บท
ตั้งค่า

บทที่1

“มันก็ใช่! แล้วแบบนี้พวกเธอยังจะ.....”

“ได้โปรดนะหวานใจ กฎมันเขียนเอาไว้ว่าหากผู้สมัครท่านใดไม่ไปตามที่ลงชื่อเอาไว้ จะถูกปรับถึงสามเท่าเชียวนะ” ให้ตาย ก็แล้วทำไม ถึงได้ไม่ดูกฎให้มันมากกว่านี้ก่อนลงชื่อสมัครกันเล่า!

“ฉันไปไม่ได้จริงๆ คือวันเสาร์นี้ฉัน...ฉันไม่ว่าง!”

“โกหก!” มีนาพูดพร้อมทั้งหยิบตารางทำงานของฉันออกมาชูขึ้น เผยให้ได้เห็นช่องว่างของวันเสาร์ ที่แสดงถึงความว่างงานของฉัน

“ขอร้องล่ะ! ฉันไปไม่ได้จริงๆ” ฉันพูดพร้อมทั้งคว้าเอาสมุดในมือมีนามาถือเอาไว้แน่น ป่านนี้แล้วทำไมอาจารย์ประจำวิชาถึงไม่เข้ามาสอนสักทีนะ ฉันกำลังถูกเพื่อนรักรวมหัวกันรุมรังแก ให้ตายฉันก็ไม่มีวันไปที่นั้นเด็ดขาด

“อะไรทำให้แกไม่ชอบวง sweet ของพวกฉันนัก ทำตัวอย่างกับว่าเคยเป็นแฟนของเรนอย่างงั้นแหละ”

ตุบ!

สมุดในมือของฉันล่วงหล่นลงพื้น ทันทีที่ใบหม่อนพูดจบ จริงอยู่...ที่ถ้าในอดีตฉันไม่เคยรู้จักเขาคนนั้น เรื่องทุกอย่างมันจะไม่เป็นแบบนี้...ไวกว่าความคิด ฉันรีบลนลานเก็บสมุดตารางงานขึ้นมา พร้อมเสหน้าหลบสายตาจับผิดของเพื่อนรักทั้งสองทันที

“บ้าน่า! ฉันจะไปรู้จักกับนักร้องดังแบบนั้นได้ยังไง ฉันไปไม่ได้จริงๆ!” ฉันยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิมพร้อมกับการปรากฏตัวของอาจารย์ที่ยืนกระตุกยิ้มที่มุมปากอยู่หน้าห้องเรียนก่อนจะเดินหอบหิ้วมาพร้อมกับข้อสอบเคมีที่ยากแสนยาก แต่สำหรับฉันมันคือวิชาโปรดเลยทีเดียวเข้ามาในห้องเรียน

“ห้ามปิดข้อสอบเด็ดขาดเลยนะ รู้ไหม”

มีนาหันมากำชับเป็นรอบที่หนึ่งร้อยของวันเพื่อไม่ให้ฉันปิดข้อสอบเพราะเธอทั้งสองจะได้ลอกถนัดตา ฉันอมยิ้มพร้อมพยักหน้าให้เพื่อนรัก ก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบที่ได้มาอย่างตั้งอกตั้งใจ

ตกดึกหลังจากทำการบ้านกองเท่าภูเขาเสร็จ ก็ล่วงเลยเป็นเวลาห้าทุ่มครึ่ง ที่ฉันต้องออกจากบ้านพร้อมด้วยลัคกี้ เพื่อนซี้คู่ใจ กีตาร์ตัวโปรดที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดจากเรน มันเลยกลายเป็นของขวัญที่เธอรักและหวงที่สุด ออกจากห้องเช่าเพื่อไปทำงานพิเศษ

งานที่ว่า คือการร้องเพลงในผับช่วงเที่ยงคืนถึงตีสองยกเว้นวันเสาร์อาทิตย์ที่เธอขอเลือกให้เป็นวันหยุดเพื่อที่จะทำการบ้านและรายงานต่างๆ นาๆ ที่ท่วมหัวให้เสร็จทันส่ง อีกแค่หนึ่งเดือนฉันก็จะจบ ม ปลายอยู่แล้ว ซึ่งในอนาคตฉันยังไม่รู้เลยตัวเองจะได้เรียนมหาลัยรึเปล่า แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ เพราะปัญหาที่หนักหนาของฉันคือตอนนี้ค่าเช่าบ้านมันติดลบมาได้สองเดือนกว่าแล้วนี่สิ

