนักบุญหญิงรอนานแต่ทว่าในช่วงเวลาที่เขาเปิดฝาของกล่องนั้นออก กลุ่มควันสีเหลืองทองก็ลอยฟุ้งออกมา.พร้อมกับอาการง่วงนอนที่เขาไม่สามารถต้านทานได้
มาไคล้มลงที่พื้นพรม พร้อมกับหลับอยู่ตรงนั้น..ตลอดทั้งวัน
......................
“นางงดงามมากรึเปล่าไมเนอร์?”
ไมเนอร์ไม่เห็นประโยชน์จากการถามเรื่องความงดงามเลยแม้แต่น้อย
“พ่ะย่ะค่ะ หากเป็นเรื่องความงดงามนั้น ถึงแม้ว่าจะเห็นในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กระหม่อมก็สามารถยืนยันได้เป็นอย่างดีว่านักบุญหญิงจานีคนั้นงดงามมากๆ แต่ทว่าเรื่องความตราตรึงใจนั้น..กระหม่อมว่านางยังมิได้ตราตรึงใจมากขนาดนั้น”
องค์รัชทายาทอีธานยกมือขึ้นมาลูบคางเบาๆ
“แต่ไม่ว่าจะงดงามมากหรือไม่ ในยามนี้นางคงจะตกอยู่ในการควบคุมของคาดินันผู้นั้นแล้ว..ช่างน่าสงสารสตรีตัวน้อยที่กำลังเดินเข้าไปในกองเพลิง หลังจากนี้ทั้งเจ้าและข้าควรสวดภาวนาไม่ให้นางหลงใหลในตัวของคาดินันผู้นั้นมากเกินไป..หรือหากนางหลงเขา เช่นนั้นน้องของเจ้าจะต้องทำงานหนักสักหน่อย”
ไมเนอร์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้เขาไม่เห็นมาไคอยู่ที่งานพิธีเลย หรือว่าน้องชายของเขาจะถูกลงโทษกันนะ?
“ไม่ว่าจะด้วยสิ่งใดก็ตาม กระหม่อมและน้องชายจะทำให้นางอยู่ฝ่ายเราพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทเป็นลูกพี่ลูกน้องของไมเนอร์ และเขามีหน้าที่ปกป้องเจ้าเด็กคนนี้ให้ขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สมควรจะอยู่
อีธานเอนหลังพิงเก้าอี้ เขาหลับตาลงเล็กน้อย
“เช่นนั้นข้าขอภาวนาให้พี่ทำสำเร็จนะ..ทำให้สตรีผู้นั้นมาอยู่ในมือของเราให้ได้ แล้วทำลาย..คาดินันแซลัสลงเสีย”
........................
หากมีคำถามว่า “จานีคบนโลกใบนี้มีสิ่งใดที่เจ้าเกลียดชังบ้าง?” ฉันจะตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าสิ่งที่ฉันรู้สึกเกลียดชังมากที่สุด มันคือการถูกบังคับให้ “ทำ” ในสิ่งที่ไม่อยากทำ
ท่านคาดินันแซลัสนั้นเลยคำว่างดงามไปไกลมาก เขาดูสวยมากกว่าที่จะใช้คำว่าหล่อเหลา แค่มองใบหน้านั้นไม่ว่าใครก็ตาม คงจะต้องอยู่ในอาการประหม่าเหมือนกันทั้งหมด
เขาหล่อ..รวยและ..ตรงนั้นก็ใหญ่โตจนกำไม่มิด ร่างกายของเขาสมบูรณ์แบบ กล้ามเนื้อในทุกจุดดูสวยงาม ประณีตราวกับรูปปั้นมากมายที่กำลังยืนรายล้อมเรา
ทุกสิ่งทุกอย่างของเขามันไร้ที่ติ..แต่ทว่าการถูกกดเอาไว้ด้วยคำสั่งของเขามันทำให้ฉันถึงกับหลั่งน้ำตาเงียบๆ ในใจ
หากการกระทำสิ่งนี้ของเรามันมีความอ่อนโยนเข้ามาเกี่ยวพันสักนิด แน่นอนว่าฉันจะยอมรับและเพลิดเพลินไปกับมัน แต่นี่ฉันขัดใจหรือว่าขัดคำสั่งของเขาไม่ได้
มีหน้าต่างของเกมที่เด้งขึ้นมา พร้อมกับตัวหนังสือสีแดงที่บอกว่า
คุณผู้เล่นกำลังตกอยู่ในสภาวะลุ่มหลงต่อท่านคาดินันแซลัส
ฉันไม่สามารถผลักไสเขาออกไปด้วยซ้ำ ไม่สามารถแม้แต่จะละใบหน้าไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการประสานสายตากับดวงตาที่กำลังฉายแววสะใจของเขาด้วยซ้ำ
เกลียดเกมนี้ชะมัดเลยโว้ย!!
