Chapter 3 นางฟ้า
พ่อเลี้ยงธามส์ยิ้มให้กับตัวเองที่เห็นคนตรงหน้าเต้นจนเผลอลืมตัว ปารวีได้ทียกขาขึ้นตีเข่า กระแทกกลางกล่องดวงใจของเขาทันที จนร่างหนาคู้โค้งกระโดด หยองแหยงด้วยความเจ็บปวดจนหน้าเขียวหน้าเหลือง
“โอ๊ยย!”
“แต่ฉันบอกแล้ว!...ว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องคุยกับคนอย่างคุณ และขอสาปแช่ง...ไม่ว่าชาตินี้ หรือชาติไหนก็อย่าได้เจอคนหยาบคายอย่างคุณอีกเลย” ปารวีบอกแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย อารมณ์อยากเจอหน้าเขาก่อนกลับมากับตอนนี้แตกต่างกันลิบลับ
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวดี” พ่อเลี้ยงธามส์คาดโทษปารวีตามหลัง ทั้งที่ยังจุกกล่องดวงใจไม่หาย ก่อนที่จะเดินตามหญิงสาวเข้าไปในบ้าน
“อ้าวพี่ธามส์...มาทางนี้ค่ะ ทำไมถึงมาถึงที่นี่ได้ล่ะ” น้องสาวโบกมือเรียกทักทายพี่ชายที่เพิ่งเดินเข้ามา และพ่อเลี้ยงธามส์ก็เดินตามเสียงเรียกของน้องเข้าไปในบ้านที่หญิงสาวอีกคนเดินเข้าไปก่อน
“พอดีพี่เพิ่งจะเสร็จงานน่ะ ก็เลยแวะมาหาเราสักหน่อย หวัดดีคุณปรินทร์” คนเป็นพี่ตอบน้องสาว ไม่ลืมหันไปทักทายเจ้าของบ้านตามมารยาท ทั้งที่ใจไม่ได้รู้สึกอยากทักสักนิด
“เอ่อ... ผมขอแนะนำให้รู้จักปารวี น้องสาวของผม เธอเพิ่งมาจากฝรั่งเศส รวี...นี่พ่อเลี้ยงธามส์เจ้าของไร่ชา และไร่ดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงราย” ปรินทร์หันไปเรียกน้องสาวมาแนะนำ คนที่ถูกเรียกมายืนหน้าบึ้งตึงบอกบุญไม่รับอยู่ข้างๆ เธอรู้จักประวัติเขาดีกว่าที่พี่ชายแนะนำเสียอีก
“สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณปารวี ไม่น่าเชื่อว่าคุณปรินทร์จะมีน้องสาวสวยขนาดนี้ ผมชักตื่นเต้นเต็มทีที่จะ...” ชายหนุ่มทักอย่างสุภาพ หากเอ่ยค้างไว้ที่เท่านั้นเพราะน้องสาวเหยียบเท้าเอาไว้เต็มแรง รู้ว่าน้องสาวกำลังปรามไม่ให้เสียมารยาท ชายหนุ่มหยุดพูดแต่กลับส่งสายตามองปารวีตรงกันข้ามกับคำพูด
ปารวีกัดฟันกรอด เกลียดผู้ชายตรงหน้าตั้งแต่แรกเห็น เขาช่างหยาบคายไร้มารยาทที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอ
“ขอบคุณค่ะที่กรุณาชม แต่เก็บคำชมของคุณเอาไว้เถอะค่ะ ดิฉันไม่นิยมคนไม่จริงใจ” ปารวีถลึงตามองตอบกลับไป เธอพยายามรักษาน้ำเสียงให้เป็นปกติ เพื่อรักษามารยาทไว้บ้าง ทั้งที่เธอรังเกียจกับสายตาโลมเลียน่ารังเกียจนี้มากแค่ไหนก็ตาม
คนถูกว่ายังคงลอยหน้ายิ้มยั่วอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เห็นอาการอย่างนี้เขาก็ยิ่งนึกสนุก เจ้าหล่อนคงยังไม่รู้ว่าชื่อของตัวเองกำลังจะกลายเป็นพนักงานของที่ไร่ในไม่ช้า วินาทีนี้เขาอยากให้เธอไปทำงานที่ไร่ใจแทบขาด
“ชักอยากเห็นหน้าคนปากดีที่ไร่เร็วๆ แล้วสิ” ชายหนุ่มยวนต่อ รษาเห็นท่าไม่ดี ถ้าไม่เบรกศึกคงเป็นเรื่องยาว เธอจึงชวนทุกคนเข้าบ้าน
“ไปทานข้าวกันก่อนดีกว่าค่ะ ถึงเวลาพอดี...กับข้าวจะชืดเสียก่อน”
“รวีต้องขอตัวนะคะพี่ปรินทร์ น้องรษา” ปารวีหันมาบอกพี่ชายกับพี่สะใภ้ แล้วเดินออกไปจากตรงนั้นทันที
“รษา...พี่ก็ต้องขอตัวเหมือนกัน พอดีนึกขึ้นได้ว่าติดธุระด่วน เอาไว้วันหลังค่อยคุยกันนะ ส่วนเรื่องงานของเรา...ไปเริ่มทำได้แล้ว...ไปค้างที่ไร่เลย จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา” แขกมองเจ้าของบ้านอย่างเข่นเขี้ยว รษาเองก็หนักใจ...ไม่รู้ว่าพี่ชายจะเคืองโกรธสามีของเธอไปถึงไหน เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว
“คงจะไม่ได้หรอกครับ ยังไงเมียก็ต้องกลับมาอยู่กับสามี ผมให้รถโรงแรมไปรับไปส่งทุกวันยังไหว” ปรินทร์แทบแยกเขี้ยวส่งแขก พอลับร่างแขกที่เดินออกไป ปรินทร์ก็หันมาอ้อนภรรยา
“ผมยอมให้คุณไปทำงานช่วยพี่ชายคุณก็มากเกินพอแล้วนะครับ ผมไม่ให้คุณค้างที่ไร่อย่างพี่ชายคุณบอกนะ แล้วผมก็รับปากว่าจะขอให้รวีไปช่วยอีกแรง”
“เรามีกันแค่สองคน...ที่ผ่านมาพี่ธามส์ก็ทำเพื่อรษามาเยอะแล้ว รษาขอนะคะ พอจบเรื่องนี้...รษาจะตามใจคุณทุกอย่าง” สาวน้อยขี้อ้อนกอดแขนอ้อนสามี เขย่งปลายเท้าจูบปลายคางสากเบาๆ ถึงอย่างนั้นคนตัวโตถึงยิ้มออกมาได้ เขาเองก็ไม่ค่อยชอบใจแผนของภรรยาสาวมากนัก แต่เมื่อเธอขอมา เขาก็ขัดไม่ได้ทุกที
ปารวีเดินทอดน่องมาถึงสวนหน้าโรงแรมปางวิมาน มองตึกที่บิดาสร้างมาด้วยความภาคภูมิใจ เกือบยี่สิบปีที่เธอจากไป...พอกลับมาอีกครั้งมันก็แปลกตาจนเธอแทบจำเค้าลางเดิมไม่ได้
ปารวียืนพิงขอบพนักเก้าอี้ไม้โบราณกลางสวน เธอแหงนหน้าขึ้นบนท้องฟ้าสีหม่น แสงสะท้อนแสงบนตึกรามบ้านช่องของเมืองเชียงราย แสงไฟที่เปิดแข่งแสงเดือน ใจกลางเมืองดับรัศมีดาวสวยแห่งค่ำคืน นานมากแล้วที่เธอไม่ได้เห็นดวงดาวกับแสงเดือนในเวิ้งขอบฟ้าเมืองสยาม แต่คืนนี้...ดาวช่างดูหม่นหมองเหมือนใจเธอเสียอย่างไร
“คุณพ่อคะ...รวีขอโทษที่ไม่ได้กลับมาหาคุณพ่อเลย ไม่นึกเลยว่าการกลับเมืองไทยของรวีครั้งแรก...หลังจากที่รวีจากไป กลับต้องเป็นการมาส่งคุณพ่อครั้งสุดท้าย...รวีรักคุณพ่อนะคะ” ปารวีทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง เธอกลับมาก็เพราะการจากไปของบิดา และพี่ชายขอร้องให้อยู่ต่อ เธอถึงยอมส่งจดหมายไปลาออกจากงานที่ฝรั่งเศส เมื่อนึกถึงความทรงจำครั้งหลังที่อยู่ที่นี่...น้ำตาก็เอ่อปริ่มคลอเบ้า ทั้งที่พยายามอดกลั้นเริ่มไหลรินออกมา แต่เธอก็บังคับมันไม่ได้สักที
“อ้าว! ไอ้เราก็นึกว่านางไม้ที่ไหน ที่แท้ก็...” พ่อเลี้ยงธามส์ชะงักค้างไว้แค่นั้น...จากที่เขาตั้งใจจะพูดยั่วอารมณ์หญิงสาวมากกว่านั้น แต่...เมื่อเขาเห็นแก้มเนียนใสยังมีรอยคราบน้ำตา ดวงตาคมแดงก่ำเหมือนกำลังร้องไห้ แต่เขาก็ยังไม่วายกวาดสายตาโลมเลียปารวีอย่างกวนๆ อย่างที่ตั้งใจไว้
ปารวีใช้หลังมือปัดแก้มเช็ดคราบน้ำตาลวกๆ มองหน้าพ่อเลี้ยงธามส์อย่างเอาเรื่อง เขาจะตามกวนอารมณ์ของเธอให้ขุ่นมัวไปถึงไหนกัน
“นี่คุณอีกแล้วหรือ วันนี้มันเป็นวันอะไรของฉันนักหนานะ ถึงได้ดวงตกขนาดนี้ พ่อก็ตายไม่ได้มาดูใจ พอมีคนเข้าใกล้ก็ปากมอมไม่มีใครเกิน สงสัยฉันต้องไปทำบุญล้างซวยปัดรังควาญจริงๆ” ปารวีจ้องมองหน้าคนที่เดินเข้ามาใหม่ ตอบกลับทันทีทั้งที่รอยคราบน้ำตายังเช็ดไม่หมดจากข้างแก้ม
“จะไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ที่ไหนก็ไป”
ชายหนุ่มยกมือยอมแพ้ “โอเคๆ แค่จะมาบอกว่า เจอกันที่ไร่นะ...ฉันจะรออย่างใจจดใจจ่อ และจะเตรียมการต้อนรับเป็นอย่างดี” ชายหนุ่มยักคิ้วบอกอย่างอารมณ์ดี
“ไม่มีทางเสียละ” หญิงสาวตะโกนตามหลัง
“ฮ่าๆๆ”
เขาตอบกลับด้วยเสียงหัวเราะดังลั่น อีกคนได้แต่มองตามหลังอยากคาดโทษ โกรธที่ทำอะไรเขาไม่ได้
