ตอนที่ 3 กลั่นแกล้ง
ตอนที่ 3 กลั่นแกล้ง
“เค็ม...” พายพึมพำกับตัวเองราวกับคนละเมอ ลิ้นของเธอยังคงรับรสเฝื่อนปร่าที่ติดอยู่ กาแฟที่ควรจะหอมกรุ่น กลับมีรสชาติเหมือนน้ำทะเล
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน
ความโกรธที่พุ่งขึ้นสูงเมื่อครู่นี้ถูกแทนที่ด้วยความสับสนงุนงง เธอวางแก้วลงอย่างแรงจนน้ำกาแฟกระฉอก หันขวับไปยังเครื่องบดกาแฟราคาแพงที่เธอเพิ่งทำความสะอาดไปเมื่อวาน
หรือว่า...ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว หรือว่าตอนที่เธอกำลังเครียดสุดๆ เรื่องตัวเลขขาดทุนเมื่อเช้า เธอจะเผลอ...ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ โหลเกลือสำหรับทำเบเกิลมันตั้งอยู่ห่างจากโหลเมล็ดกาแฟตั้งเยอะ
พายรีบวิ่งไปที่เคาน์เตอร์ เธอเปิดฝาโถบดกาแฟออกมาดู กลิ่นกาแฟหอมลอยขึ้นมาแตะจมูก แต่ทว่ากลับมีกลิ่นอะไรบางอย่างแปลกๆ ปนมา เธอมองลึกลงไปที่เฟืองบดด้านใน
นั่นไง
คราบผงสีขาวละเอียดเกาะอยู่ที่ร่องของเฟืองบด ไม่ใช่เกล็ดน้ำตาล ไม่ใช่คราบแป้ง มันคือเกลือ เกลือป่นละเอียดที่ใครบางคนจงใจเทลงไป
“ใครทำแบบนี้” พายตัวสั่น ไม่ใช่ด้วยความโกรธ แต่เป็นความรู้สึกเหมือนถูกลอบกัด
เธอไม่ได้พลาดเอง นี่คือการ “จงใจ” แกล้งกันชัดๆ แต่ใครล่ะ พนักงานพาร์ทไทม์ที่เพิ่งลาออกไป หรือร้านกาแฟคู่แข่งที่อยู่ถัดไปสองบล็อก แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม พวกเขาได้ทำสำเร็จแล้ว มันทำให้เธอขายหน้าลูกค้ารายใหญ่ที่สุดตั้งแต่วันแรกที่เขามาถึง และที่แย่กว่านั้นคือ ทำให้คำวิจารณ์ที่แสนจะหยิ่งผยองของนายคิมทันต์กลายเป็น “ความจริง”
“บ้าที่สุด” พายสบถออกมา เธอต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการถอดชิ้นส่วนเครื่องบดออกมาล้างทีละชิ้น ขัดคราบเกลือที่เกาะแน่นอยู่ออกจนหมดจด
ความอับอายแล่นริ้วขึ้นมาบนใบหน้าจนร้อนผ่าว เธออายที่ตัวเองเสิร์ฟของแบบนั้นออกไป และอายที่ตัวเองเถียงเขาฉอดๆ ทั้งที่กาแฟมันรสชาติแย่จริงๆ แม้ว่าเหตุผลที่มันแย่จะไม่ใช่เพราะอุณหภูมิน้ำหรือความเก่าของเมล็ดกาแฟอย่างที่เขาอวดอ้างก็เถอะ
เที่ยงวันนั้น โซนคาเฟ่เริ่มคึกคักขึ้นมาบ้าง พายได้ “ไวน์” และ “สิงห์” มานั่งร่วมโต๊ะกินมื้อเที่ยงด้วย สองคนนี้มักจะมาเป็นขาประจำของที่คาเฟ่ และแน่นอนว่าเหตุผลก็เพราะทั้งคู่กินฟรีอีกตามเคย
หลังจากที่ไวน์และสิงห์ได้ฟังเรื่องราววีรกรรมเมื่อเช้าจากปากของพาย ไวน์ก็ทุบโต๊ะดังปัง
“เลวมาก นี่มันจงใจแกล้งกันชัดๆ ยายพาย...แกต้องไปเช็กกล้องวงจรปิดเดี๋ยวนี้เลย” ไวน์พูดด้วยเสียงกรุ่นโกรธแทนเพื่อน
พายนั่งหน้ามุ่ยกินสปาเกตตีคาโบนาราเต็มปาก “เช็กแล้ว กล้องมันดันเสียตรงมุมนั้นพอดี”
“อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนั้น” สิงห์ขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม เขาดูเครียดกว่าปกติ “นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะพาย ถ้าข่าวลือออกไปว่าคาเฟ่เราเสิร์ฟกาแฟเค็ม”
“ฉันรู้แล้วน่า” พายจิ้มเส้นสปาเกตตีอย่างหงุดหงิด “แค่โดนตาซีอีโอนั่นจิกกัดก็แย่พอแล้ว นี่ฉันยังต้องมานั่งกังวลเรื่องโดนแกล้งอีก”