“ใจเย็นหน่อยจานีค หากเจ้าดูดมันแรงเช่นนั้น..อา..ข้าอาจจะถึงไวมากเกินไป ข้ายังไม่อยากเสร็จสมออกมาในตอนนี้สักหน่อย เพราะอย่างนั้น..ทำช้าๆ ที่รัก..ราตรีนี้ยังอีกยาวไกลมากเหลือเกิน ตราบใดที่รุ่งอรุณยังไม่มาเยือน เราจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เลย”
นรก..ชัดๆ
เขาดึงรั้งแท่งรักนั้นออกไปจากริมฝีปากของเธอ จานีคมองดูเจ้าส่วนโอฬารที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำลาย เส้นเลือดที่กำลังปูดโปนขึ้นมา บอกเล่าความต้องการของเขาได้เป็นอย่างดีว่าท่านคาดินันแซลัสกำลังรู้สึกตื่นตัวมากแค่ไหน
ลมหายใจอุ่นร้อนของเธอเป่ารดลงไปบนนั้น เขาเคาะมุมปากของเธอด้วยแท่งที่ดูน่าหวาดหวั่นนั่นอีกครั้ง
“จานีค..ว่าแต่ในตอนนั้น ที่หว่างขาของเจ้ามันกำลังเปียกอยู่รึเปล่าล่ะ.อยากให้เจ้านี่ใส่เข้าไปในปากหรือว่าใส่เข้าไปที่หว่างขาของเจ้ากัน”
ไอ้คนเลว..แล้วใช่ เธอก่นด่าเขาแค่ในใจเท่านั้น เพราะไม่อาจต่อต้านค่าเสน่ห์100 ของเขาได้
“ข้ายังอยาก..กินมันเข้าไปอยู่ค่ะ”
แววตาที่กำลังมองหน้าเธอวาวโรจน์ขึ้นมา
“ที่เจ้ายังอยากใช้ปากกับมัน คงไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากทำเรื่องเช่นนั้นกับข้าหรอกใช่ไหมจานีค..คิดจะเก็บครั้งแรกเอาไว้ให้ใครกัน ให้มาไคผู้นั้นงั้นหรือ?”
หัวใจของเธอกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อเธอถูกเขาจับทางได้
“ไม่ใช่..อย่างนั้นนะคะ คือว่าข้า..ข้ายังไม่เคยกระทำเรื่องเช่นนั้นมาก่อน ในใจจึงเกิดความกังวลว่าข้าอาจจะไม่สามารถทำให้ท่านแซลัสพึงพอใจในตัวข้า..บางทีหากว่าท่านค่อยเป็นค่อยไปและสอนข้า..เรื่องราวมันอาจจะดี..”
เขายื่นมือมาจับที่แก้มของเธอก่อนจะบีบมันเบาๆ เพื่อให้เธออ้าปากออก แซลัสจับเข้าที่กลางลำแกร่งไปจ่อที่กลีบปากอ่อนนุ่ม แล้วค่อยๆ สอดมันเข้าไปในปากเล็กๆ นั่น
“ข้าเชื่อว่าแค่เจ้าถ่างขาให้กว้างๆ ข้าก็พอใจแล้วจานีค..อื้ม..ดูสิว่าเจ้าเก่งกาจมากแค่ไหน ต้องอมมันอย่างไรเจ้าก็สามารถทำได้ตามที่ข้าสอนอย่างแม่นยำ..”
