บทที่2
“หยุดขาที่สั่นเป็นเจ้าเข้าของเธอแล้วมายืนประจำที่เดี๋ยวนี้หวานใจ!” สิ้นเสียงตวาดที่ดังสนั่นของดีว่าร่างฉันก็ถูกมือบางกระชากอย่างแรงให้ต้องไปยืนจุดที่ทีมงานกำหนดเอาไว้ให้อย่างตื่นเต้นๆ จนออกอาการได้อย่างชัดเจน
“ทำไงได้ล่ะ ฉันไม่นึกว่าพอเจอคนเยอะมากมายขนาดนี้จะทำให้ฉันตื่นเต้นแบบนี้นี่น่า ฉันไม่ขึ้นเวทีแล้วได้ไหมเรน ยกเลิกโปรเจ็คนี้เถอะนะ”
ฉันหันหน้าหนีดีว่าที่กำลังพยายามฆ่าฉันให้ตยด้วยสายตาคมกริบของเธอหันไปขอความช่วยเหลือจากเรน
“เห็นทีว่าจะไม่ทันแล้วล่ะหวานใจ”
“ทำไมล่ะโซกิ ไม่มีฉันพวกนายก็ขึ้นแสดงได้นี่ บอกพวกเขาไปว่าฉันป่วยหนักหรืออะไรก็ได้ ฉันทำไม่ได้จริงๆ”
“เธอเคยทำแล้วอย่างงั้นเหรอ”คราวนี้เป็นวาคุบ้างที่เอ่ยปากถามฉัน
“ไม่เคย”
“งั้นอย่าพูดเลยว่าทำไม่ได้ เราทุกคนย่อมมีครั้งแรกเสมอและเชื่อสิว่าเธอทำได้ ทำได้ดีซะด้วย”ถึงจะได้คำชมมาจากวาคุแต่นั่นก็ไม่ได้ให้ฉันลดความตื่นเต้นลงได้เลยแม้แต่น้อยนิด
ในทางกลับกันมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกดดันกับคำชมที่ว่านั่นเข้าไปอีกเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว! ทำไมกันนะ หรืออาจจะเพราะฉันไม่มีความมั่นใจในฝีมือของตัวเองเลยก็ได้
“เรน…ทำไงดี”
เมื่อไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงฉันจึงค่อยๆ หันหน้าไปพึ่งเรนที่ตอนนี้กำลังยืนแน่นิ่งมองมาที่ฉันอยู่เช่นกัน สายตาของเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวก่อนฝีเท้าหนักๆ จะเดินตรงเข้ามาหาฉัน
“เธอรักฉันรึเปล่าหวานใจ”
“เอ๊ะ! รักสิ…ฉันต้องรักนายอยู่แล้ว”คำถามนี้ฉันสามารถตอบได้ในทันทีเลย ไม่มีอะไรที่ฉันจะมั่นใจได้มากเท่ากับความรู้สึกที่มีต่อเรนได้เลย
เราสองคนผ่านอะไรมาก็ตั้งมากมาย และนั่นทำให้ฉันยิ่งรู้ดีเลยว่าเรารักกันมากแค่ไหน
“งั้นการร้องเพลงของเธอในครั้งนี้จะเป็นการทดสอบความรักที่เธอมีให้ฉันดีไหมนะ พิสูจน์สิว่ารักฉันมากแค่ไหน”เรนทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยประโยคที่ทำให้ฉันถึงกับไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่หูเพิ่งจะได้ยินมัน
พิสูจน์งั้นเหรอ
“งั้นก็ได้เลยเรน แล้วฉันจะพิสูจน์ให้นายได้เห็นเองว่าฉันรักนายมากแค่ไหน ดีว่า! จะเป็นอะไรไหมถ้าฉันจะขอเปลี่ยนแปลงแผนการช่วงสุดท้ายของคอนเสริตสักนิด”
“ตามใจสิ เพราะยังไงซะช่วงสุดท้ายเวลาที่เหลือก็เป็นสิทธิ์ของพวกเราที่จะทำอะไรก็ย่อมได้อยู่แล้ว ระวังหน่อยนะหวานใจ…ความรักของพวกเธอยิ่งอ่อนแอต่อบุคคลที่สามอยู่ด้วย ฉันมีลางสังหรณ์ว่าจบคอนเสริตครั้งนี้ไปบางอย่างจะถึงจุดเปลี่ยน”