จะถูกเจ๊เจ้าของไล่ออกไปเมื่อไหร่ก็ยังไม่รู้เลย

ชีวิตฉันมันจะยังมีอะไรที่ย่ำแย่ไปมากกว่านี้อีกไหมเนี่ย

#Star pub#

สถานที่ตรงหน้านี้มันคือผับเถื่อนๆ ที่มักจะมีวัยรุ่นอายุไม่ถึงมาใช้บริการไม่เว้นแม้แต่วันหยุด แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องเข้าไปยุ่ง

“ว่าไงคนสวย...เมื่อไหร่เธอจะยอมเป็นแฟนฉันสักที รับรองสบายไปจนตาย”

“งั้นฉันขออดตายดีกว่าเคฟ แล้วเจอกันนะ ฉันสายมากแล้ว” เธอพูดพร้อมทั้งส่งยิ้มหวานไปให้เคฟ

ชายหนุ่มที่มีความทนทานต่อคำพูดเสียดสีได้สูงลิ่ว เขาตามจีบเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอหน้าแต่เป็นเธอเอง ที่คิดกับเขาได้มากแค่ความเป็นเพื่อนร่วมงานเท่านั้น

กว่าจะเบียดเสียดผู้คนมากมาย บวกกับสายตาที่แทะโลมมาจนถึงเวทีก็กินเวลาไปหลายนาที นั่นทำให้เธอต้องรีบเดินขึ้นเวทีไปนั่งประจำที่ พร้อมส่งสัญญาณให้ดีเจที่นั่งอยู่ไม่ไกลว่าเธอพร้อมสำหรับการปฏิบัติงานในค่ำคืนนี้แล้ว

[เอาล่ะครับทุกๆ ท่าน ถึงเวลารับฟังเพลงเบาๆ จากสาวน้อยสาวสวยหน้าหวานชื่อหวานพอๆ กับหน้าตาว่าหวานใจ มาดูกันนะครับว่าวันนี้เธอจะมาพร้อมกับบทเพลงไหนให้เราได้ฟังกัน]

เสียงโห่ร้องเป่าปากดังขึ้นทันทีที่ดีเจพูดจบ เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายนับสิบๆ คนที่กำลังจับจองที่นั่งข้างเวทีพวกนี้มาเพื่อที่จะฟังเสียงของเธอหรือเพื่ออะไร นี่คืองานที่ต้องทำ และเธอต้องทำมันให้ดี

“สวัสดีค่ะ วันนี้หวานมาพร้อมกับเพลงๆ หนึ่งที่เคยร่วมแต่งกับใครบางคน มาลองฟังกันนะคะ เพลงนี้ชื่อเพลงว่า for get me not โปรดอย่าลืมฉันค่ะ”

“♫♪~ ความทรงจำที่แสนดี ในวันที่ฉันมีเธอข้าง

ไม่ว่ามันจะอ้างว้างสักเพียงไหน ต่อให้เราต้องจากกันไปแสนไกล

ขอได้ไหม โปรดอย่าลืมฉันคนนี้ คนดีที่เธอเคยเคียงใกล้

เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ เผื่อวันที่จากไป

จะได้รู้ว่าใจฉัน....รักเพียงแต่เธอ

แค่อยากขอให้เธอรับรู้ว่าใจฉัน จะมีเพียงแค่......เธอ♫♪~”

ทุกครั้งที่ได้ร้องเพลงนี้...หัวใจเธอมักจะอบอุ่นราวกับถูกห่อหุ้มด้วยปุยเมฆนุ่มๆ ที่บางเบา มันทำให้เธอคิดถึงภาพวันคืนเก่าๆ ที่เคยได้นั่งร่วมแต่งเพลงเพราะๆ เพลงนี้ร่วมกับใครอีกคนขึ้นมาทุกทีอยากให้นายได้ยินมันจังเลยเรน...เพลงนี้ของเรา!

[อีกด้านหนึ่ง]

แก้วเหล้าใบเล็กสีใสถูกกระแทกลงบนพื้นโต๊ะ VIP ด้วยฝีมือของใครบางคน ผมสีดำสนิทปะบ่าถูกขยี้อย่างหนักเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปปริมาณมากโดยมีสายตาหลายคู่จ้องมองดูด้วยความรู้สึกชินชา

“มันเป็นบ้าอะไรของมันอีกวะ! ดื่มเหล้าอย่างกับน้ำ เมาเหมือนหมา หมดสภาพนักร้องนำแห่งวง sweet หมด” โซกิ มือกลองสุดหล่อผู้มีนิสัยเรียบเฉย ทั้งยังหลงรักเสียงเพลงเป็นชีวิตจิตใจบอกกล่าว พร้อมทั้งทำทีจะแย่งแก้วเหล้าในมือเพื่อนสนิท แต่ก็ถูกนัยน์ตาสีดำสนิทจ้องมองเข้าให้ซะก่อน

