บทที่5
เพราะวง sweet ยังต้องซ้อมสำหรับคอนเสริตในครั้งต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงทำให้ฮันนะต้องออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนดและแน่นอนว่าเธอจึงต้องกลายมาเป็นสมาชิกคนใหม่ในบ้านพักบนเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวของพวกเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเหตุที่ว่า..
เธอความจำเสื่อมเพราะฉันกับเรนเป็นต้นเหตุ
พวกเราไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับเธอคนนี้เลยนอกจากชื่อและรู้ว่าเธอเคยพนันอะไรบางอย่างกับเรนเอาไว้
และข้อสุดท้าย…
เพราะเรนขอร้องให้เธออยู่ที่นี้
ข้อสุดท้ายที่กัดกินหัวใจฉันจนด้านชาไปหลายนาทีก่อนจะพบว่าตัวเองต้องยกห้องที่อยู่ข้างๆ เรนให้ฮันนะเพราะเธออาจจะปวดหัวขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ เรนจะได้เข้ามาดูแลเธอได้อย่างใกล้ชิด นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
จัดการเรื่องทุกอย่างโดยที่ไม่ยอมเอ่ยปากถามความคิดของฉันกับเพื่อนร่วมวงเลยสักคำ
“ยังไงฉันก็ยังเห็นว่ายัยบ้านั่นเป็นปีศาจร้ายอยู่ดีนั่นแหละ เข้ามาที่นี่ได้แค่วันเดียวก็ขโมยห้องของหวานใจไปได้อย่างง่ายๆ อีกหน่อยคงรามไปถึงหัวใจของใครบางคน”คำพูดเหน็บแหนมของดีว่าเรียกสายตาเย็นชาของเรนได้ไม่ยากเลย
“ไม่เป็นไรดีว่า อันที่จริงฉันคิดว่าห้องที่ได้มามันใหญ่เกินไปด้วยซ้ำ ไม่เหมาะสมกับฉันเลยสักนิด”
“ยัยโง่! สุดที่รักกำลังจะถูกแย่งไปยังจะมามัวใจดีอยู่ได้ อย่ามาร้องไห้ให้ฉันเห็นก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันจะสมน้ำหน้าเธอ”
ดีว่าฝากคำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อเรนเริ่มขบกรามเพราะไม่พอใจในคำพูดของเธอ
แต่อันที่จริงฉันก็แอบเห็นด้วยหน่อยๆ นะว่าคำพูดของดีว่าก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร เป็นจริงตามที่เธอพูดทุกอย่างเลยต่างหาก
“นี่ฉันทำให้ทุกคนไม่สบายใจรึเปล่า ถ้าใช่ให้ฉันไปอยู่ที่อื่นก็ได้นะค่ะ”ฮันนะที่เงียบอยู่นานถามขึ้นก่อนพวกเราจะได้เห็นสีหน้าที่แสดงความรู้สึกผิดของเธอ
“อย่าคิดมากกับคำพูดของยัยนี่เลยสาวน้อย พวกเรายินดีต้อนรับคนสวยเสมอ”โซกิพูดก่อนจะส่งยิ้มหวานๆ ไปให้ฮันนะเป็นการปลอบใจ
“แล้วเธอล่ะพี่สาว…ฉันทำให้พี่ลำบากใจรึเปล่า”และคราวนี้ความซวยก็ตกมาถึงฉันเมื่อจู่ๆ ฮันนะก็หันมาตั้งคำถามเดินแต่ครั้งนี้ชี้เจาะจงว่าอยากให้ฉันเป็นคนตอบมัน
“ไม่นี่ อย่าคิดมากนักสิ เดี๋ยวจะปวดหัวเอานะ”
“โอ๊ยๆ ฉันล่ะเบื่อแม่คนดีจริงๆ ขอตัวไปสงบสติอารมณ์ก่อนนะ เจอกันที่โต๊ะอาหารตอนเย็นทุกคน”ดีว่าทนไม่ไหวกับการเป็นคนดีของฉันที่ติดเป็นนิสัยก่อนจะสะบัดเรือนผมยาวสลวยขึ้นชั้นบนไป
“งั้นฉันก็ขอตัวไปเดินเล่นข้างนอกเหมือนกัน พบกันที่โต๊ะนะทุกคน”ฉันเตรียมตัวจะหนีออกไปจากสถาณการณ์ที่ชวนปวดหัวตรงหน้าแต่ยังไม่ทันที่จะเดินผ่านลับสายตาเสียงเข้มๆ ของเรนก็ดันดังขึ้นมาขัดเข้าให้ซะก่อน…
“กลับมานั่งที่เดิมซะหวานใจ ไม่มีตารึไงว่าข้างนอกมันหนาว ถ้าเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้เองไม่หนาวหรอก”
“อย่าต้องให้พูดซ้ำ กลับมานั่งที่ซะ!” ไม่อยากจะปฏิเสธเลยว่าสายตาเรนในตอนนี้ดูน่ากลัวมากจนฉันต้องเบ้ปากก่อนจะเดินหมุนตัวกลับมานั่งที่เดิมข้างๆ เขา
“งั้นเห็นทีฉันคงต้องขอตัวบ้าง จะไปหานมอุ่นๆ กินแก้หนาวซะหน่อย ไปด้วยกันไหมฮันนะ นมอุ่นๆ น่าจะดีต่อสุขภาพของเธอในตอนนี้นะ”
วาคุที่เงียบไปนานเอ่ยขึ้นก่อนฮันนะจะมีทีท่าลังเลอยู่สักพักแต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินตามหลังเขาไปแต่โดยดี
กล้าทิ้งฉันเอาไว้กับปีศาจร้ายที่มีดวงตาประกายถึงความโกรธแบบนี้ได้ไงวาคุ คนใจร้าย ฉันไม่ยอมอยู่กับเรนที่อารมณ์น่ากลัวแบบนี้แน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นฉันจึงลุกขึ้นยืนก่อนจะเตรียมเดินหนีขึ้นชั้นบนแต่ช้าไปเมื่อมือหนากลับเอื้อมมากระชากฉันให้ล้มลงไปนั่งบนตักซะก่อนเหมือนรู้เท่าทันว่าฉันกำลังคิดจะหนี
“จะไปไหน”
คนใจร้ายเอ่ยถามขึ้นก่อนจะโอบรัดตัวฉันเอาไว้แน่นด้วยมือข้างเดียวส่วนอีกข้างกำลังแตกที่หน้าปากของฉันเบาๆ โดยไม่รู้สาเหตุ
“ฉันรู้สึกปวดหัวน่ะ ปล่อยก่อนสิเรน”
“เธอต้องรู้สึกแบบนั้นแน่ๆ เพราะตัวเธอเริ่มจะอุ่นๆ แล้ว ขึ้นชั้นบนกันเถอะ”ไม่ต้องรอให้ฉันได้พูดหรือเอ่ยอะไรออกมาวงแขนใหญ่ก็โอบอุ้นฉันเอาไว้แนบอกก่อนจะเดินขึ้นชั้นไปในทันที
เอาแน่เอานอนไม่ได้เลยนะคนๆ นี้
เมื่อมาถึงห้องนอนของเรน แต่เดี๋ยวนะ! แล้วนี่เขาพาฉันมาที่ห้องของตัวเองทำไมกันล่ะเนี่ย ไม่ทันจะได้เอ่ยถามเรนก็ค่อยๆ วางฉันลงบนเตียงสีน้ำเงินเข้มอย่างเชื่องช้าซะแล้ว
“นี่มันห้องของนายนะเรน ทำไมไม่พาฉันไปที่ห้องของฉันล่ะ”
“ห้องฉันก็เหมือนห้องของเธอนั่นแหละ เราแฟนกันลืมไปแล้วรึไง”ใครกันแน่ที่ลืม เป็นเขาเองไม่ใช่เหรอที่ทำดีกับฮันนะจนลืมแคร์ความรู้สึกของฉันไป
“รอก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”เรนพูดก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะกลับมาอีกครั้งโดยมีกะละมังกับผ้าสีขาวผืนบางๆ
“ไหนดูสิว่าคนป่วยป่วยเป็นอะไร”สาบานได้ไหมว่านี่คือเรน ผู้ชายคนๆ เดียวกับปีศาจร้ายที่ตะคอกฉันเมื่อกี้นี้น่ะ ให้ตาย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนฉันตาลายไปหมดแล้วนะ
“คนป่วยกำลังปวดหัว”
“งั้นเดี๋ยวหมอรักษาให้นะ”
พูดจบหมอหนุ่มรูปหล่อก็ค่อยๆ ฝากจูบเบาๆ ให้ฉันที่หน้าผากก่อนจะผละออกไปในทันที แต่เชื่อไหมล่ะว่าเพียงแค่นี้ก็สามารถทำให้ฉันหน้าแดงไปถึงไหนต่อไหนได้อย่างง่ายดาย
“ปวดตรงไหนอีก”
“ปวดที่ตาด้วย”
ไม่ต้องก็รู้ว่าเขาใข้วิธีรักษาแบบเดียวกับเมื่อกี้นี้ไม่มีผิดก่อนจะผละออกไปและเหมือนจะถามอีกครั้งแต่ฉันเร็วกว่าเป็นคนเอ่ยออกไปซะเอง…
“ดูเหมือนอากาศหนาวของที่นี้จะทำให้ปากของฉันเจ็บนิดๆ บางทีคุณหมออาจจะ…อ๊ะ!”
ไวเสียยิ่งกว่าลมหมุนเมื่อเรนประกบริมฝีปากเข้าครอบงำฉันอย่างเชื่องช้าแต่ทว่าลึกล้ำจนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในก้อนเมฆที่หนานุ่มสีขาวก็ไม่ปาน
“แต่ตอนนี้ที่เจ็บหนักที่สุดเห็นทีจะไม่พ้นที่ใจนะเรน…ฉันกำลังปวดใจล่ะ”สีหน้าเรียบเฉยของเรนทำให้ฉันต้องเบือนหน้าแทบจะไม่ทันท่วงที ปากหนอปาก พอได้รับอิสระก็พลั้งออกไปจนได้ หาเรื่องเข้าตัวโดยแท้
“กรี๊ดดด! นี่นายกำลังจะทำอะไรเนี่ยเรน”ฉันร้องลั่นเมื่อจู่ๆ เรนก็เลื่อนมือเข้ามาในใต้เสื้อฉันหน้าตาเฉย
“ก็รักษาไง”
“บ้ารึไงเล่า! อย่าทำเป็นเล่นไปนะคนนิสัยไม่ดี ฉันเจ็บที่ใจ…ก็ต้องใช้ใจด้วยกันเท่านั้นรักษา นายรู้ใช่ไหมว่านั่นหมายถึอะไร” ฉันพูดจบก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทของเรนเพื่ออยากจะบอกให้เขาได้รับรู้ความในใจจากฉันไปบ้าง อย่างน้อยๆ แค่เขาพูดหรือบอกอะไรที่เก็บงำอยู่สักเรื่องให้ฉันได้รับรู้มันบ้างเพื่อที่ฉันจะได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนอื่นสำหรับเขา
แต่เขากลับเลือกที่จะเงียบและเก็บงำความลับเหล่านั้นเอาไว้คนเดียว
“พักผ่อนเถอะหวานใจ หลับตาซะคนดี”
ฉันค่อยๆ หลับตาลงอย่างว่าง่ายทั้งๆ ที่ภายในใจยังเต็มไปด้วยปริศนาที่แก้ไม่ออก
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่เวลาไหน เรนก็ยังเป็นหนึ่งเดียวในใจฉันอยู่ดี เพียงแต่ว่าฉันไม่มีความมั่นใจในตัวเองหลงเหลืออยู่อีกเลย ความมั่นใจที่เคยมีมันหายไปจนหมดสิ้น และฉันรู้ดีว่ามันจะต้องกลับมาอีกครั้งแน่
