บทที่ 14 คำสาป
“แต่ตาพี่บอกว่าพอรู้นะพี่ บอกตี้มาเถอะตี้กับยัยเปมไม่บอกใครหรอก นะพี่นะตี้อยากรู้”
“อยากรู้อะไรของเธอยะ คนไข้เตียงริมสุดเรียกเอาอะไรไม่รู้ มัวมานั่งอู้อยู่ได้”
เพลินใจเดินเข้ามาตวัดหางตาใส่อารตีเลยไปถึงเปมิกา อารตีลุกจากเก้าอี้เดินออกไปก่อนเปมิกาหล่อนไม่อยากตอบโต้กับเพลินใจ ยิ่งพูดยิ่งตอบกลับยิ่งสร้างปัญหา เพลินใจหาเรื่องกับอารตีเพราะเป็นเพื่อนสนิทของชยาภรณ์ สาวรุ่นพี่ไม่แยกแยะระหว่างงานกับเรื่องส่วนตัว คำพูดเจ็บแสบฝากอารตีไปบอกชยาภรณ์หลายครั้งแต่อารตีไม่นำไปพูดต่อ ชยาภรณ์จึงไม่รู้ว่าเพลินใจเกลียดหล่อนมากเพียงใด
“พวกมันมาคุยอะไรเหรอพี่โสถึงได้ทำหน้ายุ่งยากใจยังงี้ให้เพลินจัดการให้มั้ย”
เพลินใจมองหน้าโสภีพร้อมกับทิ้งสะโพกลงบนเก้าอี้ คำพูดของหล่อนพร้อมจะหาเรื่องกับสองสาวที่เพิ่งเดินออกจากห้องได้ทุกเวลา โสภีมองหน้าพยาบาลรุ่นน้องแล้วว่า
“จะจัดการอะไร ทำไมต้องจัดการ ยัยตี้กับยัยเปมทำอะไรให้เพลินเจ็บใจเหรอ ถ้าพี่คิดไม่ผิด สองคนนั่นไม่ได้ทำอะไรแต่เพลินโกรธยัยภรณ์ใช่มั้ย”
“พี่โส ทำไมต้องถามแบบนี้ พี่ก็รู้ว่าเพราะอะไรเพลินถึงเกลียดพวกมัน”
“พี่บอกเธอหลายหนแล้วนะเพลิน แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน ที่พี่รู้มาพวกนั้นพยายามเลี่ยงแต่เธอก็ตาม พวกนั้นไม่เคยฟ้องอะไรพี่เลยมีแต่คนอื่นที่เห็นแล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เพลิน พี่ว่าอย่ามีเรื่องกันเลยเราอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน”
โสภีพยายามพูดอีกครั้งหลังจากเคยเตือนสติเพลินใจหลายหนแต่ไม่มีผลตอบรับในทางที่ดีขึ้นสักครั้ง
“พี่ไม่เจออย่างเพลินนี่ ถ้าพี่ถูกแย่งผัวพี่จะไม่พูดอย่างนี้หรอก เพลินจะไม่หยุดจนกว่ามันจะตายกันไปข้างหนึ่งหรือไม่มันต้องไปจากที่นี่”
“เพลิน...”
สาวใหญ่เรียกชื่อพยาบาลสาวอย่างตกใจกับคำที่ได้ยิน ไม่เชื่อว่านั่นออกมาจากปากของพยาบาลหน้าตาสวยหวานอย่างเพลินใจ
“ถ้าพี่จะเข้าข้างมันก็เชิญตามสบายแต่อย่าห้ามเพลินเพราะเพลินจะไม่ฟังใครทั้งนั้น เพลินจะทำให้มันเลิกกับพี่หมอรุทธ์ ถ้ามันไม่เลิกคอยดู...”
“เธอจะทำอะไร”
โสภีแย้งทันควันกับคำคาดโทษที่ไม่บอกชัดของเพลินใจ หญิงสาวยิ้มมุมปากจ้องหน้าหัวหน้าด้วยสายตาวับวาวไม่ใช่ดวงตาแห่งความยินดีแต่เป็นดวงตาของความอาฆาตแค้น หล่อนลุกขึ้นเดินออกจากห้องพักพยาบาลไปเงียบๆ หัวหน้ามองตามจนลับประตูห้องแล้วถอนหายใจยาว
“ทำไมมันต้องมีเรื่องซ้ำอดีตที่นี่ด้วยหรือมันเป็นคำสาปของโรงพยาบาลนี้ไปแล้ว โธ่เอ้ย..เวรกรรมแท้ๆ”
“หึ ๆ หึ ๆ ฮะๆ ฮะๆ”
เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อโสภีพูดจบ สาวใหญ่หันไปมองทางเสียงซึ่งมาจากประตูอีกด้านหนึ่งติดกับห้องคนป่วย หล่อนลุกเดินไปที่ประตูเปิดออกช้าๆ กวาดสายตาไปตามเตียงคนไข้ ไม่มีเตียงไหนที่พอจะมีคนไข้ลุกขึ้นมาหัวเราะ ถ้าอย่างนั้นเสียงหัวเราะเมื่อครู่นี้มาจากไหน
ขนลุกขึ้นมาทันทีเมื่อคิดถึงคำพูดของตัวเอง หล่อนปิดประตูถอยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิมอย่างรวดเร็ว ประตูอีกด้านเปิดออกผู้ช่วยพยาบาลเดินเข้ามาสีหน้าตื่น
“พี่โส คนไข้เตียงยี่สิบสองชัก”
“ตามหมอรึยัง”
“กำลังจะโทร.นี่ค่ะพี่โสไปดูหน่อยสิคะ”
โสภีวิ่งออกไป ผู้ช่วยพยาบาลคว้าโทรศัพท์แนบหูกดเลขติดต่อภายในครู่เดียววางสายแล้ววิ่งกลับประตูที่เข้ามา
“โอ้ย ไม่เอา กูไม่เอา กูไม่เอา กูไม่ทำโอ้ย ปล่อยกู ปล่อยกูสิ ปล่อย กูไม่ทำ โอ้ยกูไม่ทำ ปล่อยกู ปล่อยกู”
คนไข้ไม่ได้แค่ชักเพียงอย่างเดียวปากร้องคำซ้ำๆ ที่โสภีได้ยินแล้วถึงกับนิ่งงันไป หมอนิรุทธ์ก้าวเร็วๆ เข้ามายืนข้างเตียงคนไข้แตะปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่ใต้คางคนไข้ มือคนไข้ปัดออกจ้องหน้าหมอหนุ่มตาขุ่น
“ปล่อยกู กูไม่ทำ ได้ยินมั้ยกูไม่ทำ ปล่อยกู”
“ตั้งสติหน่อยครับคนไข้ ไม่มีอะไรนะครับ ไม่มีใครทำอะไร ตั้งสติหน่อยครับ”
หมอรุทธ์พูดพร้อมยิ้มกับคนไข้แต่คนไข้สาวไม่ฟังยังคงปัดมือหมอและพยาบาล บุรุษพยาบาลที่เข้ามาช่วยกดตัวหล่อนไว้ แรงมหาศาลยิ่งกว่าผู้ชายดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุม
อารตีกับเปมิกาวิ่งมาช่วยโสภีจับคนไข้ สองสาวมองหน้ากัน อาการของคนไข้ผิดไปจากปกติ หากเป็นเพราะพิษไข้จะไม่เป็นอย่างนี้ ภาพเงามือน่ากลัวบิดยอดกาสะลองผ่านเข้ามาในความทรงจำของอารตี หล่อนปล่อยมือที่กดขาคนไข้แล้วพูดเสียงดัง
