บทที่ 13 อาคม
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองต้นกาสะลองเกือบพร้อมกันและกริยาของทุกคนไม่แตกต่างจากหมอทศพล พยาบาลและเจ้าหน้าที่หญิงบางคนยกมือปิดปากถอยหลังกรูด
“โทร.แจ้งตำรวจด่วน แจ้งหน่วยกู้ภัยด้วย เดี๋ยวนี้เลย”
หมอทศพลเรียกสติกลับคืนมารวดเร็ว เขาสั่งโดยไม่เจาะจงเจ้าหน้าที่คนไหน รู้เพียงว่าต้องรีบทำให้เร็วที่สุดเพื่อจะนำร่างของหมอปิ่นเพชรลงจากต้นกาสะลอง
เหตุการณ์วันนั้นยังฝังอยู่ในความทรงจำแม้จะพยายามลืมก็ลืมไม่ได้ ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์เช่นเดียวกับทศพลพูดถึงหมอปิ่นเพชรทั้งในทางดีและไม่ดี หมอใหญ่สั่งห้ามพูดถึงภรรยาไม่ว่าจะในด้านใดก็ตามแต่ยังมีคนแอบนินทา
“หมอปิ่นผูกคอตายเพราะหมอใหญ่นอกใจ เธอเสียใจมากจนคิดสั้นไง”
“ไม่หรอกแก เมียน้อยหมอใหญ่ก็ตายไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกน่าจะเป็นเรื่องอื่นนะ”
“เรื่องอะไรเหรอแก”
“ไม่รู้สิ เงินมั้งหรือว่าสุขภาพ หมอปิ่นป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ เป็นมะเร็งรึเปล่า พอรู้ก็รับไม่ได้ชิงฆ่าตัวตายไปก่อน”
สองแม่บ้านคุยกันอยู่ในห้องน้ำหญิง ทศพลได้แต่ถอนหายใจกับคำพูดที่ไม่อยากได้ยิน หมอใหญ่ขอย้ายไปจากโรงพยาบาลหลังจากจัดงานศพของปิ่นเพชรเสร็จเรียบร้อย
“พี่หมอ ว่าไงคะ พี่รู้เรื่องอะไรรึเปล่า เล่าให้พวกเราฟังบ้างสิคะ”
อารตีเร่งคำตอบจากทศพล หมอหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อย อดีตที่ยากจะลืมเลือนไปจากสมองรวดเร็ว เขายิ้มกับสองสาวแล้วว่า
“ไม่มีอะไรจะเล่าเพราะมันไม่มีเรื่องเข้าใจมั้ยครับคุณพยาบาลคนสวย”
ทศพลเดินหนีดื้อๆ อารตีมองตามร่างสูงของหมอ เปมิกามองเช่นกันแล้วเอ่ยขึ้น
“ยัยตี้ พี่หมอทศไม่อยากเล่าให้เราฟังมากกว่า มันต้องมีอะไรๆ แน่นอนไม่งั้นพี่หมอไม่นิ่งไปหรอก ใช่มั้ย”
“อือ..ในเมื่อพี่หมอไม่อยากเล่าเราก็สืบหาเองสิไม่เห็นจะยาก พี่ที่อายุงานแก่กว่าเพื่อนนั่นแหละรู้”
อารตีเห็นด้วยกับเพื่อนและหล่อนต้องรู้เรื่องที่ทศพลไม่อยากพูดถึงนี่ให้ได้ หล่อนพยักหน้ากับเปมิกาแล้วก้าวยาวๆ ย้อนกลับไปทางห้องทำงานพยาบาลซึ่งอยู่ขั้นระหว่างห้องผู้ป่วยหญิงห้องแรกกับห้องที่สอง โสภีเข้าเวรบ่ายนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“พี่โส ให้ตี้ช่วยมั้ยคะ”
อารตีเดินมายืนมองจอคอมพิวเตอร์ โสภีตอบโดยไม่ต้องมองหน้าคนถาม
“ไม่เป็นไร จะเสร็จแล้วล่ะ ไปไหนกันมาล่ะ”
“ไปหาพี่หมอทศค่ะ”
เปมิกาตอบแทนอารตี เดินไปนั่งเก้าด้านหลังโสภี หัวหน้าพยาบาลหันมามอง
“ไปหาทำไม มีอะไรหรือ”
“พวกเราสงสัยค่ะพี่โส”
อารตีนั่งเก้าอี้อีกตัว หล่อนตอบคำถามของหัวหน้าเพื่อให้หัวหน้าสงสัยกับคำถามของหล่อน โสภีสงสัยจริงๆ
“สงสัยเรื่องอะไรแล้วทำไมไม่ถามพี่ไปถามหมอทศทำไม พวกเรานี่ข้ามหน้าพี่นะรู้มั้ย ทีหลังมีอะไรก็ถามพี่ก่อนถ้าไม่รู้จริงๆ ค่อยไปหาหมอทศหรือหมอคนอื่น”
“มันไม่ใช่เรื่องงานน่ะสิคะพี่โส อีกอย่าง หมอทศเข้ามาตอนที่เราเจอ...เอ่อ...”