“ว่าแต่ เขาหล่อไหม” ไวน์เปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ดวงตาเป็นประกาย
“ไวน์ นี่มันใช่เวลาไหม” พายถลึงตาใส่
“เอ้า ก็ถามไว้ประดับความรู้” ไวน์ยักไหล่ “แต่เอาจริงๆ นะสิงห์ นายคิมทันต์อะไรนั่น เขาก็เกินไปหน่อยไหม มาถึงก็วิจารณ์ร้านเพื่อนฉันซะเละเลย”
สิงห์ถอนหายใจ “คุณคิมเขาก็เป็นคนแบบนั้นแหละไวน์”
“นายรู้จักเขาเหรอ” พายถามอย่างแปลกใจ
“ก็ไม่เชิง” สิงห์ตอบ “แต่ฉันเป็นคนดีลงานกับเลขาของเขามาโดยตลอด ขอบอกเลยว่าลิสต์รายการที่เขาขอน่ะ ยาวห้าหน้ากระดาษ”
“ห้าหน้า” ไวน์เบิกตากว้าง
“ใช่ ระบุยี่ห้อเครื่องฟอกอากาศ, ความเร็วอินเทอร์เน็ตขั้นต่ำ, อุณหภูมิในห้องที่ต้องคงที่ 22.5 องศาเซลเซียส ห้ามขาดห้ามเกิน แม้กระทั่งสีของหลอดไฟ เขาก็ยังระบุมา”
พายอ้าปากค้าง “นี่มันคนหรือหุ่นยนต์ AI”
“คุณคิมน่ะ เขาเป็นเพอร์เฟกต์ชันนิสต์ตัวพ่อเชียว แต่จะให้ทำไงได้ ก็เขาจ่ายหนักเสียขนาดนั้น เรียกได้ว่าลูกค้าชั้นดีเชียวแหละ” สิงห์สรุป ก่อนจะหันมามองเพื่อนรักอย่างอ่อนใจอีกครั้ง “พาย ฉันรู้ว่าแกยังเคืองคุณคิมอยู่ แต่ K-Innovate คือลูกค้ารายใหญ่ของเรา ไม่แน่ว่าถ้าเขาพอใจ เขาอาจจะต่อสัญญาไปอีกก็ได้”
คำพูดของสิงห์ทำให้พายห่อเหี่ยว เธอนึกถึงตัวเลขสีแดงในแท็บเล็ตอีกครั้ง...ใช่ เธอต้องการเงินจากบริษัทนี้
“อีกอย่าง” สิงห์พูดต่อ “เมื่อเช้าฉันเพิ่งได้อีเมลจากคิน”
ชื่อของ “คิน” หรือ “คิรากร” เพื่อนคนที่สี่ในกลุ่ม ผู้กุมบังเหียนด้านการเงินทั้งหมด ทำให้พายสะดุ้งเฮือกเล็กน้อย
“คินว่าไง” ไวน์ถาม ในขณะที่พายเงยหน้าฟังอย่างตั้งใจ ดวงตาใสแป๋วจ้องมองสิงห์ราวกับกำลังรอคอยข่าวร้ายอีกระลอก
“เขาจะบินกลับจากสิงคโปร์อาทิตย์หน้า และเขาขอดูตัวเลขสรุปผลประกอบการไตรมาสนี้ ทุกโซน”
พายรู้สึกเหมือนสปาเกตตีที่เพิ่งกลืนลงไปจุกอยู่ที่คอ คินกลับมา คินผู้เข้มงวดเรื่องเงินทองยิ่งกว่าอะไรดี ถ้าเขากลับมาเห็นตัวเลขขาดทุนของโซนคาเฟ่
“ฉัน...ฉันต้องไปเตรียมของสำหรับรอบบ่ายแล้ว” พายรีบลุกขึ้น เก็บจานของตัวเองและเพื่อนๆ “เรื่องนายคิมนั่น ฉันจะพยายามรับมือแล้วกัน”
พายเดินกลับเข้าเคาน์เตอร์ไปด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ตอนนี้เธอไม่ได้มีแค่ศัตรูที่มองไม่เห็น แต่ยังต้องเจอกับศัตรูที่เห็นตัวเป็นๆ อย่างนายคิมทันต์ แล้วยังต้องรับมือกับ คินผู้เป็นเหมือนเจ้าหนี้ที่กำลังจะกลับมาทวงบัญชีอีกด้วย
บ่ายสามโมงของวัน ความวุ่นวายถาโถมเข้ามาที่ “The Hub” อีกครั้ง พนักงานของ K-Innovate เริ่มทยอยขนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และกล่องเอกสารกองโตเข้ามาในอาคาร พวกเขาเดินผ่านคาเฟ่ของพายไปขึ้นลิฟต์ เพื่อไปยังชั้นสี่ ซึ่งเป็นโซน Private Office ที่พวกเขาเช่าไว้
พายชงกาแฟมือเป็นระวิง ลูกค้ากลุ่มใหม่นี้ทำให้ยอดขายช่วงบ่ายของเธอกระเตื้องขึ้นมาทันตาเห็น
พนักงานหลายคนสั่งลาเต้เย็น, มอคค่าปั่น และขนมเค้กของเธอ ทุกคนดูอัธยาศัยดีและต่างชมว่าขนมของคาเฟ่อร่อยและราคาดีทีเดียว
ทว่ากลับยกเว้นแค่คนเดียวเท่านั้น ร่างสูงในเสื้อเชิ้ต ปลดกระดุมคอ และพับแขนเสื้อขึ้น เดินตรงมาที่เคาน์เตอร์ของเธออีกครั้ง
‘คิมทันต์’
