บทย่อ
เธอ...คือเหยื่อแค้น ผู้หญิงที่ต้องฝึนทนกับอารมณ์ร้ายๆ ของเขา เขา...ใช้วาจาเชือดเฉือน คอยกรีดแทงหัวใจเธอเจ็บซำ้ เธอยอม...จนวันที่เหนื่อยเหลือทน และเดินจากไป เขาจึงรู้ว่าร่างกายที่ไร้หัวใจ...เปรียบดั่งต้นไม่ไร้หยาดฝน เขาจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร มันสายไปหรือเปล่า??? ............................................................ hot!!! “ถ้าอย่างนั้นก็วิวาห์เหาะมันเลยก็แล้วกัน วางแผนดีนัก...” พ่อเลี้ยงหนุ่มรวบร่างบางเข้าในวงแขนแกร่งแล้วช้อนร่างบางกระชับอ้อมแขนอุ้มปารวีขึ้น แล้วเดินขึ้นบันไดไปบนบ้านทันที แต่ก็ไม่วายตะโกนมาลงสั่งน้องสาว “ยัยรษา! สั่งทุกคนห้ามรบกวนพี่จนกว่าจะเช้า... แล้วก็...พรุ่งนี้เช้าเชิญนายอำเภอกับเตรียมชุดธูปเทียนแพขอขมาให้พี่ด้วย คืนนี้พี่จะโกนหนวดให้เกลี้ยง แล้วจะทดลองงานตำแหน่งแม่เลี้ยงไร่ปกรักด้วยเลย ทุกคนปาร์ตี้กันให้สนุก...แต่ขอย้ำ ว่าห้ามรบกวนเด็ดขาด...”
Chapter 1 ปภากุล นามสกุลที่เขาเกลียด
“ปารวี ปภากุล” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อนั้นออกมาเบาๆ รีบคว้าแฟ้มงานที่มีชื่อนั้นกางออก แม้เขาไม่รู้จักเจ้าของชื่อ แต่แน่นอนว่าเขารู้จักนามสกุลนี้เป็นอย่างดี
นามสกุลของน้องเขยที่เขาเกลียดเข้าไส้ เขาเกลียดที่หมอนั่นกล้าหักหน้าเขากลางงานแต่งงาน แล้วก็เยาะเย้ยที่ในที่สุดมันก็ได้น้องสาวสุดหวงของเขาไป และแน่นอนว่าครั้งนี้ คนเจ้ากี้เจ้าการส่งเจ้าหล่อนมาคงหนีไม่พ้นน้องเขยตัวร้าย หวังจะมาแทรกซึมเอาคนมาที่ไร่ ไม่มีทางเสียละที่เขาจะลืมความแค้นง่ายๆ
เขาวางแฟ้มลงบนโต๊ะ ทั้งที่ไม่ถูกนักที่จะเรียกมันว่าวาง เพราะแฟ้มประวัติของหญิงสาวร่วงลงไปกองกระจัดกระจายอยู่บนพื้น
“อะไรของนายวะธามส์” เสียงของก้องหล้าทักขึ้นมา พร้อมกับหยิบเอกสารบนพื้นขึ้นมาดู เจ้าของไร่รีบดึงกลับทันที
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ฉันทำหล่นน่ะ เรื่องคนงานไปถึงไหนแล้ว” ชายหนุ่มตอบกลับเพื่อน และเปลี่ยนเรื่องไปทันที ปรับสีหน้าเกรี้ยวกราดเมื่อครู่ให้เรียบสนิทดังเดิม
“ฮือ...ก็มีบางส่วนที่เป็นพนักงานระดับปฏิบัติงาน ฉันรับเข้ามาบางส่วนแล้ว ส่วนพนักงานระดับหัวหน้างาน การตลาดและนักเคมี Technical Perfumer กับ Creative Perfumer หรือนักปรุงกลิ่น ฉันอยากให้นายดูด้วยตัวเอง นัดสัมภาษณ์ทั้งหมดวันจันทร์ ฉันว่าจะบอกแกพอดี ”
“อืม...ดีเหมือนกัน นายนัดคนมาเยอะหรือเปล่า แต่ว่าฉันรับเมธาวีเพื่อนของรษามาช่วยงานด้านการตลาด แต่ก็แล้วแต่นายนะ ว่าจะให้ช่วยที่โรงงานหรือไร่ชา แต่ฉันเคยเปรยกับอานินไปตั้งแต่ก่อนเราทำโรงงานแล้วว่าจะหาคนไปช่วยแบ่งเบาเรื่องการตลาดกับเอกสาร”