ดีว่าเองก็ทิ้งประโยคที่ยาวเหยียดเอาไว้ให้ฉันเช่นกัน จุดเปลี่ยนอย่างงั้นเหรอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือลางสังหรณ์ที่สื่อถึงกันได้กันแน่นะ
สิ่งที่ดีว่าพูดมาทั้งหมดนั่นน่ะ…ฉันเองก็กำลังหวั่นอยู่เหมือนกัน
“และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้วนะครับ ช่วงสุดท้ายเซอร์ไพร้เล็กๆ ที่พวกเราอยากจะมอบให้พวกคุณทุกคนกำลังจะเริ่มต้นแล้ว ขอเชิญพบกับหวานใจ…บุคคลสำคัญที่ทำให้คุณและผมได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าชายยิ้มยากของเราครับ!”เสียงกรี๊ดดังระงมเมื่อโซกิประกาศเรียกชื่อฉัน ตามแพลนที่วางเอาไว้จะต้องให้ฉันกับเรนขึ้นไปร้องเพลงคู่ด้วยกันสองคน แต่ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเรียกร้องให้ฉันพิสูจน์ความรักที่มีให้แบบนี้
แผนการเลยต้องเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
“อ๊ะๆ หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าหวานใจของเราอยู่ที่ไหน และผมคิดว่าคนที่จำตอบคำถามนี้ได้ดีกว่าใครกก็คือตัวของเธอเอง ใช่ไหมหวานใจ…”
จบคำพูดที่เตรียมการเอาไว้ดนตรีเบาๆ ก็ต้องขับกล่อมขึ้นอย่างช้าๆ เรนเองก็มีทีท่าตกใจอยู่ไม่น้อยเมื่อแผนการทุกอย่างเปลี่ยนไปแบบนี้ ทุกคนในวงยกเว้นเขาต่างเดินออกจากเวทีทำให้เหลือแค่ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเท่านั้น
ฉันกำลังมองนายอยู่นะเรน…แต่ว่านายจะมองหาฉันเจอไหมนะ
“♪~ ความทรงจำที่แสนดี ในวันที่ฉันมีเธอข้าง ♪~”
บทเพลงนี้ที่ครั้งนึงเราเคยแต่งมันด้วยกัน ฉันเองก็อยากจะขอพิสูทน์หัวใจของนายกลับคืนไปบ้างนะเรน หากนายสามารถร้องท้อนต่อไปของเพลงนี้ได้ล่ะก็…
ฉันจะรักนายตลอดไป
♪~”ขอได้ไหม โปรดอย่าลืมฉันคนนี้ คนดีที่เธอเคยเคียงใกล้
เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ เผื่อวันที่จากไป
จะได้รู้ว่าใจฉัน......♪~”
ฉันยิ้มรับให้กับความสุขที่ถูกเรนเติมให้จนเต็มก่อนจะค่อยๆ เดินฝ่าผู้คนด้านล่างไปหาเขาอย่างช้าๆ ฉันเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่กำลังจะเดินตรงไปหารักแท้เท่านั้น
นัยน์ตาสีดำสนิทดูท่าว่าจะมองเห็นฉันเข้าแล้วเพราะเขาเองก็กำลังจะเดินมาหาฉันเหมือนกัน อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้นมือของเราจะได้สัมผัสกันและไม่ต้องมีอะไรให้กังวลอีกต่อไป อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
“กรี๊ดดด!!!!”
“โอ๊ย!” จังหวะที่ฉันกำลังจะเดินตรงเข้าหาไปเรนดันเกิดเสียงกรี๊ดพร้อมทั้งแฟนคลับของเรนต่างพุ่งเข้าหาฉันเพื่อขอจับมือและคำขอบคุณมากมายที่ทำให้พวกเธอได้เห็นรอยยิ้มของเรนชัดๆ ในวินาทีนี้
แน่นอนว่ารอยยิ้มของเรนทำให้แฟนคลับแตกตื่น
“ช่วยด้วยค่ะมีคนเป็นลม!”
เสียงเล็กๆ ดังขึ้นทำให้ทุกอย่างเงียบสงบจนกระทั่งเรนกระโดดลงจากเวทีก่อนจะวิ่งฝ่าฝูงคนเข้าไปหาร่างบางของแฟนคลับที่น่าจะถูกเหยียบจนเป็นลมไป ก่อนจะมีใครได้ทำอะไรสักอย่าง
เรนช้อนตัวผู้หญิงคนนั้นขึ้นแนบอกพร้อมเดินฝ่าวงล้อมออกไปด้านหลังเวทีโดยมีบอดิการ์ดคอยแหวกทางให้ แต่บางทีเขาอาจจะรีบจนลืมอะไรบางอย่างที่สำคัญไป
เขาลืมท้อนสุดท้ายของเพลงที่เราแต่งมันขึ้นมา
มิหนำซ้ำเขายังลืม…ลืมฉันยังยืนอยู่ตรงนี้อีกคนยังไงล่ะ
[บ้านพัก]
หลังจากอุ้มผู้หญิงคนนั้นไปจนลับที่ตาคนเรนก็เป็นคนอาสาพาเธอไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเองก่อนจะโทรมาบอกว่าอาการเธอไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่นักเพียงแต่หัวถูกกระแทกอย่างแรงเท่านั้นเลยยังไม่ได้สติ
และเชื่อไหมล่ะว่าประโยดสุดท้ายที่เขาบอกทำฉันนอนไม่หลับ
‘ไม่ต้องห่วงนะหวานใจ คืนนี้ฉันจะอยู่เฝ้าเธอเอง’
“เป็นเพราะฉันเอง ฉันไม่น่าเปลี่ยนแผนการทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้แฟนคลับของพวกเธอต้องได้รับบาดเจ็บแบบนี้ ฉันขอโทษนะทุกคน”ฉันกล่าวขอโทษทั้งๆ ที่ในใจยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเรนถึงได้อยากอยู่เฝ้าเธอคนนั้น
เขาทำในสิ่งที่ฉันคาดไม่ถึงอีกแล้ว
“ไม่มีใครโทษเธอหรอกน่า อุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจะตาย ถ้าจะโทษ…ฉันว่าเรนนั่นแหละที่ผิด ยิ้มทำไมก็ไม่รู้”
ดีว่าบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะเดินเลี่ยงขึ้นไปชั้นบนของบ้านพักเป็นคนแรก
“แกว่ามาญี่ปุ่นครั้งนี้ไอ้เรนจะได้เจอกับฮานะรึเปล่าวะวาคุ” โซกิเอ่ยถามขึ้นเมื่อมองดีแล้วว่าดีว่าเดินลับสายตาไปแล้ว
“เธอไม่ง่วงรึไงหวานใจ”
วาคุพูดขึ้นเสียงเข้มและนั่นทำให้โซกิถึงกับหน้าถอดสี เหมือนว่าเขาจะลืมไปแล้วว่าในห้องนั่งเล่นนี้ยังมีฉันนั่งอยู่ตรงนี้อีกคน
มีเรื่องอะไรที่ฉันไม่สมควรจะรู้รึไงนะ
“ฮานะเป็นใครเหรอ”
“เอ่อ…ฉันว่าฉันไม่สมควรจะบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ”โซกิตอบแบบเลี่ยงก่อนจะค่อยๆ ย่องขึ้นไปชั้นบนตามดีว่าอีกคน
“วาคุ…”