“ปล่อยมันไปก่อน! อยู่ในสายตาพวกเราแบบนี้ คงไม่กล้าไปก่อเรื่องที่ไหนหรอก ว่าแต่ดีว่าไปไหน ปกติยัยนั่นจะอยู่ใกล้ๆ ไอ้เรนอย่างกับเงาตามตัว” วาคุ มือเบสสุดเท่ห์เจ้าของฉายารอยยิ้มเสน่ห์หาประจำวงเอ่ยขึ้น ก่อนจะกวาดสายตามองหาจนไปสะดุดอยู่ที่ร่างบาง ที่ในตอนนี้กำลังถูกรุมล้อมโดยกลุ่มชายวัยรุ่นถึงสี่คน

“เดี๋ยวฉันมา ดูท่ายัยนั่นจะสร้างเรื่องอีกแล้ว ให้ตายสิวะ นั่งเฝ้าคนนึง อีกคนดันไปมีเรื่องซะได้!” ทันทีที่สิ้นคำสบถร่างสูงของวาคุก็ลุกพรวดพร้อมทั้งเดินตรงไปคว้าแขนร่างบางที่กำลังกำขวดเบียร์เอาไว้แน่นให้ถอยออกมา เพราะรู้ดีว่ายัยตัวแสบดีว่าโมโหร้ายแค่ไหน

“นายไม่น่าเข้ามายุ่งเลย! ฉันกะจะเอาเลือดหัวไอ้พวกบ้าพวกนั้นมันมาล้างรองเท้าซะหน่อย” เสียงใสเอ่ยก่อนจะยอมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ร่างสูงที่กำลังเมาไม่ได้สติด้วยอารมณ์โกรธทั้งหมดที่มี

“กรุณาทำตัวให้สมกับที่มีคำนำหน้าว่านางสาวด้วยครับคุณสุภาพสตรี”

“ฉันร้องขอความเห็นจากนายรึไงโซกิ หุบปากไปซะ!!”

“ตูผิดซะงั้น” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากแก้อาการเซ็งจนกระทั่งบทเพลงๆ หนึ่งลอยเข้าสู่ประสาทของคนทั้งสี่โดยบังเอิญ โดยเฉพาะเรน...ทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงร่างสูงกระเด้งตัวลุกขึ้นพร้อมทั้งเดินโซเซไปตามเสียงเพลงโดยมีเพื่อนๆ เดินตามหลังด้วยความงงงัน

“เฮ้! จะไปไหนวะเรน กลับมาก่อน เฮ้ย!”

♪~”ขอได้ไหม โปรดอย่าลืมฉันคนนี้ คนดีที่เธอเคยเคียงใกล้ เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ เผื่อวันที่จากไป

จะได้รู้ว่าใจฉัน....รักเพียงแต่เธอ แค่อยากขอให้เธอรับรู้ว่าใจฉัน จะมีเพียงแค่......เธอ♪~”

สิ่งที่ฉันถนัดที่สุดคือทำให้เสียงเพลงของเธอมันสะกดทุกสิ่งให้แน่นิ่งเธอมีความสุขที่เห็นรอยยิ้มของคนมากมายที่ได้ฟังเพลงของเธอ

เพราะรองเท้าคู่หนาของใครบางคนมาหยุดอยู่ตรงหน้า ซึ่งมันเป็นไปได้ยากที่คนธรรมดาจะขึ้นมาบนเวทีนี้ได้ ทำให้เธอต้องหยุดดีดลัคกี้ พร้อมทั้งค่อยๆ เงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกสงสัย

ก่อนจะพบเข้ากับความตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อได้เห็นว่าใคร ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเธอในขณะนี้…

เขามาทำอะไรที่นี้!!

ไม่สิ! เขาจะไปที่ไหนก็ได้ แต่เป็นเธอต่างหากที่ต้องไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด เธอไม่อยากเจอหน้าเขา เร็วกว่าความคิดทันทีที่ลุกขึ้น เดินหนี แต่เพียงสามเก้าเท่านั้นที่ออกตัวเดินเธอกับถูกกระชากอย่างแรงให้ต้องหันมาเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง และก่อนที่จะได้เอ่ยคำใดออกไปร่างสูงก็กระแทกริมฝีปากลงมาครอบงำริมฝีกปากของเธออย่างไม่ทันตั้งตัว เกิดเสียงฮือฮาดังขึ้นพร้อมๆ กับแสงแฟลชที่รัวไม่ยั้ง แต่ดูว่าร่างสูงตรงหน้าจะไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งรอบตัว รสจูบที่แผ่วเบาเริ่มจะทวีคูณความร้อนแรงราวกับต้องการจะแผดเผาเธอ ให้ขาดอากาศหายตายกันไปข้าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel