บท
ตั้งค่า

3. กาลครั้งนั้นที่เรารักกัน

ยามค่ำคืนในโลกคู่ขนานไม่ต่างจากโลกเดิมของญาณิสามากนัก ท้องฟ้าก็ยังเต็มไปด้วยดวงดาวที่เปล่งแสงเช่นในโลกมนุษย์ แต่ต่างกันตรงที่ดาวที่นี่เหมือนรู้ตัวว่าถูกมองจากใครบางคน เสียงใบไม้ไหวเป็นจังหวะเหมือนกำลังบรรเลงดนตรีเงียบๆให้กับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความลับ

หลังจากดื่มชาอุ่นๆหอมกลิ่นดอกไม้จนหมดถ้วย ญาณิสานั่งเงียบๆ อยู่หน้าเตาผิง เธอพยายามนึกถึงเสียงเพลงลำนำที่วนเวียนอยู่ในความฝันมานาน มันยังคลุมเครือ... แต่ครั้งนี้ มีบางอย่างเปลี่ยนไป

♪ “เมื่อเงาสะท้อนฟ้าผ่าไฟ ลำนำใจจะคืนถิ่น...” ♪

เสียงเพลงนั้นดังขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง คราวนี้ชัดเจนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา พร้อมภาพรางๆ ของสถานที่แห่งหนึ่ง ทะเลสาบกว้างในคืนจันทร์เต็มดวง และเสียงพิณล่องลอยในอากาศ

“ทะเลสาบ...” ญาณิสาพึมพำ

พีรภัสนาคินทร์ที่นั่งอยู่อีกมุมของห้องลุกขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“ณิสาเห็นมันแล้วใช่ไหม” เขาเดินเข้ามาใกล้ สายตาวูบไหวด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้พบเจอสมบัติล้ำค่าที่ตามหามานาน

“ฉันเห็นทะเลสาบ...และได้ยินเพลงบทเดิมอีกครั้ง” เธอเงยหน้ามองเขา ดวงตาฉายแววความสงสัยเคลือบความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก

“ที่นั่นคือที่ที่เราต้องไปใช่ไหม”

เขาพยักหน้า

“ที่นั่นคือ ‘อัสนีวารี’ สถานที่ที่จิตวิญญาณของณิสาถูกผนึกไว้ในอดีต”

ญาณิสานิ่งไป

“ในอดีต...ฉันตายที่นั่นเหรอ”

พีรภัสนาคินทร์ไม่ตอบทันที เขานั่งลงตรงหน้าเธออย่างเงียบๆ ดึงตัวเธอมากอด สายตาของเขาสะท้อนความรู้สึกอัดแน่น เต็มไปด้วยความห่วงใยและความเจ็บปวดที่ซ่อนอยู่ภายใน

“ณิสาไม่ได้ตายเพราะศัตรู หรือคำสาป…” เขาพูดเบาๆ เสียงทุ้มละมุนของเขาราวกับบทเพลงปลอบโยนยามค่ำคืน

“แต่เพราะสละชีวิต...เพื่อปกป้องคนที่ณิสารัก….ผมเอง”

คำพูดนั้นทำให้ญาณิสารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ลมหายใจของเธอชะงัก ความรู้สึกบางอย่างแล่นขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจทั้งเศร้า และ...อบอุ่น

“ฉันเคยรักคุณ มากขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอถามเบาๆ ดวงตาที่เคยสงบนิ่งตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย

พีรภัสนาคินทร์ยิ้ม รอยยิ้มที่อ่อนโยนของเขาที่แฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์

“เราเคยรักกัน...มากเสียจนแม้แต่ความตายก็แยกเราออกจากกันไม่ได้ ความรักของเรายิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่งในจักรวาลนี้”

เขาเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนเขาจะกล่าวต่อ

“ในวันที่ภาวะย้อนแสงถูกปลุกครั้งแรก มันแฝงตัวในใจของผู้คน มันทำให้ผู้คนทรยศกัน ทำลายกัน… แต่ณิสากลับเป็นคนเดียวที่ยังเชื่อมั่น”

“แล้วฉัน...ผนึกมันไว้ยังไง”

เขายกมือแตะอกของตัวเอง

“ด้วยเสียงเพลงและเลือดของณิสา...เลือดที่เปี่ยมด้วยพลังแห่งรักอันบริสุทธิ์”

ญาณิสาหายใจช้าๆ ดวงตาเธอเริ่มเอ่อคลอแม้ไม่เข้าใจว่าทำไมความเจ็บปวดนี้จึงรู้สึก...ว่ามันยังคงอยู่ในใจ

“ฉันตายเพื่อปกป้องคุณ และคุณก็ยังคงอยู่เพื่อฉัน” เธอทวนเบาๆ ราวกับต้องการยืนยันกับตัวเอง และในขณะเดียวกันก็เป็นการปลอบประโลมหัวใจที่บอบช้ำของเธอเอง

“และผม...ใช้เวลาเป็นพันๆ ปีเพื่อเดินทางข้ามมิติเพื่อหาณิสาในตอนนี้และเราก็กลับมาพบกัน ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณจากไปอีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”

พีรภัสนาคินทร์กระซิบ ก่อนจะโน้มตัวลงจุมพิตที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ราวกับจะผนึกคำสัญญาที่ให้ไว้ด้วยความรัก

ทันใดนั้น พื้นดินก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เทียนในห้องดับลงพร้อมกันโดยไม่มีลมใดพัดผ่าน

เสียงคำรามต่ำลึกแทรกเข้ามาในอากาศ...คล้ายเสียงหัวเราะของบางสิ่งที่เฝ้าดูอยู่จากความมืด

“มันรู้แล้ว ที่รัก…” พีรภัสนาคินทร์ลุกขึ้น คว้าดาบที่พิงอยู่ตรงผนัง

“ภาวะย้อนแสงรู้ว่าณิสาเริ่มจำได้ มันจะไม่ปล่อยให้ณิสาฟื้นพลังคืนได้ง่ายๆ”

ญาณิสาลุกขึ้นตาม

“เราต้องไปที่ทะเลสาบนั่น ใช่ไหม”

เขาพยักหน้า

“ก่อนที่เงามืดจะกลืนความทรงจำของณิสาทั้งหมด...รวมถึงตัวตนของณิสาด้วย ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ ไม่ต้องกลัว”

ขณะที่ทั้งสองเตรียมออกเดินทาง แสงสีฟ้าอ่อนจากสร้อยคอของญาณิสาสว่างขึ้นเองโดยไม่มีสาเหตุ เธอยกขึ้นดูด้วยความตกใจ และเห็นสัญลักษณ์เรืองแสงบางอย่างปรากฏอยู่บนผิวของมัน

พีรภัสนาคินทร์มองเห็นและพูดช้าๆ ราวกับสาบาน

“มันเริ่มแล้ว...บทลำนำเพลงบทสุดท้ายกำลังจะถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง และโชคชะตาของโลกทั้งสองก็จะขึ้นอยู่กับเสียงเพลงพลังแห่งรักของเรา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel