บท
ตั้งค่า

4. จดจำด้วยหัวใจ

แสงจากสร้อยคอของญาณิสา ยังคงส่องเรืองรองอยู่บนอกของเธอราวกับนำทางไปสู่สิ่งที่เธอไม่อาจเข้าใจแต่รู้สึกได้ว่ากำลังรออยู่ข้างหน้า...

“มันจะพาณิสาไปที่ทะเลสาบเอง” พีรภัสนาคินทร์กล่าว ขณะสวมเสื้อคลุมยาวอีกชั้น เตรียมออกเดินทาง

“ตราบใดที่ณิสายังเชื่อใจตัวเอง”

“แม้จะยังจำอะไรไม่ได้เลยหรา” เธอถามเบา ๆ

เขาหันมามองเธอ ดวงตาคู่นั้นลึกซึ้งเหมือนทะเลในคืนสงบ

“บางสิ่งไม่ได้ถูกจำด้วยสมอง... แต่มันฝังอยู่ในหัวใจ”

ญาณิสาเงียบไป ราวกับคำตอบนั้นไปแตะต้องบางอย่างในความรู้สึก เธอไม่แน่ใจว่าความสั่นไหวในอกคืออะไร แต่รู้ว่ามันเกี่ยวกับเขา

การเดินทางเริ่มต้นขึ้นในยามรุ่งสาง แสงแดดอ่อน ๆ ตกกระทบยอดหญ้าที่เปียกชื้นด้วยน้ำค้าง เส้นทางผ่านเข้าสู่ “พนากวิน” ป่าเวทมนตร์ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เป็นเขตทดสอบของผู้พิทักษ์

ที่นี่ ต้นไม้ทุกต้นเหมือนมีชีวิต เสียงลมกระซิบคล้ายคำพูดของใครบางคนเสียงหัวใจของญาณิสาเต้นแรงขึ้นทุกก้าว เธอไม่รู้ว่าตัวเองกลัว หรือคุ้นเคยกันแน่

“ที่นี่มีเวทสะกดความทรงจำแฝงอยู่” พีรภัสนาคินทร์เตือนขณะหยุดก้าว

“มันจะลวงเราให้เผชิญกับ ‘สิ่งที่กลัวที่สุด’”

ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ... หมอกหนาก็เริ่มปกคลุมรอบตัวพวกเขา

ซู่...!

เสียงฝีเท้าบนใบไม้เปียกดังก้องรอบทิศ เงาร่างสูงโปร่งในชุดคล้ายเธอเดินสวนมา ดวงหน้าของอีกฝ่ายเบลอราวถูกพร่าไว้ด้วยหมอกเวท

“ใครน่ะ” ญาณิสาก้าวเข้าไปใกล้

แต่เมื่อเธอเห็นใบหน้าของผู้หญิงตรงหน้า ร่างของเธอก็ชะงักเหมือนถูกแช่แข็ง

“นั่นมัน…ฉันเอง”

ผู้หญิงตรงหน้าคือเธอในอีกเวอร์ชันหนึ่ง ผมยาวถึงเอว สวมชุดพิธีคลุมสีขาวสะอาด นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเศร้า... และเลือดที่ไหลอาบมือ

“เจ้าทำลายเธอ... เจ้าทิ้งเธอไว้คนเดียว...” เสียงสะท้อนจากภาพหลอนพูดขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“ไม่...ไม่ใช่แบบนั้น!” ญาณิสาร้องกลับ

“ฉันไม่ได้ทิ้ง!”

พีรภัสนาคินทร์พุ่งเข้ามาคว้าแขนเธอไว้ทัน

“มันไม่ใช่ณิสา... มันคือ ‘ภาพสะท้อนจากบาดแผลในจิต’!”

แต่ไม่ทันที่เธอจะถอนตัวได้ ร่างนั้นก็พุ่งเข้าใส่ พร้อมเสียงกรีดร้องที่แหลมบาดหู

โครม!

เสียงปะทะดังลั่น พีรภัสนาคินทร์ผลักเธอหลบ แล้วใช้ดาบสะบัดพลังเวทเป็นวงแหวนแสงที่ทำลายภาพลวงตาแตกสลาย

หมอกจางลง เหลือทิ้งไว้แค่ความเงียบ ญาณิสาล้มลงกับพื้น เธอเหนื่อยหอบ หายใจติดขัด ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาโดยไม่รู้ตัว

“มัน...รู้สึกเหมือนฉันจริงๆ เหมือนเหลือเกิน” เธอกระซิบ

พีรภัสนาคินทร์นั่งลงข้างเธอ วางมือบนไหล่เบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือแตะปลายนิ้วเธออย่างอ่อนโยน

“เพราะมันดึงจากสิ่งที่อยู่ในหัวใจ... ไม่ใช่แค่ความคิด มันคือเงาของอดีตที่ยังไม่ได้รับการเยียวยา”

เธอสบตาเขา เสียงใจตัวเองเต้นประสานกับสัมผัสนั้นโดยไม่อาจควบคุม

“งั้น...ฉันเคยคิดว่าตัวเองผิด คิดว่าฉันทำลายอะไรบางอย่าง...จริง ๆ ใช่ไหม”

เขาพยักหน้าเบา ๆ

“แม้แต่ในปัจจุบัน หัวใจของเธอยังจดจำสิ่งนั้นอยู่...แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องรับมันไว้คนเดียวอีกแล้ว”

ญาณิสาเงียบไปสักพัก ก่อนจะเอื้อมมือจับมือเขาแน่นขึ้น

“เพราะคุณอยู่ตรงนี้ใช่ไหม”

พีรภัสนาคินทร์ยิ้ม เพียงเล็กน้อย แต่ลึกซึ้งพอให้เธอรู้ว่า...เขาอยู่ตรงนี้เพื่อเธอ

หลังผ่านเงาแห่งจิตใจ ทั้งสองเดินทางต่อจนถึงทุ่งแสงนิรันดร์ ทุ่งหญ้าที่ลำแสงตกกระทบเป็นลวดลายเรืองแสงขนาดใหญ่กลางธรรมชาติ คล้ายสัญลักษณ์เวท

กลางทุ่งนั้น มีซากวิหารหินปกคลุมด้วยมอสเขียว และกลีบดอกไม้ร่วงหล่นบนบันไดโบราณ

ทันทีที่ญาณิสาเหยียบย่างเข้าไปในวิหาร เธอก็ทรุดลงทันที ดวงตาเบิกโพลง ความทรงจำของเธอถาโถมกลับมา

เสียงพิณบรรเลงในคืนจันทร์เต็มดวง เธอร้องเพลงด้วยน้ำตา ในขณะที่พีรภัสนาคินทร์กำลังจะถูกกลืนกินโดยภาวะย้อนแสง เธออธิษฐานครั้งสุดท้าย…ขอแลกพลังเสียงของตนเองกับชีวิตของเขา

“ฉัน...ฉันเคยร้องเพลงครั้งสุดท้ายให้คุณจริง ๆ ใช่ไหม” เธอถามด้วยน้ำเสียงสั่น

พีรภัสนาคินทร์พยักหน้า เขานั่งลงข้างเธอ มือของเขาสัมผัสมือของเธออย่างอ่อนโยน

“มันเป็นเสียงที่ฉันไม่มีวันลืม... แม้ต้องฟังมันผ่านความเงียบมาเป็นหลายพัน ปี”

แสงจากสร้อยคอบนอกเธอเริ่มสว่างขึ้นกว่าเดิม มันเปล่งเสียงทำนองเบา ๆ ที่กลมกลืนกับเสียงหัวใจของเธอ

“บางส่วนของเพลงลำนำ...กำลังกลับมาแล้ว” เขากระซิบ พร้อมโน้มหน้าลงใกล้เธอสบตาเขาอีกครั้ง แล้วพยักหน้า

“ถ้าเสียงนี้ยังมีค่า...ฉันอยากให้มันกลับไปอยู่กับคุณอีกครั้ง”

ก่อนที่ทั้งสองจะได้ลุกขึ้น เสียงดังสนั่นก็ดังก้องจากฟากฟ้า

โครมมมมม!!!

ผืนฟ้าแตกออกเป็นรอยร้าว และเสียงกระซิบเก่าแก่ก็ดังขึ้นอีกครั้งจากมิติอันมืดมิด

“เสียงแห่งแสงสว่าง... เจ้าจะปลุกข้าอีกครั้งงั้นหรือ”

พายุพลังมืดเริ่มพัดเข้ามา และทั้งคู่รู้ดีเงาดำกำลังจะมาอีกครั้ง…ครั้งนี้...มัน ไม่ใช่ภาพลวงตา อีกต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel