บทที่ 3: เงาของวันวาน
บรรยากาศในห้องประชุมของ V-Crown Corporation ในเช้าวันรุ่งขึ้นแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง ความตึงเครียดได้สลายหายไป ถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกทึ่งและชื่นชมอย่างสุดซึ้ง
"เหลือเชื่อจริงๆ ครับท่านประธาน!" หนึ่งในผู้บริหารกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"เมื่อเช้านี้ ทางไทยธนากิจได้ติดต่อมาเพื่อถอนตัวออกจากที่ดินแปลงนั้นอย่างเป็นทางการแล้วครับ! ทำให้เราสามารถเข้าทำสัญญาได้ทันที"
ข่าวดีนี้สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนในที่ประชุม ไม่มีใครเข้าใจว่าอารยาสามารถพลิกสถานการณ์ที่เสียเปรียบให้กลับมาเป็นผู้ชนะได้อย่างไรภายในเวลาเพียงข้ามคืน อารยารับฟังรายงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากเท่านั้นที่ปรากฏขึ้น ก่อนที่เธอจะหันไปทางชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ
"ในเมื่อเราได้ที่ดินมาแล้ว ดิฉันอยากจะดูแผนการก่อสร้างเบื้องต้นค่ะ คุณเตชินท์"
เตชินท์ อัศวเดชา หัวหน้าทีมวิศวกรโครงการ
วัย 32 ปี ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีมั่นคง เขาคือบุคลากรคนสำคัญที่อารยาดึงตัวมาร่วมงานด้วยตัวเอง ความสามารถของเขาเป็นที่ประจักษ์ในวงการ แต่สิ่งที่ทำให้อารยาเลือกเขา คือแววตาที่ซื่อตรงและอุดมการณ์ที่ไม่ยอมประนีประนอมกับความไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกธุรกิจ
"ครับท่านประธาน" เตชินท์กล่าว ก่อนจะเริ่มนำเสนอแผนผังและแบบจำลองสามมิติของโปรเจกต์ "The Celestial River" คอนโดมิเนียมที่สูงที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาอธิบายรายละเอียดทางเทคนิคด้วยความคล่องแคล่วและชัดเจน ขณะที่อารยาก็ซักถามในประเด็นที่เฉียบคมและแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเนื้องานอย่างลึกซึ้ง
เตชินท์รู้สึกทึ่งในตัวประธานหญิงของเขาเสมอ เธอไม่ได้เป็นเพียงนักบริหารที่เก่งกาจ แต่ยังมี
วิสัยทัศน์ที่น่าเกรงขาม ทว่าลึกๆ แล้ว เขาก็อดสงสัยไม่ได้ถึงวิธีการที่เธอใช้เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะอันรวดเร็วนี้ มันสะอาดบริสุทธิ์จริงๆ หรือเป็นเพียงภาพลวงตาที่งดงามเท่านั้น
เมื่อการประชุมสิ้นสุดลง ทุกคนต่างแยกย้ายไปทำงานของตน เหลือเพียงอารยาและเพียงขวัญที่เดินกลับเข้ามาในห้องทำงานส่วนตัวที่โอ่อ่าที่สุดในอาคาร
ทันทีที่ประตูห้องปิดลง หน้ากากนางพญาของ
อารยาก็คลายลงเล็กน้อย เพียงขวัญเดินตรงเข้ามาหาเพื่อนรักพร้อมกับยื่นแก้วน้ำให้ "ฉันรู้ว่าเธอทำได้...แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี"
"ไม่ต้องห่วงหรอกเพียง" อารยาตอบกลับ "มันก็แค่นักธุรกิจโง่ๆ คนหนึ่งที่แพ้ภัยความละโมบของตัวเอง"
"แต่นี่มันแค่เริ่มต้นนะอาย ศัตรูที่เหลือของเธอ...ทั้ง
ชานนท์ ทั้งรัศมี...พวกเขาไม่เหมือนนายวิชัย"
เพียงขวัญเตือนด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ "เธอจะใช้วิธีเดิมๆ กับพวกเขาไม่ได้"
"ฉันรู้" อารยาตอบเสียงเรียบ "สำหรับพวกเขา...ฉันเตรียม 'บทเรียน' ที่มันพิเศษกว่านั้นไว้ให้แล้ว"
บทสนทนาของทั้งสองถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเคาะประตูเบาๆ "ขออนุญาตค่ะท่านประธาน"
เพียงขวัญเป็นคนเดินไปเปิดประตู ก่อนจะพบกับเด็กสาวหน้าตาน่ารัก สดใส ที่กำลังยืนยิ้มแป้นอยู่หน้าห้อง "อ้าว น้องเนเน่ มีอะไรรึเปล่า"
เนเน่ มัณฑนากรฝึกงานแผนกสถาปัตยกรรมภายใน โค้งให้เพียงขวัญอย่างนอบน้อม ในมือของเธอมีแฟ้มผลงานอยู่ "พอดีพี่เพียงขวัญบอกว่าท่านประธานอยากจะดู Mood Board สำหรับการออกแบบสวนหย่อมส่วนกลางของโครงการน่ะค่ะ เนเน่เลยเอาเข้ามาให้ดู"
"เข้ามาสิ" เสียงของอารยาดังขึ้นจากด้านใน
เนเน่เดินเข้ามาในห้องทำงานที่ใหญ่โตราวจักรวาลด้วยแววตาตื่นเต้นแต่ไม่ประหม่า เธอวางแฟ้มผลงานลงบนโต๊ะตรงหน้าอารยา ก่อนจะเริ่มอธิบายแนวคิดของเธอด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น
"คอนเซ็ปต์ของเนเน่คือ 'The Secret Eden' ค่ะ เราจะสร้างสวนที่เหมือนเป็นโอเอซิสลับซ่อนอยู่ใจกลางตึกสูง ให้ผู้พักอาศัยรู้สึกเหมือนได้หลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่งที่เต็มไปด้วยความสงบและความมีชีวิตชีวา..."
อารยาฟังคำอธิบายของเด็กสาวตรงหน้าเงียบๆ ในตอนแรกเธอเพียงต้องการจะตรวจงานตามหน้าที่ แต่ความสดใสและพลังงานบวกที่แผ่ออกมาจากตัวเนเน่นั้นช่างแตกต่างจากโลกสีเทาที่เธออาศัยอยู่โดยสิ้นเชิง เด็กคนนี้พูดถึงการสร้าง "ชีวิต" และ "ความสุข" ด้วยแววตาที่เป็นประกายอย่างแท้จริง มันเป็นประกายตาที่อารยาเคยมี...เมื่อนานมาแล้ว
"อืม...น่าสนใจดี" อารยาพูดขึ้นลอยๆ ทำให้เนเน่ใจชื้นขึ้นมา "ลองทำแบบร่างสามมิติมาให้ดูแล้วกัน ถ้าผ่าน...ฉันจะให้เธอคุมโปรเจกต์นี้"
"จริงเหรอคะ! ขอบคุณค่ะท่านประธาน!" เนเน่ยกมือไหว้ด้วยความดีใจสุดขีด ก่อนจะขอตัวกลับออกไปอย่างมีความสุข
เพียงขวัญมองตามหลังเด็กสาวไป ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนรักที่กำลังนั่งนิ่ง "เธอเห็นอะไรในตัวเด็กคนนั้น"
อารยาไม่ได้ตอบ เธอแค่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ที่ซึ่งภาพของอดีตกำลังซ้อนทับกับปัจจุบัน
ภาพของบ้านหลังเก่าที่ไม่ได้ใหญ่โตแต่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ...
"เก่งมากลูกพ่อ!" เสียงของพ่อดังขึ้นในความทรงจำ วันนั้น 'ไอรดา' เพิ่งเรียนจบปริญญาด้านสถาปัตยกรรมและนำใบปริญญามาให้ท่านดู พ่อของเธอที่ทำงานสุจริตมาทั้งชีวิตโอบกอดเธอด้วยความภาคภูมิใจ "ใช้ความรู้ของเราสร้างบ้านที่ทำให้คนมีความสุขนะลูก"
ภาพตัดมาที่ห้องครัว...เธอกำลังช่วยแม่ทำอาหาร มื้ออาหารที่แสนธรรมดาแต่เต็มไปด้วยความรัก
"แม่ดีใจนะที่เห็นลูกมีความสุขกับคนที่ลูกรัก" แม่พูดพลางลูบหัวเธออย่างอ่อนโยน "ถ้าเขาดีกับลูกจริง...พ่อกับแม่ก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง"
และนั่นคือที่มาของบทสนทนาที่ทำลายทุกสิ่ง...วันที่เธอเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ในห้องนั่งเล่นด้วยแววตาแห่งความหวัง
"พ่อคะ...แม่คะ...คือ...พี่นนท์เขาจะเริ่มทำธุรกิจอสังหาฯ ของตัวเอง เขาอยากให้ไอร่วมลงทุนด้วย...แต่ไอยังไม่มีเงินทุนมากขนาดนั้น..."
เธอจำได้ดีถึงแววตาของพ่อกับแม่ในวันนั้น...
แววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเชื่อใจที่ไม่มีเงื่อนไข พวกท่านไม่ได้ถามถึงรายละเอียดของธุรกิจนั้นเลยแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่พวกท่านสนใจคือความสุขของลูกสาว
"เพื่อความสุขของลูก...พ่อกับแม่ทำให้ได้ทุกอย่าง"
ประโยคนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเธอ...ประโยคที่นำมาซึ่งการสูญเสียทุกสิ่ง
น้ำตาหยดหนึ่งไหลรินลงบนหลังมือของอารยาโดยไม่รู้ตัว เธอรีบปาดมันทิ้ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องทำงานไปทันที ทิ้งให้เพียงขวัญมองตามด้วยความเป็นห่วง
คืนนั้น...ในห้องนอนของเพนต์เฮาส์ที่กว้างใหญ่และเงียบเหงา อารยาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ความทรงจำอันแสนสุขในอดีตมันช่างหอมหวาน แต่มันก็เป็นยาพิษที่กรีดหัวใจของเธอให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เธอเกลียดความอ่อนแอของตัวเอง เกลียดน้ำตาที่มันยังคงไหลออกมา เกลียด 'ไอรดา' ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
อารยาถอดชุดคลุมอาบน้ำออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามแต่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นทางใจ เธอทอดกายลงบนเตียง สัมผัสเย็นๆ ของผ้าปูที่นอนไม่ได้ช่วยให้ไฟในอกของเธอเย็นลงเลยแม้แต่น้อย
มือเรียวเริ่มลูบไล้ไปตามร่างกายของตัวเอง...การสัมผัสที่ไม่ได้เกิดจากความปรารถนา แต่เกิดจากความต้องการที่จะ "ลบล้าง" เธอใช้ความเจ็บปวดทางกายเพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดทางใจ เสียงครางที่เล็ดลอดออกมาไม่ใช่เสียงแห่งความสุขสม แต่เป็นเสียงสะอื้นที่ถูกกดไว้จนแทบขาดใจ เธอจินตนาการถึงใบหน้าของศัตรู...บดขยี้มันด้วยแรงอารมณ์...ใช้ความสุขสมจอมปลอมที่สร้างขึ้นเองเป็นเครื่องมือในการฆ่าฟันพวกมันในจินตนาการ
จนกระทั่งทุกอย่างจบลง...ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน แต่หัวใจกลับว่างเปล่ายิ่งกว่าเดิม
อารยาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนหน้ากระจกบานใหญ่ มองภาพสะท้อนของตัวเอง...ใบหน้าที่งดงามแต่
ไร้วิญญาณ น้ำตาที่เปรอะเปื้อนถูกเช็ดออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงแววตาที่กลับมาแข็งกร้าว
เธอยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของตัวเองเบาๆ
"แกตายไปแล้ว...ไอรดา" เธอกระซิบกับเงาสะท้อนในกระจก
"เหลือเพียง 'อารยา' เท่านั้น...และอารยาจะต้องเป็นผู้ชนะ"