“ฉันว่าให้ไปช่วยที่ไร่ชาน่าจะดีกว่า ฉันเคยบอกน้องไปตั้งแต่วันนั้นแล้วว่าจะให้ไปช่วยไร่ชา ช่วงนี้ฉันก็ยุ่งมากไม่ค่อยได้เข้าไปดูเท่าไร งานที่โรงงานฉันพอรับมือไหว ส่วนเรื่องรับพนักงาน...คนสมัครเข้ามาส่วนมากจะอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นสวนใหญ่ และมีปัญหาเรื่องการเดินทางมาเชียงรายเยอะเหมือนกัน แต่ฉันก็แจ้งไปแล้วว่าทางเราจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดให้ แล้วนี่ก็แฟ้มทั้งหมด...นายเอาไปดูก่อน” ก้องหล้าบอกพร้อมกับยื่นแฟ้มเอกสารให้เพื่อนที่รั้งตำแหน่งเจ้านายไปด้วย
“อืม...ดี ขอบใจนายมากนะก้อง...แล้วเรื่องบ้านพักที่จะรองรับพนักงานพร้อมนะ”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว หรือว่านายจะไปดูอีกทีก็ได้นะ เผื่อว่านายมีอะไรอยากจะเพิ่มเติมหรือแก้ไขได้ทันก่อนที่โรงงานจะเปิด”
ก้องหล้าเดินไปย่อตัวลงนั่งบนโต๊ะทำงานของตัวเอง
“เหนื่อยหน่อยนะไอ้ก้อง ช่วงนี้ฉันยุ่งมากไม่ได้มาช่วยแกเท่าที่ควร” พ่อเลี้ยงธามส์บอกเพื่อนรักที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการโรงงานและเป็นคนสนิทที่สุดของเขา
“ไม่เป็นไรหรอกธามส์...เหนื่อยหน่อยแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าถ้าเราเห็นงานมันออกมาดี น้องรษาจะมาทำงานหรือยังล่ะ” ก้องหล้าตอบกลับไปโดยที่ไม่ละสายตาจากงานตรงหน้า ไม่วายที่จะถามถึงรษาที่บอกจะมาช่วยงาน ผัดผ่อนมาเป็นปี
“อีกไม่นานหรอก...คราวนี้ฉันจะทำให้รษามาช่วยงานให้ได้” พ่อเลี้ยงหนุ่มบอกอย่างหนักแน่น ตั้งแต่เรียนจบรษาก็ขอผลัดมาเรื่อยๆ จะเกิดเรื่องและแต่งงาน แต่คราวนี้เขาต้องแยกรษาให้กลับมาอยู่ไร่ให้ได้
“แกไม่ต้องห่วงงานทางนี้หรอก ฉันดูแลได้ ถ้าน้องรษายังไม่พร้อมก็ยืดออกไปก่อนได้” ชายหนุ่มละสายตาจากงานตรงหน้าหันมาบอกเพื่อนให้ได้คลายกังวล
“ไม่ได้หรอก ยิ่งมาได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดี นายก็รู้ว่าฉันเกลียดหมอนั่นจะตาย”
“นายยังไม่ลืมอีกหรือ...น้องรษาก็แต่งงานไปแล้ว แกจะจงเกลียดจงชังเขาทำไมนักหนา” ก้องหล้าบอกเสียงเบื่อหน่าย เขาพูดเรื่องนี้มานับปี แต่เพื่อนก็ไม่มีวี่แววจะลบลอยความแค้นลงสักนิด ทั้งที่น้องเขยแสนเกลียดของเขาก็ดูแลน้องสาวเขาเป็นอย่างดี
“ฉันมีธุระในเมือง ต้องรีบไปนะ” พ่อเลี้ยงธามส์เปลี่ยนเรื่องพร้อมกับขยับตัวลุกแล้วก้าวออกจากโต๊ะทำงาน
“นายไม่ได้นัดใครนี่” ก้องหล้าถามอย่างแปลกใจ ปกติเขาไม่เห็นว่าพ่อเลี้ยงธามส์จะยอมออกจากไร่ หากไม่มีธุระจำเป็นหรือนัดกับลูกค้ารายสำคัญ และส่วนใหญ่เขาจะเป็นคนไปแทนเสียมากกว่า
“ฉันก็จะไปคุยกับรษาให้รู้เรื่องนั่นแหละ”
ก้องหล้าพยักหน้ารับแกนๆ เขารู้ดีว่าศึกแย่งสาวน้อยนามว่ารษาจะไม่ยอมจบง่ายๆ พี่ชายก็หวงแสนหวง ส่วนน้องเขยก็ไม่ลดลาวาศอกลงสักนิด
หลังจากก้าวพ้นกรอบประตู ธามส์ก็ยกแฟ้มในมือขึ้นมองอย่างเจ้าเล่ห์ ในใจเหมือนจะปริแตกด้วยความดีใจ ชายหนุ่มซ่อนยิ้มร้ายเอาไว้ข้างใน ในที่สุดโอกาสของเขาก็มาถึง คราวนี้ไอ้ปรินทร์จะได้ลิ้มรสความปวดร้าวเหมือนอย่างเขาสักที
พ่อเลี้ยงหนุ่มล้วงมือต่อโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทอีกคนพร้อมกับเดินออกไปที่รถ...
