Chapter 3
นางบำเรอที่ดีต้อง...ตัดสินใจเร็ว
เกวลีเป็นผู้หญิงแบบที่ปารวิชญ์จะไม่ยุ่งด้วย ไม่ใช่เพราะเธอดูจืด เชย แต่เป็นเพราะเธอมีความบริสุทธิ์ใสซื่อ ซึ่งทำให้คนอย่างเขาดูแย่ไปถนัดตา สมัยมหาวิทยาลัยเธอเป็นพวกตั้งใจเรียน ทว่าสอบคะแนนได้ไม่ดีมากเท่าพวกไม่ตั้งใจเรียนแต่ความจำดีอย่างเขา
เธอมักอยู่กับเพื่อนผู้หญิงกลุ่มที่คล้าย ๆ กัน เพิ่งมีสีสัน แต่งตัวดีขึ้นก็ตอนทำงานแล้ว
แต่เกวลียังไม่เปลี่ยน หน้าเนียนใส ๆ เธอเหมือนกระเบื้องเคลือบขาว ท่ามกลางเครื่องเคลือบอื่นที่แต่งแต้มเสียลายพร้อย
ปารวิชญ์รู้สึกดีขึ้นหน่อยที่เธอจืด แต่ไม่ได้โง่มาก เท่าที่ฟังการสนทนากับเสี่ยหื่น หนี้นั้นเกิดจากญาติ แต่ปารวิชญ์คิดว่าเธอโง่อยู่ดีที่จะหาเงินมาใช้หนี้ให้คนอื่น พ่อแม่หรือก็ไม่ใช่
ระหว่างทางนั่งรถด้วยกันมา ระหว่างเธอนิ่ง เขาลอบพินิจแล้ว
เกวลีใบหน้ารูปไข่ เธอแต่งหน้าบาง ๆ เผยให้เห็นผิวเรียบเนียน ปากสีชมพูที่ติดออกจะซีดไปสักหน่อยสำหรับยามค่ำคืน ผมยาวดำขลับรวบเป็นหางม้า ปลายระต้นคอ เธอตกขีดมาตรฐานผู้หญิงเขาไปเสียไกล
แต่คืนนี้ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้เขาคิด และยื่นข้อเสนอเธอไป
ใช่ว่าปารวิชญ์ไม่เคยกินเพื่อน แต่เขาเลือกคนที่ท่าทางไม่ปากโป้ง เพียงกินกันบางครั้งเวลาอยาก ไม่ได้คบจริงจัง ซึ่งพวกเธอเหล่านั้นล้วนยินดีในความสัมพันธ์แบบนี้ แต่กับคนจืดและดูเหมือนจะบริสุทธิ์อย่างเกวลีเขาไม่เคยกิน
ปารวิชญ์มีเงิน และหน้าตาที่ดี เขาไม่เคยใช้เงินซื้อผู้หญิง เกวลีเป็นคนแรก และเป็นเป็นคนที่เขาอาจจะจ่ายแพงที่สุด
ลองมีอะไรกับสาวจืด ท่าทางบริสุทธิ์ดูสักทีจะเป็นไร ลองเปลี่ยนรสชาติดู เอ... อย่างนี้เขาก็ทำตัวไม่ต่างกับเสี่ยอ่าง ในสมองร้อง แต่อีกเสียงหนึ่งก็ค้าน ไม่เหมือนกันเสียหน่อย เธอยังมีทางเลือก ถ้าตอบปฏิเสธก็ทางใครทางมัน เขาไม่ได้ขู่ว่าจะให้ลูกน้องจัดการเธอเสียหน่อย
เกวลีตาโตมองปารวิชญ์อยู่นาน จากนั้นยกสองมือขึ้นประกบตบหน้าตนเองดังเพี๊ยะ เธอเจ็บ... แสดงว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
“เมื่อกี้บูมพูดอะไรนะ”
“ถ้าอยากได้เงินใช้หนี้ก็จะให้ แค่ฟ้านมาเป็นเด็กฉัน”
เขาบอกพร้อมระบายยิ้ม ขณะคนฟังลุกพรวดขึ้น หยิบกระเป๋าเตรียมชิ่ง
“ฟ้านจะไปไหน ใจเย็น ๆ ก่อนสิ”
เขาลุกขึ้นเช่นกัน มือแข็งแรงยื้อกระเป๋าจากเธอไว้
“บูมอย่ามาล้อเล่นอย่างนี้”
ใบหน้านวลมีสีแดงเรื่อขึ้นตรงแก้ม แววตาส่งแววตระหนก ปากคอสั่น
“นั่งลงคุยกันก่อน”
“ฉันจะกลับบ้าน”
“กินข้าวก่อนเดี๋ยวค่อยไป”
พอดีกับพนักงานยกอาหารมาเสริ์ฟ
“ฉันไปส่งเธอแน่ สัญญา”
กลิ่นอาหารร้อน ๆ ทำในท้องหญิงสาวปั่นป่วน ด้วยมื้อสุดท้ายที่ได้กินคือเที่ยง
