บท
ตั้งค่า

บทที่1

สนามบินสุวรรณภูมิ

เพราะเรนแท้ๆ ที่ดันตื่นสายจนทำให้เราสองคนต้องวิ่งพล่านตามหาสมาชิกวง sweet ไปจนทั่วแบบนี้ ไม่สิ! อันที่จริงมีแค่ฉันคนเดียวมากกว่าที่กำลังวิ่งไปทั้งๆ ที่ยังลากแขนเขาให้วิ่งตามมาด้วย

ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะดื้ออยู่ทำไมกัน

เรนบอกว่าไม่อยากญี่ปุ่นไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไรทำให้เขาไม่อยากไป แต่เพราะโปรเจ็คใหญ่มันมีมากตามแผนงานแบบนี้แล้ว เสียงคัดค้านอันน้อยนิดของเขาก็ดูเหมือนจะไม่สำคัญไปซะทีเดียว

มันต้องมีอะไรที่เขาไม่อยากจะบอกให้ฉันได้รู้อยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน และรู้ไหมล่ะว่าฉันจะต้องรู้ให้ได้เลยว่าเรื่องที่ว่านั้นมันคือเรื่องอะไร

“พวกเธอสองคนมาช้าอีกแล้ว!!”

เป็นไปตามความคาดหมายที่ดีว่าแผดเสียงใส่หน้าเราทั้งคู่ทันทีที่มาถึงทางเข้าที่ตอนนี้มีพี่ๆ ทีมงานรวมไปถึงสมาขิกที่เหลืออย่างวาคุและโซกิยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“ขอโทษทีนะดีว่า พอดีว่าพวกเรา…”

“นอนดึก”

“ใช่ๆๆ แล้วทีนี้พอนอนดึกก็เลย…”

“ตื่นสาย! นี่ต้องให้ฉันบอกเธอด้วยไหมว่างานผู้จัดการส่วนตัวของหมอนี่นอกจากจะเป็นแฟนเขาแล้วเธอยังมีหน้าที่ทำให้เขาเป็นคนตรงต่อเวลาให้ได้น่ะห๊ะ”

ให้ตายสิ เสียงของดีว่าที่ดังได้ดีชะมัด บางทีฉันน่าจะอัดเสียงของเธอเอาไว้เป็นเสียงนาฬิกาปลุกนะเนี่ย เรนอาจจะสะดุ้งตื่นก็ได้ใครจะรู้

“เงียบน่าดีว่า เรายังไม่ได้ตกเครื่องซะหน่อย”

“แตะไม่ได้เลยนะย่ะ!”

“ก็รู้นี่ เพราะฉะนั้นหุบปากซะถ้าไม่อยากให้ฉันยกเลิกการทัวน์คอนเสริตในครั้งนี้ รู้ใช่ไหมว่าถ้าฉันไม่ไปจะเกิดอะไรขึ้น”

เรนชักสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักก่อนจะเอื้อมมือมาโอบรอบคอฉันอย่างแน่นหนาให้เดินไปหาโซกิกับวาคุที่กำลังนั่งหน้านิ่งมองเราอยู่

“สีหน้าเธอเหมือนมีอะไรในใจนะหวานใจ”โซกิเหมือนหมอดูรึไงนะ แต่มองตาก็รู้แล้วเหรอเนี่ยว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ ร้ายกาจจริงๆ

“เปล่านี่ ไม่มีอะไรหรอก”

“หรือว่าจะไม่สบาย แต่ตัวก็ไม่ร้อนนี่น่า”

วาคุพูดขึ้นบ้างก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่หน้าผากของฉันเบาๆ และนั่นยิ่งทำให้แรงกดที่หัวไหล่ของฉันบีบรัดแน่นขึ้นเป็นเท่าทวีคุณ

“มีใครเคยบอกแกรึเปล่าวะวาคุว่าเราไม่ควรแตะของของคนอื่น”

“ยังวะ!”

“งั้นก็ฟังเอาไว้ซะ อย่าให้เห็นอีก!!”

เรนกำชับคำขาดก่อนจะกระชากฉันเดินห่างจากทุกคนในบริเวณไปในทันที นิสัยเสียแบบนี้เห็นทีว่าคงจะแก้ยากแล้วล่ะ

เขาหึงเขาหวงฉันเองก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ แต่ทุกครั้งที่เรนโมโห…มักจะทำให้เนื้อตัวฉันเต็มไปด้วยร่องรอยนี่น่ะสิ

จะทำยังไงดีเขาถงจะเชื่อใจว่าฉันรักเขาแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น หัวใจของฉันเกิดมาเพื่อนรักเขาแค่คนเดียวจริงๆ

“นายโกรธเหรอ” ฉันถามขึ้นเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเรนเริ่มจะกลับมาอ่อนโยนกว่าเมื่อกี้ได้มากโขแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคำถามไร้สาสะของฉันจะไปกระแทกต่อมโมโหให้เขาอีกครั้งเมื่อเรนชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันทีที่ฉันเอ่ยปากถาม

“เธอรู้สึกยังไงเวลาที่เห็นฉันอยู่กับผู้หญิงอื่น”

“อ่า…ก็ต้องรู้สึกไม่พอใจ แล้วก็หงุดหงิด แล้วก็หะ…”

“ฉันกำลังหึง! แล้วก็หวงมากด้วย อย่ามองผู้ชายอื่นด้วยสายตาแบบนี้อีกหวานใจ สายตาของเธอมีเอาไว้มองแค่ฉันคนเดียวก็พอ เข้าใจที่พูดรึเปล่า” ฉันพยักหน้ารัวก่อนรอยยิ้มที่บางเบาของเรนจะปรากฏให้ได้เห็น ร่างสูงประทับรอยจูบเอาไว้ที่ขมับของฉันก่อนเราจะยิ้มให้กันและกันอีกครั้ง

นายไม่จำเป็นต้องกลัวเลยสักนิดว่าฉันจะมองใครที่ไหนได้อีก ฉันต่างหากที่ห่วงมาโดยตลอด ทั้งกลัวแล้วก็กังวลมากด้วยว่าถ้าวันหนึ่งนายบังเอิญได้เจอกับผู้หญิงสักคนที่ดีกว่าฉัน ที่ให้ความสุขกับนายได้มากกว่าฉันคนนี้

นายอาจจะเปลี่ยนใจแล้วเดินไปจากฉันก็ได้

ฉันชักใจคอไม่ดีแล้วสิ!

สามสิ่งเท่านั้นที่ฉันกลัวที่สุดในตอนนี้…

ฉันกลัวใจตัวเอง หัวใจที่อ่อนแอของฉันอาจจะทำให้รักเราต้องเจือจางลงได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง เพราะมีใครหลายคนเตือนฉันเอาไว้ว่าความรักหากไม่เด็ดเดี่ยวและหนักแน่น เราอาจจะต้องสูญเสียมันไปโดยที่เราอาจจะไม่ทันรู้ตัวเลยก็ได้

ฉันกลัวใจของเรน ที่บางครั้งก็ไม่รับฟังเหตุผล อารมณ์ของเขาอาจจะทำให้เราไม่เข้าใจกันเลยก็ได้

และสิ่งที่กลัวมากที่สุด!

กลัวใจของเราทั้งคู่…ที่อาจจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่แปรเปลี่ยนได้เสมอ

ทันทีที่เครื่องบินลงจอดสนิทลงที่สนามบินนาริตะคุณริรินก็พาเราทั้งหมดเดินทางมาที่รีสอร์ทบนเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะหนาวเย็นสีขาวสะอาดเพื่อพักผ่อนก่อนจะเริ่มงานคอนเสริทที่กำลังจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าพรุ่งนี้ฉันจะต้องขึ้นเวทีใหญ่เป็นครั้งแรกในฐานะแขกรับเชิญที่แฟนคลับโหวดมา

หนำซ้ำคุณริรินยังมอบหน้าที่เลือกเพลงที่จะร้องในวันพรุ่งนี้มาให้ฉันทำเป็นการบ้านอีกต่างหาก ฉันเลยไม่มีเวลามานอนพักเหมือนดีว่ากับคนอื่นๆ ที่พอมาถึงก็ถามหาบ่อน้ำผุร้อนแล้วก็จากไปอย่างรวดเร็ว จำต้องหอบลัคกี้เพื่อนรักมานั่งที่ระเบียงเพื่อลองเล่นเพลงตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

‘คำลา’

ดูโจทย์ข้อหัวที่ได้มาสิ น่าหดหู่ชะมัดยาก

“มานั่งทำอะไรตรงนี้หวานใจ ตามหาซะทั่ว”เสียงเข้มๆ ดังขึ้นก่อนเรนจะเดินมานั่งข้างๆ พร้อมกระชากแผ่นกระดาษที่ว่างเปล่าไปจากมือฉันหน้าตาเฉย

สะกดคำว่ามารยาทไม่เป็นสินะเนี่ย!