อารตีหยุดคำพูดไว้เพียงเท่านั้น หันไปสบตาเปมิกา กริยาของสองสาวยิ่งทำให้สาวใหญ่อยากรู้เรื่อง
“มีอะไร เจออะไร เธอสองคนเจออะไรหรือ”
คำถามรัวเร็ว สีหน้ากังวล หัวใจเต้นแรง สังหรณ์บางอย่างเตือนให้สาวใหญ่รู้ว่าเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นแล้วและสิ่งนั้นทำให้พยาบาลสาวทั้งสองเห็น
“เจอ..เอ่อ..พี่โส ถ้าพวกเราเล่าให้พี่ฟังแล้วพี่จะเชื่อมั้ย”
“เชื่อสิถ้าพวกเธอเห็นจริงๆ”
“เห็นจริงๆ สิคะเห็นตั้งสี่ตาเลยนะพี่ มันน่ากลัวมาก”
เปมิกาเอ่ยออกมา อารตีนิ่งให้เพื่อนเป็นคนเล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญที่พวกหล่อนประสบมาสดๆ ร้อนๆ โสภีนิ่งเงียบไป ดวงตาที่มองสองสาวสลับกันนั้นมีแววตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา
“พวกเราอยากรู้ค่ะว่าเมื่อก่อนโรงพยาบาลมีเรื่องน่ากลัวพวกนี้มั้ยก็เลยถามพี่หมอทศ พี่หมอบอกไม่มีอะไร เราตาฝาดไปเอง จะตาฝาดได้ยังไงเห็นสองคนพร้อมกันแถมกิ่งไม้หักใส่หัวถ้ายัยตี้ไม่ดึงเปมเข้าไปโคนต้นปีบละก็..ไม่อยากจะคิด”
เปมิกาพ่นลมออกทางปาก ทำหน้าสยองขวัญ โสภีนิ่งเงียบไป อารตีจ้องมองอยู่นานแล้วจึงเอ่ยขึ้น
“พี่โสรู้ใช่มั้ยคะว่ามีเรื่องเกิดหลังห้องคนไข้รวม เรื่องอะไรคะเล่าให้ตี้ฟังได้มั้ย”
“ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามีก็คงเก่าแก่แล้วมั้ง พี่ไม่รู้”
โสภีจำเป็นต้องโกหกเพราะไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องสะเทือนใจขึ้นมาอีกถึงแม้หมอใหญ่คนเก่าและหมอปิ่นจะไม่อยู่ในโรงพยาบาลนี้แล้วก็ตามแต่หล่อนไม่แน่ใจว่าหมอปิ่นจะไปจากที่นี่แล้ว หากอารตีกับเปมิกาเห็นมือน่ากลัวนั่นจริง หล่อนเชื่อว่าปิ่นเพชรยังอยู่ที่เดิม อยู่ด้วยอาคมหรือกรรมก็สุดจะเดาแต่ที่แน่ๆ หมอปิ่นเพชรยังไม่ไปไหน
