บทที่ 12 ต้นปีบ
ลมหวีดหวิวราวกับเสียงคนกรีดร้องอย่างเจ็บปวด มะปรางขนลุกวิ่งออกจากครัวมายืนกลางบ้าน แกว่นเดินออกจากห้องนอน
“เป็นอะไร”
“เสียงอะไรพี่เหมือนคนร้องให้ช่วยเลย”
“เสียงลม ฟังดีๆ สิ ไปกินข้าวจะได้เข้าไร่”
แกว่นตอบอย่างไม่ใส่ใจกับความกลัวของภรรยา ธุระที่เขาไปทำเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ดีทุกอย่าง ต่อจากนี้ไปความแค้นของเขาจบลงแล้ว
เสียงลมน่ากลัวเงียบไป ฟ้าทะมึนเข้ามาแทนที่ เมฆดำลอยต่ำ แกว่นถอนหายใจเฮือก ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวช้าๆ
“สงสัยไปไร่ไม่ได้แล้วละพี่”
มะปรางเอ่ยขึ้น แกว่นพยักหน้าเห็นด้วยกับหล่อนแต่ใจเขาไม่ราบเรียบเช่นใบหน้าในขณะนี้
เสียงกรีดร้องของพยาบาลสาวดังก้องทั่วตึกคนไข้หญิง หมอทศพลยังไม่ออกเวรได้ยินเสียงชัดเจนเขาวิ่งไปทางต้นเสียง พยาบาลน้องใหม่คนหนึ่งยืนหลับตาร้องกรี๊ดๆ มือสองข้างกำแน่นยกชิดหน้าผาก
“อ๊ายยยย...อ๊ายยยย อ๊ายยยยย...”
“น้อง เป็นอะไร เป็นอะไร”
หมอหนุ่มเขย่าร่างพยาบาลเพื่อเรียกให้รู้สึกตัว หล่อนลืมตาคว้ามือหมอเขย่าแรงกว่าที่หมอเขย่าตัวหล่อน
“หมอคะ...หมอ ...หมอ ต้นไม้...ต้นปีบ..ต้นปีบค่ะหมอ ต้นปีบค่ะหมอ ต้นปีบ”
เสียงสั่นรัวจนฟังแทบไม่ทัน ทศพลยกมือขึ้นข้างหนึ่งอีกข้างยังอยู่ในมือของพยาบาลที่ไม่ยอมปล่อย มือของหล่อนเย็นจนรู้สึก
“ใจเย็นๆ นะ ค่อยๆ พูด สูดลมหายใจลึกๆ ไม่ต้องกลัว หมออยู่นี่ ไม่ต้องกลัว ใจเย็นๆ พูดช้าๆ”
พยาบาลสาวทำตามที่หมอหนุ่มพูด สูดลมหายใจลึกๆ สองสามครั้งแต่ก้มหน้าจนคางเกือบชิดอก ทศพลมองกิริยาของหล่อนครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น
“มีอะไร บอกหมอมาได้”
“หมอ..มอง..ขึ้นไปบนต้นปีบสิคะ..”
หล่อนพูดแค่นั้นหลับตาปี๋ ทศพลเงยหน้าขึ้นตามคำของหล่อนและหัวใจของเขาแทบหยุดทำงานชั่วขณะ ดวงตาใต้แว่นสายตาเบิกกว้าง เท้าก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ พยาบาลใหม่ออกวิ่งทันที
“คุณพระช่วย...”
ทศพลครางออกมาเสียงแทบไม่มี มือเย็นเฉียบ ความรู้สึกขณะนี้ไม่ต่างจากน้องพยาบาล ภาพสยดสยองของหมอสาวแกว่งไปมาบนต้นกาสะลอง ลิ้นห้อยยาวถึงหน้าอก ดวงตาถลนออกมานอกเบ้า มันเป็นภาพที่หมอทศพลเคยเห็นมาบ้างแต่สำหรับหมอปิ่นเพชรทำให้เขาช็อค
“หมอปิ่น...ทำไม...”
“เกิดอะไรขึ้นหมอทศ พยาบาลวิ่งร้องไม่เป็นภาษาไปทั่วตึกแล้ว”
คำถามดังมาจากด้านหลัง ไม่ต้องเหลียวไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร หัวใจของทศพลยิ่งเต้นแรงกว่าเดิม เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง ความเย็นที่แผ่ซ่านถึงปลายเท้ากลายเป็นความร้อน หมอเชนทร์กำลังก้าวเข้ามาหาเขา
“หมอใหญ่...”
“มีอะไรหรือหมอทศ ใครเป็นอะไร”
เชนทร์ยังคงถามเพราะอยากรู้สาเหตุของความตื่นตระหนกกลัวของพยาบาลที่วิ่งสวนกับเขาตรงประตูทางเข้าห้องผู้ป่วยหญิง ทศพลกลืนน้ำลายเหนียวหนึบลงคอ
“หมอครับ คือ...ผม...”
อยากตอบคำถามเร็วที่สุดแต่พอจะเอ่ยออกมากลับไม่กล้าพูด หากหมอใหญ่เห็นสภาพของภรรยาในขณะนี้จะเป็นอย่างไร
“หมอทศ มีอะไรก็พูดมาเถอะ เกิดอะไรขึ้นกับน้องพยาบาล หมอปล้ำเธอหรือ”
“เปล่าครับหมอใหญ่ คือ..หมอครับ ใจเย็นๆ นะครับ เข้มแข็งไว้นะครับ”
“ทำไมต้องใจเย็น ทำไมต้องเข้มแข็ง มีอะไรหมอ..พูดมาเลยไม่ต้องเกรงใจ”
“บนต้นปีบ ข้างบนครับ”
สุดท้ายทศพลก็พูดออกมาชี้มือขึ้นด้านบนแต่ไม่เงยหน้ามอง สายตาจับนิ่งที่ใบหน้าหมอใหญ่ รอดูกิริยาที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ลูกผู้ชายอาจยอมรับกับสิ่งเลวร้ายในชีวิตได้แต่ถ้าไม่ล่ะ
หมอเชนทร์เลิกคิ้วสูง ชี้มือตามมือหมอทศพลแล้วเงยหน้าขึ้นและวินาทีนั้น หมอใหญ่ถึงนิ่งงันอ้าปากค้างดวงตาเบิกโต มือค่อยๆ ตกลงข้างตัว เสียงเบาหวิวลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก
“ปิ่น...”
“หมอใหญ่ครับ...”
ทศพลเอ่ยเสียงเบา จ้องมองหมอใหญ่ทุกวินาที เชนทร์ยืนนิ่งงันไปกับภาพเบื้องบน หัวใจของเขาแทบหยุดทำงาน ลมหายใจหยุดไปหลายวินาที ปลายเท้าชาแล้วเย็นไล่ขึ้นมาจนถึงศีรษะ
“ปิ่น ปิ่น ปิ่น...”
เสียงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ร่างสันทัดทรุดฮวบลงกับพื้นในท่าคุกเข่า ทศพลทำอะไรไม่ถูกทั้งที่พร้อมจะช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน บุรุษพยาบาล นางพยาบาลและเจ้าหน้าที่ในตึกผู้ป่วยหญิงหลายคนวิ่งกรูกันออกมาถึงโคนต้นกาสะลอง