“เลือกเพลงที่เราต้องร้องคู่กันพรุ่งนี้อยู่น่ะสิ ทำไมยากจังเลย ข้อหัวที่ได้มาไม่เหมาะกับเราเลยสักนิด”

“งั้นทำไมไม่คิดถึงตอนที่เราจากกัน”

“ฉันไม่อยากคิดถึงช่วงเวลาแบบนั้นเลย คิดทีไรรู้สึกแย่ทุกที”

“เอาความรู้สึกคิดถึงอย่างเดียวก็พอ เวลาที่ไม่ได้เจอกัน เวลาที่เราต้องห่างจากกัน ลองเอาความรู้สึกพวกนั้นมาคิดเป็นเพลงที่เราควรจะร้องด้วยกันดูสิ”

“แล้วฉันจะลองดูนะ ขอบใจนายจริงๆ เรน นายเหมือนพ่อพระมาโปรดเลยก็ว่าได้นะเนี่ย”ช่วงเวลาที่ฉันไม่อยากจะจดจำที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นเพื่อให้ได้เพลงที่ตรงตามข้อหัวที่ได้มา จะไม่นึกถึงเลยก็คงไม่ได้แล้วสินะ

บทบรรเลงแห่งความเศร้านั่นน่ะ!

บทเพลงเบาๆ ถูกขับร้องโดยฉันกับเรนที่สลับกันร้องอย่างตั้งอกตั้งใจในห้องซ้อมที่ทีมงานได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ ทันทีที่เลือกเพลงได้ฉันก็ลากเรนเข้ามาซ้อมในห้องซ่อมนี้แทบจะทันที คงไม่มีเพลงไหนที่จะเหมาะสมกับความรักที่ผ่านมาของเราทั้งคู่ได้เท่ากับบทเพลงนี้อีกแล้ว

“เยี่ยมยอดทั้งคู่เลย ค่อยๆ ซ้อมไปล่ะอย่าหักโหมเดี๋ยวเกิดเสียงแหบพรุ่งนี้จะยุ่งเข้าไปใหญ่”คุณริรินพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องซ้อมด้วยรอยยิ้มที่พออกพอใจ

“นายตื่นเต้นรึเปล่าเรน พรุ่งนี้แล้วนะที่เราจะได้ร้องเพลงคู่กันต่อหน้าคนตั้งพันคนแน่ะ คืนนี้ฉันจะนอนหลับรึเปล่าก็ไม่รู้ ตื่นเต้นจังเลยเนอะ”

“เด็กโง่! ถ้ากลัวที่จะต้องยืนอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ แบบนั้น เธอก็คิดซะว่าตรงนั้นมีแค่เราสองคนก็พอสิ”

“นายทำแบบนี้นี่เองถึงได้ไม่ตื่นเต้น ใช่ไหม”

“ก็ไม่เชิง แต่ก่อนฉันคิดแค่ว่าที่ตรงนั้นมีแค่ฉันคนเดียว แต่ตอนนี้มีเธออยู่ด้วย…ฉันคงไม่ต้องเหงาเหมือนแต่ก่อน”

“เรน…”

“เพราะฉะนั้นรับผิดชอบที่ว่างเพียงที่เดียวในโลกที่ฉันเว้นว่างเอาไว้ด้วยล่ะ หวานใจของเรน”

หวานใจของเรนอย่างงั้นเหรอ

ฉันชอบนำคำๆ นี้ มันทำให้อะไรหลายๆ อย่างที่ฉันไม่มั่นใจเลือนหายไปทีละน้อยๆ จนไม่หลงเหลือเหตุผลที่ข้องใจอีกต่อไป

ที่ว่างที่นายเว้นเอาไว้ให้..ฉันจะรับผิดชอบยืนเอาไว้ให้เอง

นายอย่าได้ห่วงไปเลย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel