12.ขัดใจ
นิ้วยาวแข็งแรงสอดลึกเข้ามาด้านใน ยิ่งเข้ากระทั้นปลายนิ้วเข้ามา จานีคก็ยิ่งกัดริมฝีปากแน่นมากยิ่งขึ้น
แซลัสแสยะยิ้มเมื่อเขารับรู้ได้ถึงแรงตอดรัดอันแสนกระตือรือร้น ด้านในของเธอมันคับแคบมากทีเดียว อาจจะเพราะไม่มีใครเคยได้ล่วงผ่านเข้าไป..แค่เพียงหนึ่งนิ้วที่กดแทรกยังแทบขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ นี่หากว่าเธอไม่เปียกชุ่มมากขนาดนี้ มีหวังเข้าไปไม่ได้อย่างแน่นอน
ว่าแต่ก่อนหน้านี้ระหว่างจานีคและอัศวินผู้นั้นทำอะไรกันนะ..หมอนั่นต้องเป็นมนุษย์ที่โง่เขลามากแค่ไหน ถึงได้ปล่อยให้จานีคยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเช่นนี้
หากว่าเขาเป็นหมอนั่น ไม่มีทางที่เขาจะยอมให้จานีครอดพ้นมือของเขาไปได้หรอก
ไม่มีทาง!
“อะ..อ๊า!”
เจ็บ! ทว่ามันคือความเจ็บปวดที่ดูเหมือนความรู้สึกสุขสมจะมีชัยเหนือกว่า ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องครางออกมาให้เขาได้ใจ พยายามไม่เปล่งเสียงแต่ทว่าการเก็บกลั้นเสียงของตัวเองนั้นทำได้ยากเต็มที ทั้งที่เสียงนั้นไม่มีอะไรน่าฟังแท้ๆ แต่เธอกับหยุดเปล่งเสียงออกไปไม่ได้เลย
ทรมาน..ทรมานมากเหลือเกินในช่วงเวลานี้ มีความรู้สึกมากมายผสมปนเปตีกันอยู่ในหัว ทั้งความรู้สึกไม่ยินยอม ความอยากจะเอาชนะและ..ความหลงใหลที่ทำให้เธอตาพร่ามัวไปหมด เธอหันหลังกลับไปมองหน้านั้นและคิดว่าหากเขาส่งมอบจุมพิตให้เธอสักครั้งก็คงดี หากเป็นเช่นนั้นร่างกายนี้คงจะสามารถสุขสมได้มากเสียยิ่งกว่าในตอนนี้
แค่จูบฉันสักครั้ง..ได้โปรดเถอะค่ะ
“เพี๊ยะ!!”
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างด้วยความตกใจ ฉันรู้สึกแสบร้อนที่แก้มของตัวเอง พร้อมกับมองไปยังมือที่กำลังยกขึ้นมาตบหน้าฉัน
“เสียสติ..ไปแล้วรึไง”
ฉันอ้าปากออกเล็กน้อย เมื่อความรู้สึกแสบร้อนพวกนั้นดึงสติของฉันกลับมาและคนที่ตบหน้าของฉันก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มือข้างนั้นมันคือมือของฉันเอง
นี่อาจจะเป็นการดึงสติของตัวเองในแบบที่ฮาร์ตคอไปหน่อย แต่ว่ามันได้ผล..และเมื่อครู่ไม่ใช่ว่าฉันกำลังจะกล่าวออกมาเพื่อขอร้องให้ท่านแซลัสจูบฉัน..
ดีแล้วที่ไม่พูดออกไปไม่งั้นเขาได้มองว่าฉันต้องการเขามากกว่านี้แน่ๆ นี่คือการถูกล่อลวงโดยสมบูรณ์แบบอย่างนั้นสินะ
“ข้าแค่..อยากจะรู้ว่าการที่ข้าทำเรื่องเช่นนี้กับท่านแซลัสมันไม่ใช่ความฝัน..อะ..อา..อึ่ก!!”
ฉันสะดุ้งเมื่อสิ่งที่แข็งมากกว่านิ้วกำลังสอดลึกเข้ามาแทนที่ ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่และนั่นทำให้มันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดกับฉันเลย เมื่อเขาดันแท่งสีเหลืองอำพันนั้นเข้าไปในร่างกายของฉันจนเกือบหมด เขาก็จับเข้าที่กางเกงในตัวน้อยแล้วจัดมันให้เข้าที่เข้าทางพร้อมกับไม่วายใช้นิ้วดันเจ้าแท่งนั้นให้เข้าไปด้านในลึกกว่าเก่า
“อย่างนั้นเองสินะ ข้าเองก็ต้องการแน่ใจว่าเจ้าจะไม่ทำให้แท่งนี้หลุดออกมา อย่าเอามันออกเชียวไม่งั้นของที่ใหญ่มากกว่าแท่งนี้จะถูกสอดคาเอาไว้ทั้งคืน รับรองได้เลยว่าขาทั้งสองของเจ้าจะหุบเข้าหากันไม่ได้อีก..”
...ช่างเป็นคำขู่ที่ชวนให้รู้สึกขนลุกขนพองแบบแปลกๆ แฮะ
“ท่านแซลัสโปรดวางใจ ข้าจะไม่มีทางให้มันหลุดออกอย่างเด็ดขาด”
เขาอุ้มเธอขึ้นมานั่งลงบนโต๊ะทำงานของเขา จานีคสะดุ้งในทันทีที่บั้นท้ายของเธอแตะลงไปบนผิวโต๊ะหินอ่อน
“หากสิ่งที่อยู่ในนั้นมันเป็นของข้าล่ะก็ เจ้าจะรู้สึกทรมานมากกว่านี้อีก”
เช่นนั้นเธอควรพูดกับเขาว่าอย่างไร
อา..โชคดีแล้วที่เจ้าสิ่งที่ท่านใส่เข้ามามันไม่ใช่จุ๊ดจู้ของท่าน แบบนี้งั้นเรอะ!
สายตาของเขาแฝงความเร่าร้อนและแรงปรารถนา ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกลืนกินไปทั้งตัว
“...แล้วจะให้ข้าหลบที่ไหนกันคะ ในเมื่ออีกไม่นานท่านต้องเปิดการประชุม..”
สายตาของแซลัสเบนไปที่ใต้โต๊ะ
“ข้านั่งอยู่ที่หัวโต๊ะและจากตำแหน่งที่ข้านั่งจะไม่มีใครมารบกวนหรือว่ามองเห็นอย่างแน่นอน จานีค..เข้าไปนั่งที่ใต้โต๊ะแล้วใช้ปากของเจ้าให้เป็นประโยชน์..”
เอาอีกแล้วงั้นเรอะ!! เธอไม่อยากทำแบบนั้นแต่อยากจะวิ่งหนีออกไปมากกว่า
“คือว่าข้าไม่...”
“ท่านคาดินันครับ ขุนนางตามรายชื่อของการประชุมมารอที่ด้านหน้าห้องแล้ว จะให้พวกเขาเข้าไปด้านในเลยรึเปล่าครับ”
แซลัสหัวเราะออกมาเบาๆ เขาระบายยิ้มหวานพร้อมกับมองท่าทีที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาของจานีค
“ให้เข้ามาเลยฟลิน!! เอาเลยกระต่ายน้อย รีบวิ่งไปหาที่หลบเร็ว”
ใบหน้าของจานีคแดงก่ำด้วยความโกรธ ในห้องนี้ไม่มีตู้หรือว่าหลังฉากกั้นที่จะสามารถซ่อนตัวได้เลย มีเพียงใต้โต๊ะเท่านั้นที่เธอจะสามารถซ่อนตัวได้ เธอกำมือแน่นก่อนจะวิ่งไปอีกฝั่งเพื่อมุดเข้าไปใต้โต๊ะ แต่ไม่ใช่โต๊ะของคาดินัน นี่คือโต๊ะรองลงมาจากโต๊ะของท่านคาดินัน หากเธอเดาไม่ผิดนี่จะต้องเป็นโต๊ะของท่านแกรนด์ดยุคอย่างแน่นอน
ดวงตาคมปรายมองไปยังโต๊ะใกล้ๆ เขาที่จานีควิ่งเข้าไปหลบซ่อน แซลัสกำมือแน่น ดวงตาของเขามันเต็มไปด้วยแววตาแห่งความโกรธเคือง เขาไม่พอใจเป็นอย่างมากที่เธอเลือกจะขัดคำสั่งของเขา ไม่พอใจที่จานีควิ่งเข้าไปหลบใต้โต๊ะของแกรนด์ดยุคด้วย
เมื่อฟลินเดินเข้ามา เขาชะงักในทันทีที่เห็นใบหน้าของท่านคาดินัน ไอสังหารเข้มข้นพวยพุ่งออกมาและนั่นทำให้บรรยากาศในห้องนี้ดูขุ่นมัว น่าอึดอัดไม่น้อยเลย
“ท่านคาดินันครับ เหล่าขุนนางเดินทางมาแล้ว..”
ฟลินเอ่ยตือนท่านคาดินันเพื่อจะบอกกล่าวว่าไอสังหารของท่านแซลัสมันกำลังพุ่งออกมา และคงไม่ดีแน่นอนหากว่าขุนนางพวกนั้นจับไอสังหารนั้นได้
“เริ่มเลยฟลิน ไม่ว่าวันนี้จะพูดคุยหรือว่าหารือกันเรื่องไหนก็เริ่มมันได้ในทันที เรารู้สึกเหมือนจะไม่สบายและต้องการให้การประชุมในวันนี้จบลงโดยเร็วที่สุด!
จานีคสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงของท่านแซลัสที่เขากล่าวออกมา เธอรู้ว่าหากการประชุมในวันนี้จบลง เธอจะต้องถูกเขาทำโทษอย่างแน่นอน แต่การปล่อยให้เขาบงการชีวิตของเธอ และได้ในสิ่งที่เขาต้องการไปทุกอย่างมันน่าหมั่นไส้นี่ ต่อให้เป็นเรื่องเล็กๆ น้อย เธอก็อยากจะตอบโต้เขากลับบ้าง ให้เขาได้ลิ้มลองรสชาติแห่งความผิดหวังซะบ้าง
ทว่าสิ่งที่จานีคควรจะสนใจในเวลานี้คือไมเนอร์ที่กำลังดึงเก้าอี้ออกไป เขาก้มหน้าลงมาพอดีและในวินาทีนั้นเราประสานสายตากัน
จานีคยกนิ้วขึ้นมาปิดปากเพื่อจะบอกให้เขาเงียบ
ไมเนอร์เลือกที่จะเงียบและนั่งลงตามเดิม เขามองไปที่คาดินันแซลัสก็พบว่า หมอนั่นกำลังยิ้ม..มันคือรอยยิ้มที่แสนมั่นใจที่น่ารังเกียจมากเหลือเกิน
การที่นักบุญหญิงจานีคมานั่งอยู่ที่ใต้โต๊ะของเขามันไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน คาดินันผู้นั้นคงทำเรื่องอะไรสักอย่างแน่ๆ
