บทที่ 5: เผชิญหน้ากับอดีต
ล้อรถ Rolls-Royce Phantom สีดำสนิทเคลื่อนตัวมาจอดเทียบหน้าพรมแดงของโรงแรมหกดาวใจกลางกรุงเทพฯ อย่างนุ่มนวล ประตูรถถูกเปิดออกโดยพนักงานต้อนรับ ก่อนที่รองเท้าส้นสูงจากแบรนด์ดังจะก้าวลงมาเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยเรือนร่างระหงในชุดราตรียาวเกาะอกสีดำสนิทที่ขับเน้นผิวขาวผ่องให้โดดเด่นตัดกับสีราตรี
การปรากฏตัวของ "อารยา วงศ์วริศ" ทำให้แสงแฟลชจากบรรดาสื่อมวลชนสาดส่องมาราวกับพายุในทันที ทุกคนต่างสงสัยว่าสตรีผู้เลอโฉมและเปี่ยมไปด้วยออร่าของอำนาจคนนี้คือใคร เธอคือคลื่นลูกใหม่ที่ทรงพลังที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ในขณะนี้ แต่ประวัติของเธอกลับลึกลับราวดั่งสายน้ำที่ไร้ต้นกำเนิด
"ไหวแน่นะอาย" เพียงขวัญที่ก้าวลงจากรถตามมาในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้ม กระซิบถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง เธอมองเห็นความตึงเครียดที่ซ่อนอยู่หลังใบหน้างดงามไร้ที่ติของอารยา
"เกินกว่าไหวเสียอีก" อารยาตอบกลับสั้นๆ แววตาของเธอจ้องตรงไปยังประตูทางเข้าห้องแกรนด์บอลรูม ที่ซึ่งอดีตของเธอกำลังรออยู่ "คืนนี้...ฉันแค่มาทวงดอกเบี้ยนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
ทั้งสองควงแขนกันเดินเข้าไปในงาน
"The Pinnacle Awards" งานประกาศรางวัลสุดยิ่งใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความหรูหรา ผู้คนในแวดวงสังคมชั้นสูงต่างทักทายและเจรจาธุรกิจกันภายใต้รอยยิ้มจอมปลอม การมาถึงของอารยาดึงดูดทุกสายตาได้ในทันที
ไม่นานนัก ร่างเพรียวระหงของ "มินตรา" CEO หญิงแห่งบริษัทคู่แข่งก็เดินตรงเข้ามาหาพวกเธอด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตรแต่แววตากลับเต็มไปด้วยการแข่งขัน
"นึกว่าใคร ที่แท้ก็คุณอารยาแห่ง V-Crown นี่เอง" มินตราเอ่ยทักทาย "ได้ข่าวว่าเพิ่งปิดดีลใหญ่ไป...ยินดีด้วยนะคะสำหรับ 'ของเหลือ' จากบริษัทอื่น"
"ขอบคุณค่ะคุณมินตรา" อารยายิ้มรับอย่างใจเย็น "ดิฉันมองว่ามันไม่ใช่ของเหลือหรอกค่ะ แต่เป็น 'เพชร' ที่คนตาไม่ถึงมองไม่เห็นคุณค่ามากกว่า"
คำตอบของเธอทำให้รอยยิ้มของมินตราเจื่อนลงเล็กน้อย การปะทะคารมดำเนินไปอีกสองสามประโยค ก่อนที่มินตราจะขอตัวแยกไปเมื่อเห็นว่าไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงตรงหน้าได้เลย อารยาไม่ได้แสดงท่าทียินดีกับชัยชนะเล็กๆ นี้ สายตาของเธอกำลังกวาดมองไปทั่วงาน...เพื่อมองหาเป้าหมายที่แท้จริง
และแล้วเธอก็เห็น...
ณ มุมหนึ่งของห้อง ชานนท์ ในชุดทักซิโด้สั่งตัดกำลังยืนคุยอยู่กับนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง ใบหน้าของเขายังคงหล่อเหลาเช่นเคย แต่แววตากลับดูเหนื่อยล้าและมีความกังวลซ่อนอยู่ ข้างกายของเขามี รัศมี ยืนควงแขนอยู่ไม่ห่าง เธอดูเหมือนต้นคริสต์มาสเคลื่อนที่ที่ประดับประดาไปด้วยเครื่องเพชรราคาแพง ใบหน้าเชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งและมองเหยียดทุกคนที่เดินผ่าน
หัวใจของอารยาบีบตัวแน่น...ภาพความทรงจำอันเลวร้ายพุ่งเข้ามาโจมตี แต่เธอก็สะกดมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว เปลี่ยนความเจ็บปวดให้กลายเป็นความเฉยชา
'สิบปีแล้วสินะ...พวกแกยังดูมีความสุขกันดีอยู่เลย' เธอคิดในใจ 'แต่ไม่ต้องห่วง...ความสุขนั้นกำลังจะจบลงแล้ว'
อารยาจงใจเดินเข้าไปในวงสนทนาใกล้ๆ กับกลุ่มของชานนท์ และมันก็ได้ผล เมื่อหนึ่งในนักธุรกิจที่รู้จักเธอหันมาทักทาย "อ้าว คุณอารยา สวัสดีครับ! มาๆ ผมขอแนะนำให้รู้จัก นี่คุณชานนท์กับคุณรัศมีครับ"
วินาทีที่ต้องเผชิญหน้ากันตรงๆ มาถึงแล้ว...
อารยาหันไปยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างเป็นธรรมชาติ "สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ อารยา วงศ์วริศ จาก V-Crown ค่ะ"
ชานนท์มองอารยาด้วยแววตาที่หลงใหลในทันที เขาไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนที่สวยและมีแรงดึงดูดรุนแรงเท่านี้มาก่อน โดยเฉพาะเรือนร่างอันน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ในชุดสีดำนั้น...มันทำให้ลมหายใจของเขาติดขัด เขาไม่มีทางจดจำใบหน้าของ 'ไอรดา' เด็กสาวหน้าจืดในอดีตที่เขาเคยทอดทิ้งได้อย่างแน่นอน
"ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับคุณอารยา" เขายิ้มตอบอย่างมีเสน่ห์ "ผมชานนท์ครับ"
ในขณะที่รัศมีกลับมองอารยาตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาประเมินและไม่เป็นมิตร สัญชาตญาณของเธอร้องเตือนว่าผู้หญิงคนนี้คือ "ศัตรู"
"V-Crown?" รัศมีทวนชื่อด้วยน้ำเสียงดูแคลน "บริษัทเปิดใหม่เหรอคะ ไม่เคยได้ยินชื่อเลย"
"เราอาจจะใหม่ในวงการค่ะ" อารยาตอบกลับอย่างนุ่มนวล แต่แววตาจ้องตรงไปที่รัศมีอย่างไม่เกรงกลัว "แต่ดิฉันเชื่อมั่นในการสร้างอนาคตที่มั่นคง...และไม่ชอบให้ 'อดีต' ที่ผิดพลาดมาฉุดรั้งการเติบโตค่ะ"
คำว่า 'อดีตที่ผิดพลาด' ที่เธอจงใจเน้น ทำให้รัศมีชะงักไปเล็กน้อย แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันตอบโต้ บุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในงานก็เดินเข้ามาสมทบ
"อ้าว ชานนท์ อยู่ตรงนี้เองรึ"
ทรงภพ ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูใจดีแต่แววตากลับไร้ความรู้สึก เขาตบบ่าชานนท์เบาๆ ก่อนจะหันมามองอารยาเป็นครั้งแรก สายตาของเขาแตกต่างจากชายคนอื่น มันไม่ได้ฉายแววหลงใหลในความงาม แต่เป็นแววตาของนักล่าที่กำลังประเมินผู้ล่าอีกตนหนึ่ง เขามองเห็นความอันตรายที่ซ่อนอยู่หลังรอยยิ้มของอารยา
"และนี่คงจะเป็นคุณอารยา...ที่ใครๆ ก็พูดถึงในตอนนี้สินะครับ" ทรงภพเอ่ยขึ้น "ยินดีต้อนรับสู่วงการ ผมทรงภพครับ"
"เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะท่านประธานทรงภพ" อารยาตอบกลับด้วยท่าทีที่นอบน้อม
การเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งหมดในคราวเดียวทำให้หัวใจของอารยาสั่นสะท้าน แต่เธอก็ยังคงสวมหน้ากากนางพญาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลังจากพูดคุยเรื่องผิวเผินอีกเล็กน้อย เธอก็ขอตัวปลีกออกมาจากวงสนทนาที่น่าอึดอัดนั้น ปล่อยให้รัศมีมองตามด้วยความหงุดหงิด และชานนท์มองตามด้วยความเสียดาย
เธอเดินตรงไปหาเพียงขวัญที่รออยู่ไม่ไกล
"กลับกันเถอะ" อารยาพูดเสียงเรียบ แต่เพียงขวัญสังเกตเห็นมือของเพื่อนที่กำแน่นจนสั่นเทาเล็กน้อย
"เป็นยังไงบ้าง"
"เหมือนที่คิดไว้...พวกมันไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย"
ขณะที่กำลังจะเดินออกจากงาน สายตาของอารยาก็เหลือบไปเห็นเตชินท์ที่ยืนอยู่กับทีมวิศวกรของเขาอีกมุมหนึ่งของห้อง เขากำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาที่เป็นห่วงและสับสนอย่างเห็นได้ชัด การได้เห็นสายตาที่จริงใจคู่นั้นท่ามกลางรอยยิ้มจอมปลอมของผู้คนในงาน ทำให้หัวใจที่ด้านชาของอารยารู้สึกกระตุกขึ้นมาอย่างประหลาด
เธอรีบเบือนหน้าหนี...ความรู้สึกแบบนี้คือสิ่งอันตรายที่สุดสำหรับแผนการของเธอ
'คืนนี้ฉันยังอ่อนแอเกินไป' เธอคิดในใจ
อารยาหันไปมองรอบๆ งานอีกครั้ง สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่นักการเมืองสูงวัยคนหนึ่งที่อยู่ในเครือข่ายของทรงภพ เขากำลังมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหายไม่ต่างจากวิชัย
นางพญาตัดสินใจแล้ว...ค่ำคืนนี้เธอต้องการ "อำนาจ" เพื่อมายืนยันตัวตนและกลบเกลื่อนความอ่อนแอที่เผลอแสดงออกมา
เธอหันไปกระซิบกับเพียงขวัญด้วยน้ำเสียงที่กลับมาเด็ดเดี่ยวอีกครั้ง
"เธอกลับไปก่อนได้เลย...คืนนี้ฉันยังเหลือ 'ธุระ' ที่ต้องทำอีกนิดหน่อย"