มุมหนึ่งของร้านอาหารของเมืองเชียงราย เรือนริมน้ำโอบล้อมด้วยสวนดอกไม้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ด้านหนึ่งเป็นระเบียงโล่งที่ยื่นออกไปชิดติดกับแม่น้ำเห็นแสงไฟดวงเล็ก ๆ ที่ประดับอยู่ตามราวระเบียงสะท้อนกับสายน้ำยามค่ำคืนที่ไหลเอื่อย ให้แสงสีสวยงามยามค่ำคืน แต่มันกลับไม่ลบเลือนความเดือดดาลในแววตาของพ่อเลี้ยงหนุ่มได้เลย มันเหมือนน้ำมันล่วงเลยจุดเดือดหลายองศา ทนรอต่อไปไม่ไหว นี่คือ...บทเริ่มต้นการแก้แค้นเอาคืนความเสียหน้าของเขา
“ว่าไงไอ้ธามส์...จมูกไวเชียวนะแก ฉันโฉบมาเชียงรายได้ไม่ถึงสองชั่วโมง ก้นยังไม่หายร้อนเลย...แกก็โทรตามฉันมานี่ มีอะไรด่วนนักหนาวะ” อิทธิพลถามพ่อเลี้ยงธามส์ เหมือนหงุดหงิดเต็มประดา
“แกแน่ใจนะว่าปรินทร์มันรักน้องสาวของมันมาก” อยู่ๆ พ่อเลี้ยงธามส์ก็เปิดฉากถามเพื่อนขึ้นมา อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งที่อิทธิพลยังไม่ได้หย่อนก้นลงนั่งด้วยซ้ำ
“เอ๊ะไอ้นี่! เมื่อกี้ตอนคุยโทรศัพท์ก็บอกไปแล้ว แน่ใจสิวะ!...ฉันตามจีบน้องรวีมาเป็นปีๆ แล้วไอ้ปรินทร์มันตามหวงซะขนาดนั้น แกก็มัวแต่อยู่ในถ้ำห้องสมุดจะไปรู้เรื่องราวอะไรกับใครเขา”
“อือ...เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงได้มาถามแก”
“เออ! ว่าแต่แกไม่รู้จักหรือ...ไปเรียนฝรั่งเศสตั้งสองปีกว่าแกน่าจะได้เจอหน้าบ้างนะ คนไทยก็มีไม่กี่คน ปรินทร์น้องเขยแกกับน้องรวีอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่เด็ก แล้วตอนเราไปเรียนเขาก็เป็นรุ่นน้องของเราที่มหาวิทยาลัยนะ น้องเขาเรียนจบปริญญาตรีพอดี” อิทธิพลเล่ายาวให้เพื่อนฟัง พ่อเลี้ยงธามส์มีสีหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งเหมือนจะจำได้
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ...จำไม่ได้หรอก ไม่ได้ใส่ใจใคร” ที่บอกเพื่อนไปไม่ได้ปดสักนิด เพราะเขามัวมุ่งแต่เรียนไม่ได้สนใจผู้หญิงแม้แต่คนเดียว
“ไอ้นี่! ประจำเลยแก ถามจริงๆ เถอะ ไปเรียนตั้งหลายปี แกรู้จักหรือจำใครได้นอกจากฉันหรือเปล่า” อิทธิพลเหน็บเพื่อน แต่พ่อเลี้ยงธามส์กลับไม่ยินดียินร้ายกับเพื่อนเท่าไร
“แกบอกแกเคยตามจีบ แล้วน้องสาวมันนิสัยเป็นยังไง” พ่อเลี้ยงธามส์ถามต่อ
“เก่งและสวยมาก ที่มหาวิทยาลัยน้องเขาทำกิจกรรมตั้งหลายอย่าง ว่าแต่แกถามทำไมวะ? แล้วที่แกเรียกฉันมา โทรตามยิกๆ เป็นเมียจิกผัวเนี่ย แกอย่าบอกนะ ว่าแค่จะมาถามเท่านี้ แต่แปลกใจว่ะ ทำไมอยู่ดีๆ แกหันมาสนใจผู้หญิงขึ้นมา มีเรื่องอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า....หรือว่า....” อิทธิพลค้างคำพูดได้แค่นั้น พ่อเลี้ยงธามส์ก็ปฏิเสธเสียงสูงสวนขึ้นมาก่อน โดยที่อิทธิพลอ้าปากค้างเหมือนมีอะไรจะพูดต่อ

