บทที่4
ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย นับตั้งแต่เธอคนนั้นที่ฉันรู้ชัดแล้วว่าชื่อ ‘ฮันนะ’ เอ่ยถามว่าพวกเขาเป็นใคร เรนดูจะตกใจมากกว่าใครทั้งหมดก่อนที่เขาจะกดเรียกคุณหมอให้เข้ามาดูอาการ ’ฮันนะ’ อย่างละเอียด
“ไม่มีใครจะช่วยบอกฉันเลยเหรอว่าฮันนะคนนั้นเป็นใคร”ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ฉันเลยต้องเป็นฝ่ายเอยปากถามออกมาเอง
“ปีศาจร้ายที่พร้อมกับพรากความสุขไปจากเธอได้ทุกเมื่อยังไงล่ะ”นี่คือคำตอบที่ได้จากดีว่า แต่เธอหมายถึงอะไรกันแน่นะ
“ฉันไม่เข้าใจคำตอบของเธอดีว่า”
“เธอมันโง่หรือแกล้งโง่กันแน่นะ ดูก็น่าจะรู้แล้วนี่ ยัยนั่นเป็นผู้หญิงโง่ๆ ที่จู่ๆ ก็วิ่งปราดเข้ามาขอร้องให้เรนยิ้มให้ดูเมื่อครึ่งปีก่อน แต่ก็ถูกไอ้เรนตวาดใส่และไล่ไปให้พ้นจนยัยนั่นถูกแฟนคลับของเรนรุมทึ่งหัวบาดเจ็บเหมือนกับเมื่อวานนั่นแหละ…”
“เธอพูดมากไปแล้วนะดีว่า” วาคุพยายามจะห้ามปามแต่เห็นทีว่าจะหยุดดีว่าไม่ได้ซะแล้ว เธอชักสีหน้าใส่วาคุก่อนจะเอ่ยปากเล่าต่อ…
“เธอพยายามทุกอย่างจนในที่สุดไอ้เรนก็ให้ตำแหน่งแฟนคลับคนสำคัญ แต่จะทำด้วยวิธีไหนฉันไม่รู้หรอกนะ รู้แค่ว่าพวกเขาพนันอะไรบางอย่างเอาไว้ และจุดตายของวันตัดสินก็คือเมื่อวานนี้ที่เรนต้องขึ้นเวทีอีกครั้งนั่นเอง” เมื่อได้รับความจริงที่น่าตกใจก็ทำฉันแทบจะร้องไห้ออกมาซะให้ได้ ที่แท้เธอก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขาจริงๆ
“อย่าคิดมาเลยหวานใจ ฮันนะน่ารักก็จริงอยู่…แต่อย่าลืมสิว่าคนที่ไอ้เรนมันรักคือเธอนะ”
โซกิพยายามปลอบใจแต่นั่นช่วยไม่ได้มากเท่าไหร่ และยิ่งมีคำพูดที่ดีว่ากระซิบมาให้ด้วยอีก..
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าการที่ยัยปีศาจร้ายนั่นมาปรากฏอีกครั้งจะเป็นเรื่องบังเอิญหรือจงใจ แต่ฉันมั่นใจได้เลยว่า…ยัยนั่นมีผลโดยตรงต่อเธอกับเรนมาก ไม่เชื่อก็คอยดูสิ”
ฉันว่าคำพูดประโยคนั้นของดีว่าเป็นอะไรที่ย่ำแย่ที่สุดเท่าที่เคยได้ยินมาแล้วนะ แต่ฉันคิดผิด คิดผิดมหันต์เลยด้วย เมื่อกลับเข้ามาในห้องผู้ป่วยอีกครั้งก็ต้องพบกับความตอบที่เล่นทำเอาฉันแทบช็อกที่ว่า…
“เนื่องจากศรีษะของผู้ป่วยถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักทำให้สมองซีกซ้ายเกิดความเสียหาย ทำให้เกิดภาวะสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ อาจจะต้องใช้เวลาหนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน หรืออาจจะมากกว่านั้นผู้ป่วยถึงจะหายปกติ พยายามเข้านะครับ กำลังของผู้คนรอบข้างเปรียบเหมือนยาวิเศษ หมอต้องขอตัวก่อน” คุณหมอหนุ่มพูดจบก็จากไป ทั้งๆ ที่ฉันและทุกคนในห้องต่างก็ช็อกไปตามๆ กัน
“นี่ฉันความจำเสื่อมเหรอค่ะ แล้วพวกคุณเป็นใคร ฉันเป็นใครเนี่ย โอ๊ยย! ปวดหัวจังเลย”เสียงร้องโอดครวญของฮันนาเรียกสติของเราทุกคนให้กลับเข้าที่ก่อนที่เรนจะเดินไปหาเธอก่อนใคร
“อย่าเพิ่งใช้ความคิดตอนนี้ เธอควรจะพักผ่อน พวกเราไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะ”
“แล้วคุณเป็นใคร”
“ฉันเป็น…”
“หมอนั่นเป็นคนรักของยัยนี่ ส่วนเธอเป็นแฟนคลับของพวกเราที่ถูกเหยียบจนความจำเสื่อม อยากจะรู้อะไรอีกไหม!”
เป็นดีว่าอีกตามเคยที่ตอบคำถามนี้ออกไปก่อนจะผลักฉันให้กระเด็นเข้าไปยืนตรงหน้าของฮันนาจนดวงตาสีครามต้องหันมามองฉัน
แววตาสดใสแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าทันทีที่รู้ว่าฉันเป็นอะไรกับเรน
“คนรักอย่างงั้นเหรอ...”
“เอ่อ…สวัสดีฮันนะ ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อหวานใจ”
“เธอเป็นคนรักของเขางั้นเหรอ”
“เอ๊ะ?”
“คนรัก…คืออะไรงั้นเหรอคะ ขอฉันเป็นด้วยได้รึเปล่า เป็นคนรักของคนๆ นี้ อยากเป็นบ้างจังเลย” ฉันไม่แน่ใจว่านี่เป็นเพียงคำพูดที่เธอเผลอเปล่งออกมา หรือเป็นคำถามที่จงใจจะถามฉันกันแน่ แต่ใครเลยจะรู้ว่าคำถามนี่เองที่ทำให้ฉันมั่นใจเต็มร้อยเลยว่าฮันนะคนนี้จะต้องเป็นมือที่สามที่ดีว่าเคยพูดเอาไว้อย่างแน่นอน
“นายดูแลเธอไปก่อนนะ ฉันคงต้องขอตัวไปพักสักหน่อย รู้สึกเหนื่อยๆ น่ะ” ฉันหันไปพูดกับเรนก่อนจะเป็นคนแรกที่เดินเลี่ยงออกมาแทนเพราะทนเห็นแววตาใสซื่อที่กำลังฆ่าฉันให้ตายทั้งเป็นไม่ไหว
เรนไม่ได้เอ่ยห้ามหรือพูดอะไรออกมา เขาก็เป็นแบบนี้ เย็นชาและไม่ยอมแสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้ฉันได้เห็นมันตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เราสองคนตกลงกันว่าจะลืมความทรงจำที่เลวร้ายแล้วเริ่มต้นใหม่ด้วยกันสองคน
แต่ในตอนนี้ฉันชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าเขาจะยังจำคำพูดที่เคยให้ไว้ได้อยู่รึเปล่า
จะยังจำได้ไหมนะว่าท้อนสุดท้ายของเพลงของเรามันคืออะไร
“อะไรกัน หวานใจสาวแกร่งที่ไม่ว่าจะเจออุปสรรคแค่ไหนก็ไม่เคยหวั่นคนเดิมไหงกลับมานั่งหน้าบูดอยู่ตรงนี้ล่ะเนี่ย”
เป็นวาคุนั่นเองที่อุตส่าห์ตามฉันออกมาจนถึงที่นี้ เขายังคงเป็นเพื่อนที่แสนดีเสมอต้นเสมอปลาย อย่างน้อยในเวลาที่ย่ำแย่แบบนี้ฉันก็ไม่ได้อยู่คนเดียวสินะ เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วฉันถึงได้ยิ้มออก
“ฉันเปล่าหน้าบูดซะหน่อย”
“ฉันไม่ได้บอกที่ซ่อนของเธอให้ไอ้เรนรู้เพราะอยากให้พวกเธอสองคนต้องมีความทุกข์แบบนี้นะ สิ่งที่อยากเห็นคือความสุขของเธอต่างหากรู้รึเปล่า”
“วาคุ…นายเป็นคนดีแบบนี้เสมอเลย”
“งี่เง่าน่า! จะมาตกหลุมรักฉันตอนนี้ไม่ทันแล้วนะรู้ไหม ไปคุยกับไอ้เรนให้มันรู้เรื่องดีกว่า อย่าปล่อยให้อดีตทำลายพวกเธอสองคนเหมือนครั้งก่อนสิ”
“อื้ม ขอบคุณนายมากเลยนะ” ฉันรับคำก่อนจะส่งยิ้มให้วาคุก่อนจะเดินเลี่ยงออกมาเพื่อมุ่งหน้ากลับเข้าไปหาเรนอีกครั้ง แต่ทว่าคนที่ฉันกำลังจะเดินไปหากลับยืนอยู่ตรงหน้าก่อนซะได้
เรนกำลังยืนมองฉันด้วยสายตาที่ดุดัน สายตาที่บ่งบอกให้เห็นว่าเขากำลังโกรธ ว่าแต่เขาโกรธเรื่องอะไรล่ะ ฉันทำอะไรผิดอย่างงั้นเหรอ
“ดูเธอจะมีความสุขทุกครั้งที่มีไอ้วาคุอยู่ข้างๆ นะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังทักทายก่อนที่เรนจะเป็นฝ่ายเดินจากไปโดยไม่คิดที่จะหันมามองฉันเลยแม้แต่หางตา เป็นแบบนี้อีกแล้ว เขามักจะคิดเองหรือไม่ก็เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นแบบนี้ตลอดเวลา
แต่ไม่ผิดหรอกที่เขาจะเชื่อแบบนั้น…เพราะฉันเองก็กำลังเป็นแบบที่เขาเป็นเหมือนกัน!
ดูท่าแล้วความรักของเราคงต้องเจอเรื่องยุ่งยากเพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว ฉันควรทำไงกับหัวใจที่ปวดร้าวของตัวเองในตอนนี้ดีนะ
อธิบายทุกอย่างให้เรนได้เข้าใจแล้วบอกเขาไปตามตรงว่าฉันหึง หรือจะปล่อยให้ความรู้สึกพวกนี้ล่องลอยไปตามกระแสสายลมเบาๆ ที่กำลังพักผ่านร่างกายที่หนาวสั่นของฉันดี
