บทที่ 17 ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
“พี่ไม่มีอะไรจะเล่าหรอกถ้าพวกเธอไม่บอกพี่ก็ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่อยากรู้แต่ยังไงก็ให้ยัยภรณ์ระวังตัวไว้บ้าง เพลินใจอาฆาตแรง”
“พี่โส ตี้ขอร้อง เล่าให้ฟังหน่อยนะคะ ตี้เชื่อเรื่องนี้ ถ้าไม่มีอะไรที่ต้นปีบแล้วพวกเราจะเห็นมือปีศาจนั่นได้ยังไง ตี้ไม่ได้เห็นคนเดียว ยัยเปมก็เห็น ยัยเปมเกือบถูกไม้ตีหัว มันไม่ใช่อุบัติเหตุแน่ค่ะถ้าพี่โสไม่บอกตี้ ตี้จะสืบหาความจริงเองค่ะ”
อารตีพูดอย่างที่อยากพูดเพื่อให้โสภีใจอ่อนยอมเล่าสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจหล่อนให้ฟังแต่โสภีใช้วิธีเดินออกจากห้องไป เปมิกาถอนใจ
“หมดหวังว่ะตี้”
“เราต้องสืบกันเอง ฉันจะถามป้านวล”
“ไปเดี๋ยวนี้เลยตี้ฉันจัดการเอง”
เปมิกาลุกเดินออกจากห้องอีกคน อารตีนั่งนิ่ง ไม่เข้าใจตัวเองว่าสนใจเรื่องเร้นลับนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ หล่อนถอนหายใจเฮือกลุกยืนกำลังจะเดินไปที่ประตูพลันบานกระจกด้านหน้าก็เลื่อนกระทบกันเสียงดัง
“ปัง ปัง”
พยาบาลสาวหันขวับไปที่ต้นเสียง บานกระจกเล็กๆ สำหรับญาติคนไข้ติดต่อสอบถามพนังงานในห้องนี้เลื่อนปิดเปิดโดยไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้น อารตีถอยหลังกรูด
“คุณพระช่วยลูกด้วย”
หล่อนพึมพำออกมาได้แค่นี้เพราะจำบทสวดมนตร์ไม่ได้เลยประตูกระจกช่องเล็กเลื่อนเปิดอีกครั้ง
“ปัง”
“คุณตี้”
“อ๊าย...”
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเข่าอ่อนเซไปชนโต๊ะวางเอกสาร เสียงเรียกมาจากด้านหลังพร้อมๆ กับประตูกระจกเปิดทำหัวใจหล่อนเกือบหยุดเต้น มือเย็นเฉียบ ใบหน้าซีด หล่อนร้องออกมาอย่างตกใจ นางพยาบาลอย่างหล่อนกลัวผีหรือไม่ใช่เลยเมื่อก่อนหล่อนไม่เคยกลัวผี อยู่เวรดึกดื่นค่อนคืนก็เดินกลับหอพักคนเดียวได้แต่ขวัญของหล่อนกระเจิงเมื่อเห็นมือสีดำบนยอดกาสะลอง มันน่ากลัวจนขนหัวลุก
“ตกใจอะไรตี้”
ทศพลยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า เขาแกล้งเรียกหล่อนดังๆ เพราะเห็นหล่อนจ้องช่องกระจกที่เปิดอยู่ราวกับเห็นผี
“พี่หมอทศ มาอะไรเงียบๆ คะตี้หัวใจวายไปจะทำยังไง”
หล่อนสูดลมหายใจลึกๆ หลายครั้งติดต่อกันจึงสามารถเรียกสติที่เหมือนจะกระเจิงไปไกลกลับมาได้ดังเดิม
“พี่เข้ามาตั้งนานแล้วแกก็ยังยืนตะลึงจ้องกระจกอยู่งั้น เป็นไงเห็นผีรึไง”
“พี่หมอไม่ต้องพูดดีเลย บอกให้เล่าเรื่องผีให้ฟังก็ไม่เล่า ตี้กับยัยเปมจะสืบเองเพราะเมื่อครู่ใหญ่ผีมาบังคับคนไข้เตียงยี่สิบสองให้ฆ่าพยาบาลสาวสวยที่มาทำงานเมื่อวานแต่วันนี้ยังไม่มาและพยาบาลคนนั้นคือยัยภรณ์ค่ะพี่หมอ”
ทศพลนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาได้ยินพยาบาลคุยกันหน้าห้องพักแพทย์แล้วแต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง อารตีมองหน้าหมอหนุ่ม
“พี่หมอไม่เชื่อตี้อีกสิคะ ตามใจค่ะ พี่หมอรุทธ์ พี่โสเห็นกับตาได้ยินกับหูไปถามได้ค่ะ ตี้ขอตัวไปทำงานค่ะเดี๋ยวเลิกงานตี้จะสืบหาความจริงด้วยตัวของตี้เอง”
“จะสืบอะไร มันไม่มีอะไรหรอกเชื่อพี่เถอะ”
“ไม่เชื่อค่ะ เหมือนกับที่พี่หมอทศไม่เชื่อตี้นั่นแหละ”
“ไม่ต้องไปสืบหรอก พี่จะเล่าให้ฟังเอง เลิกงานแล้วไปบ้านพักพี่”
หมอหนุ่มเดินเฉียดไหล่พยาบาลสาวไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาปิดปากเงียบไว้ต่อไปไม่ได้เพราะอารตีกำลังจะได้ข้อมูลจากคนที่ไม่รู้เรื่องจริง เขารู้ว่าอารตีจะถามจากใครเพราะคนสูงวัยที่ทำงานในโรงพยาบาลนานกว่า 5 ปีมีไม่กี่คนและคนที่อารตีจะหาความจริงคนแรกๆ คือแม่บ้านซึ่งแม่บ้านเหล่านั้นแต่งเติมเสริมเรื่องจริงให้เปลี่ยนไปจากเดิมและล้วนแล้วแต่โกหกทั้งนั้นเขาไม่อยากให้อารตีรับข้อมูลผิดๆ
โสภีนั่งมองหน้าทศพลเพื่อขอคำยืนยันจากปากหมอหนุ่ม สิ่งที่ทศพลกำลังจะทำอาจส่งผลให้ดวงวิญญาณที่ไม่ยอมไปไหนแผงฤทธิ์ขึ้นมา เรื่องฉาวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลเวลานี้มันเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้
“หมอทศแน่ใจนะว่าจะเล่า”
“ครับพี่โส ยัยตี้กับยัยเปมไม่ยอมหยุดนิ่ง สองคนนั่นรู้เรื่องจริงจากเราดีกว่าไปรู้เรื่องโกหกปนอยู่ด้วยจากแม่บ้านนะครับ”
โสภีพยักหน้ารับรู้ความคิดของทศพลแต่หวั่นใจกับเรื่องเร้นลับที่จะเกิดทุกเวลาในโรงพยาบาลและที่ร้ายไปกว่านั้นอาจมีคนสูญเสียก็ได้
“พี่โสมาด้วยหรือคะ”
