บทที่ 11 สร้างบาป
“แกมายุ่งอะไรกับข้า ข้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของข้า”
แกว่นเปิดประตูห้องนอนออกมา สีหน้าเคร่งเครียด เดินผ่านหน้าแสงหล้าออกไปนั่งที่ระเบียงหน้าบ้าน
“ข้าไม่อยากยุ่งเรื่องของเอ็งแต่ข้าไม่อยากให้เอ็งสร้างบาปเข้าใจมั้ย ที่เอ็งทำมันเป็นบาป เอ็งกำลังจะฆ่าคนนะ”
แสงหล้าเดินตามมายืนพูดไม่ห่างนัก มะปรางทรุดนั่งข้างสามีมองหน้าเขาอย่างขอร้อง เขาหันมาสบตาเศร้าของหล่อนแล้วหันหน้าหนี
“เอ็งไปตามพี่แสงมาใช่มั้ย”
“จ้ะพี่ ฉันไม่อยากให้พี่ทำแบบนี้ พี่ไม่ได้ทำแล้วใช่มั้ย พี่แสงมาทันใช่มั้ย”
เขาพยักหน้าไปอย่างนั้นแต่แสงหล้ามาช้าไปนิดเดียว ไสยดำที่เขาปล่อยออกไปทำร้ายคนที่เขาโกรธเกลียดเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเวลาจบสิ้นเท่านั้นซึ่งก็ไม่พ้นคืนนี้
“ข้าดีใจที่เอ็งเปลี่ยนใจ ข้ากลับก่อนนะไม่ต้องไปส่งข้าหรอกมะปราง พวกเอ็งเข้านอนเถอะ”
แสงหล้าเดินลงบันไดไป ครู่เดียวร่างท้วมเล็กน้อยของสาวใหญ่ก็ลับไปจากสายตาของสองสามีภรรยา แกว่นถอนหายใจยาวลุกเดินเข้าห้องนอน มะปรางตามเข้าไปเงียบๆ กลิ่นธูปคลุ้งทั่วทั้งห้อง หล่อนยืนนิ่ง ไม่แน่ใจเสียแล้วว่าแสงหล้ามาหยุดแกว่นได้ทันหรือเปล่า
“พี่ ทำไมกลิ่นมันเหม็นจัง ฉันไปนอนข้างนอกนะ”
แกว่นมองหน้าภรรยา กลิ่นที่มะปรางพูดไม่ใช่กลิ่นควันธูปแต่เป็นกลิ่นไสยดำที่เขาเรียนมาและเพิ่งใช้ทำร้ายศัตรู เขายอมรับว่าเป็นบาปแต่เขาตั้งใจสร้างบาปครั้งนี้เพื่อแก้แค้นให้กับลูกสาวของเขา ความโกรธจางไปส่วนหนึ่งหลังจากทำบุญให้กลิ่นแก้วเรียบร้อยแต่มันย้อนกลับมาอีกและรุนแรงกว่าเดิมเท่าตัวเพราะคำพูดเหยียดหยันของปิ่นเพชร
“เออดีเหมือนกัน ในห้องร้อนเหลือเกิน ไปนอนข้างนอกกันนะพี่นอนด้วย”
หนุ่มใหญ่ยิ้มบางขณะปลดหูมุ้งจากตะปูสี่มุมติดผนังฝาบ้าน มะปรางหอบหมอน ผ้าห่มออกมาก่อน แกว่นกลับเข้าไปหอบเสื่อกกมาปู ไม่นานสามีภรรยาก็หลับสนิท ลมภายนอกพัดเย็นชื่นและแรงขึ้นๆ แกว่นรู้สึกตัวลืมตาในความมืด
“ได้เวลาแล้วสินะ ลาก่อนอีหมอใจเหี้ยม”
เขาพึมพำออกมาแล้วหลับตาลงแต่ใจไม่หลับจึงลืมตาอีกครั้ง ลมนอกบ้านพัดอู้ๆ กิ่งไม้หักหล่นโครมคราม มะปรางสะดุ้งตื่นลุกนั่ง
“เป็นอะไร ฝันร้ายหรือ”
แกว่นลุกนั่งตามภรรยา ท่าทางของมะปรางตกใจ ตัวสั่นเทา หล่อนคว้ามือเขาบีบแน่น ละล่ำละลักว่า
“พี่ ผู้หญิงผูกคอตาย ตาเหลือกลิ้นจุกปาก จ้องมองฉันเหมือนโกรธแค้นกันสักสิบชาติ ฉันกลัวพี่ ฉันกลัว”
“มันแค่ความฝัน อาจเป็นเรื่องดีก็ได้นะ ไก่ขันแล้วลุกไปล้างหน้าล้างตาเถอะ ถ้าจะให้เอ็งนอนต่อก็ไม่หลับหรอก”
เขาตลบผ้าห่มออกจากตัว เลิกมุ้งมุดออกไปก่อนมะปราง หล่อนตามเขาออกไป ครู่เดียวไฟดวงใหญ่กลางบ้านก็สว่างพรึบ
“ล้างหน้าก็แก้ความฝันกับน้ำนะให้ฝันร้ายกลายเป็นดีนะ”
เขาบอกภรรยาแต่ในใจของเขารู้ดีว่าความฝันนั้นเป็นความจริง ผู้หญิงผูกคอตาย ดวงตาของหญิงสาวโกรธแค้นจ้องมองมาที่มะปราง แกว่นนั่งนิ่งราวรูปปั้น เขาทำพลาดตรงรีบร้อนแต่เขาจะสะกดวิญญาณของหญิงสาวผู้นั้นให้อยู่ในที่ๆ หนึ่งไม่ให้ตามรังควานมะปราง
“สว่างกว่านี้กูจัดการมึงแน่ สารเลว เหี้ยมโหด กูจำเป็นต้องโหดกับมึง”
เขาพึมพำด้วยความแค้น หากไม่ได้ยินคำพูดเหยียดหยันดูแคลน หยามศักดิ์ศรี เขาคงไม่ทำบาปเช่นนี้
“พี่จะไปไหนแต่เช้า เข้าไร่รึเปล่า กินข้าวก่อนเดี๋ยวฉันไปช่วยตัดหญ้า”
มะปรางเรียกสามีก่อนที่เขาจะเดินลงบันได เขาหันมาโบกมือแล้วว่า
“เปล่า ข้าไปธุระเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวมากินข้าวค่อยไปไร่กัน”
เขาบอกหล่อนไม่ได้ว่าจะรีบไปไหน ถ้ารอสว่างมากกว่านี้จะทำธุระลำบาก รถมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินกลางเก่ากลางใหม่แล่นฉิวออกจากรั้วไม้ไผ่ มะปรางมองตามท้ายรถอย่างไม่เข้าใจ
“ไปทำธุระอะไรแต่เช้ามืดยังงี้ พี่แกว่นนี่ชอบทำอะไรประหลาดๆ”
หล่อนส่ายหน้าแต่ไม่สงสัยอะไรมากนัก หันมาทำกับข้าวมื้อเช้าเตรียมสำรับเสร็จเสียงรถมอเตอร์ไซค์ก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
“มะปราง ข้าไปหาไอ้อุ่นช่วยฉีดยาหญ้าจะได้เสร็จเร็วหน่อยเดี๋ยวเตรียมข้าวไปกินที่ไร่เลย”
แกว่นเดินขึ้นบ้านมาบอกภรรยาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอนปิดประตูไม้ใส่กลอนเดินตรงไปที่ย่ามล้วงมือลงไปข้างในหยิบสร้อยประคำสีดำออกมาบริกรรมคาถาครู่หนึ่งพ่นลมจากปากใส่สร้อยประคำแล้วหย่อนลงในย่ามตามเดิม