“บูมอย่าพูดอะไรบ้า ๆ อีก”
แต่คนตัวเล็กก็ยังไม่ยอมนั่งลงอยู่ดี มือเขาและเธอต่างจับกระเป๋าอีกฝั่งอยู่ จนเกะกะพนักงานที่มาเสริ์ฟ เกวลีขยับตัวหลบอาหารจานร้อนตามสัญชาตญาณเป็นผลให้ปารวิชญ์ได้ที กระตุกกระเป๋าทีเดียว มันก็หลุดจากมือเธอ
เขารวบมันมาไว้ซ่อนไว้ด้านหลัง ตาโตวาววับอย่างไม่ยินยอมสงบง่าย
“นั่งกินข้าวก่อน ค่อยคุยกัน ฟังข้อเสนอฉันสักนิด แล้วจะคืนของให้ จะไปส่งด้วย”
ชายหนุ่มนั่งลง ใช้เสียงละมุนละม่อม
“ข้อเสนอฉันไม่ทำร้ายเธอเท่าเสี่ยนั่นหรอก”
เกวลีกัดริมฝีปากอับอายที่เขารู้ว่าตนเองได้รับข้อเสนออะไรมา
“นั่งลงซะ ถ้าไม่อยากเป็นจุดสนใจของคนทั้งร้าน”
เขาเรียกสติ เธอค่อยหันมองรอบ ๆ ลูกค้าในร้านหลายโต๊ะมองเธอกับเขา หนุ่มหล่อกับสาวแต่งตัวเรียบ ๆ ปริศนา ร่างบอบบางจึงยอมนั่งลง
“ให้ท้องอิ่มก่อนแล้วค่อย ๆ คิด”
ปารวิชญ์บอกเธอ เกวลีกินไข่เจียวหมูสับกับข้าวนิดหน่อย พอให้ท้องคลายหิว ระหว่างนั้นก็ลอบมองเขา ผู้ชายคนที่สองที่ยื่นข้อเสนอชวนตกใจให้ในคืนนี้ ปารวิชญ์ผิวขาวแบบหนุ่มญี่ปุ่นหรือโอปป้าเกาหลี คิ้วเข้มเป็นระเบียบ ดวงตาเข้มลึก จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูป เขาหุ่นสูงใหญ่ แบบคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ
สมัยเรียนเจ้าตัวยังเคยถ่ายแบบลงนิตยสารและเล่นโฆษณาสองสามตัว เคยได้ยินในคณะลือว่าหากไม่ติดเรื่องที่แม่เขาไม่อยากสูญเสียความเป็นส่วนตัว ปารวิชญ์คงเข้าวงการเป็นดาราไปแล้ว
“ฉันหล่อใช่ไหมล่ะ”
ปากเป็นกระจับผุดพรายยิ้ม คนแอบมองเสหลบตาไปมองหม้อโป๊ะแตกกลางโต๊ะ
“หล่อกว่าเสี่ยอ่างนั่นตั้งเยอะ”
“แต่บูมก็อยากให้ฉันไปเป็นเด็กตัวเอง...มันก็เหมือนเสี่ยอ่างนั่นแหละ”
เธอกลับมาจ้องตาเขาอีกครั้ง ค้นคว้าหาบางอย่างจากดวงตาเพื่อนร่วมคณะ แต่มันก็นิ่งสนิท
“แต่ฟ้านไม่ได้เป็นเมียน้อย เพราะฉันยังไม่มีเมีย”
“แฟนบูมจะไม่เสียใจเหรอ”
ไหล่กว้างยักขึ้น
“ฉันไม่มีแฟน”
หญิงสาวหรี่ตา จะเป็นไปได้อย่างไรที่หนุ่มหล่ออย่างเขาจะไม่มีคนคู่กาย
“ฉันเป็นพวกไม่อยากผูกพันกับใคร เลยโสด ว่างเสมอ”
เออเนอะ...คำตอบทำเอาใจคนฟังไหว
“แล้วทำไมบูมถึงอยากให้ฉันเป็น...เด็กล่ะ”
เกวลีไล่ความอายออกไปจากสมอง ในเมื่ออีกฝ่ายรู้สถานการณ์เธอแล้ว สู้คุยกันให้จบไปเลยดีกว่า
“ก็ฟ้านกำลังลำบาก”
“งั้นฉันขอยืมเงินแทนได้ไหม”
เธอได้ทีเปลี่ยนสถานการณ์
“แต่ฉันเป็นนักธุรกิจ จะไม่ลงทุนกับอะไรที่มีวี่แววว่าหนี้จะสูญ”
ปารวิชญ์ยกข้อศอกทั้งสองเท้าโต๊ะ ประสานมือรองคาง มองคนตรงหน้าหัวจรดเท้า จนเธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ
“ฉันจะหาเงินมาใช้หนี้นะบูม ทุกบาททุกสตางค์”
เธอส่งสายตาขอความเห็นใจ
“ตอนนี้เงินเดือนฟ้านเท่าไร รู้ไหมถ้ากู้เงินห้าแสนธนาคารคิดดอกเบี้ยเท่าไร แล้วไหนจะค่ารักษาน้าอีก จะหาเงินจากที่ไหนมา”
ปารวิชญ์ใช้ชั้นเชิงในฐานะซีอีโอของบริษัทปารณ เอเจนซี่โฆษณาและสตาร์ทอัพแอปพลิเคชันรีวิวอาหารดังเข้าตะล่อม ปรากฏความหวั่นไหวในดวงตาโต
“แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นเด็กใคร”
“ถามจริง ฟ้านยังซิงอยู่ใช่ไหม”
ปากหญิงสาวเผยอค้าง หน้าร้อนวูบ
“คิดซะว่าเป็นการขายซิงให้ฉัน ดีกว่าให้ใครก็ไม่รู้ที่ช่วยเหลืออะไรเธอไม่ได้เอา”
เกวลีกำมือแน่นจนเห็นข้อขาว สะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ยกแก้วน้ำสาดหน้าเขา รู้อยู่หรอกว่าปารวิชญ์วาจาร้ายกาจ แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดถึงเพียงนี้ มองความบริสุทธิ์ของเธอเป็นสินค้าซื้อขาย
“หรือว่าจริง ๆ แล้วฟ้านไม่ซิง”
แต่เขาคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมองพลาด การทำงานเป็นผู้บริหารสูงสุดในบริษัททำให้เขามีทักษะในการมองคนเพิ่มขึ้น
“หยุดได้แล้วฉันไม่อยากฟัง ฉันจะกลับบ้าน”
คนตัวโตกว่าคลายมือจากโต๊ะ หลังไปพิงเก้าอี้
“ฉันให้เวลาฟ้านตัดสินใจสองวัน เร็วกว่ากว่าเสี่ยอ่าง เธอจะได้มีเวลาจัดการกับชีวิตว่าจะเอายังไงต่อ”
เกวลีมองว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายไม่ต่างกับเจ้าหนี้เดิม ปารวิชญ์กลับเห็นว่าเป็นการยื่นข้อเสนอทางธุรกิจ ไม่บังคับ แต่ขอให้ตอบมา
ชายหนุ่มยกมือเรียกบริกรมาคิดเงิน เธอจะเดินมาเอากระเป๋า แต่เขายื้อไว้ก่อน
“เดี๋ยวถือให้”
เขาให้เหตุผลที่ยังไม่ปล่อยมือ พอดีกับบริกรเอาบิลมา เขาเลี้ยงเธอตามที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น แล้วดึงทั้งตัวเธอทั้งกระเป๋าไปทางรถสปอร์ต ปารวิชญ์ทำเหมือนเมื่อออกจากคลับคือดันตัวเธอไปในรถ จัดการล็อกไว้ด้วยเข็มขัดนิรภัย
ชายหนุ่มขับรถไปเงียบ ๆ ถามทางเธอเป็นบางครั้ง จนมาถึงซอยหน้าหอ
“แน่ใจเหรอ ให้ฉันเข้าไปส่งไหม”
เขาอาทร มองไปในซอยที่มีไฟสองทางสว่าง แต่ร้างผู้คนเดินถนน
“ซอยมันกลับรถยาก ฉันเดินเข้าไปนิดเดียว”
แล้วเกวลีก็กัดริมฝีปากตัวเอง เธอจะไปบอกเขาทำไม ทำตัวเหมือนห่วง ผู้ชายคนนี้เพิ่งเสนอให้เธอเป็นเด็ก เป็นนางบำเรอ เขาชั่วร้ายไม่ต่างกับเสี่ยอ่าง
“ฉันยังใช้เบอร์เดิม ไลน์เดิมนะฟ้าน อีกสองวันตอบมา”
ปารวิชญ์บอกขณะเธอกำลังปลดเข็มขัดนิรภัย เกวลีออกจากตัวรถ ปิดประตูดังปัง มุ่งหน้าเดินไปหอพักตน
หากหันมามองสักนิดจะพบว่ารถยุโรปยังจอดนิ่งอยู่กับที่ เฝ้ามองเธอจนหลับสายตาไปในรั้วเหล็กแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงค่อยเคลื่อนกลับสู่ถนนฝ่าการจราจรยามดึกกลับสู่คอนโดหรูในย่านธุรกิจของตน
