บท
ตั้งค่า

ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว 1.1

ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว

จางลู่ซือรู้สึกตัวอีกครั้ง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ

เมื่อเธอมองทุกอย่างรอบกาย มันกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แห่งนี้ รวมถึงเตียงที่เธอนั่งอยู่ซึ่งก็ไม่ใช่รถยนต์ส่วนตัวที่เธอนั่งอยู่ก่อนหน้านี้ แต่มันเป็นเตียงไม้ที่ค่อนข้างเก่า

แม้จะมีฟูกปูเอาไว้ต่มันก็เป็นเพียงฟูกเก่า ๆ เท่านั้น แถมดูจะชำรุดจนแทบจะใช้การไม่ได้

“ที่นี่มันที่ไหน แล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้” จางลู่ซือพึมพำขึ้นมา

จากนั้นจึงตั้งท่าจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ทว่าร่างกายกลับซวนเซไป หญิงสาวค่อย ๆ หย่อนเท้าลงไปบนพื้นรอให้ร่างกายปรับสมดุลสักพักจึงเริ่มดีขึ้น

เธอก้มลงมองดูฝ่ามือของตนเอง สังเกตได้ว่าแทบจะไม่มีสีเลือด อีกทั้งมือยังเล็กและดูบอบบาง นี่จึงบ่งบอกได้ถึงสุขภาพของผู้เป็นเจ้าของร่างกายนี้ได้อย่างดี

“อะไรกันเนี่ย ทำไมมือของเราถึงได้ดูเล็กขนาดนี้ล่ะแถมยังเหมือนมือของเด็กเลย เฮ้อ...แล้วทำไมสุขภาพถึงได้แย่มากขนาดนี้ มันทั้งซีดแถมยังมีเส้นสีเขียวขึ้นเหมือนกับอาการของคนเลือดจาง

เมื่อมองเห็นฝ่ามือของตนเองก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ เพราะหญิงสาวจำได้ดีว่าเมื่อครู่เธอนั่งอยู่บนรถยนต์ส่วนตัว แต่เหตุใดถึงมาอยู่ในห้องนอนแคบ ๆ นี้ได้ล่ะ

จางลู่ซือเดินมาที่ตู้เสื้อผ้าหลังเก่า พร้อมกับมองดูเงาของตนเองในกระจก ถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ

“นี่มันอะไรกัน!! ทำไมร่างกายเราถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ”

นั่นก็เพราะใบหน้าที่สะท้อนจากกระจกเงานั้น กลายเป็นของเด็กสาวที่หน้าตาไม่คุ้นเคย อีกทั้งภาพที่เห็นมันไม่ใช่ร่างกายหรือใบหน้าของเธอแม้แต่นิดเดียว

จางลู่ซือตกใจมาก เธอยกมือขึ้นมาจับดูตามใบหน้าด้วยความเหลือเชื่อ ถึงแม้ว่าจะกลายเป็นเด็กสาวแล้วก็ตาม แต่เธอต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เพราะสภาพร่างกายนี้ดูเหมือนกับถูกใช้งานมาอย่างหนัก ใบหน้าดูซูบเซียวแถมยังผอมมาก ผอมจนเห็นกระดูกโหนกแก้มอย่างชัดเจน

“นี่มันอะไรกัน เด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน แล้วทำไมถึงผอมขนาดนี้ล่ะ เหมือนคนขาดสารอาหารเลย ไม่ได้การแล้ว ถ้าขืนมีคุณภาพชีวิตแบบนี้เท่ากับตายผ่อนส่งแน่ ๆ”

ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูด หรือคิดหาวิธีเพื่อดูแลร่างกาย อีกทั้งคำถามมากมายภายในสมองเกี่ยวกับการมาโผล่ในร่างนี้ก็ยังไม่ได้รับการเฉลย อยู่ ๆ เธอก็ปวดหัวขึ้นมาอย่างกับมันจะระเบิด

ในขณะเดียวกัน ภาพเรื่องราวต่าง ๆ ก็ฉายชัดขึ้นมา เลยทำให้รู้ว่าเด็กสาวคนนี้มีชื่อแซ่เดียวกับเธอ แถมที่ผ่านมาถูกอาสะใภ้กดขี่ใช้งาน

ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมเธอต้องอยู่กับอาสะใภ้ นั่นก็เพราะว่าพ่อแม่ทำงานในโรงงาน เลยต้องฝากให้เธออยู่กับน้องชายของพ่อ และนาน ๆ ครั้งทั้งสองถึงจะมีเวลามาเยี่ยลูกสาวคนนี้สักครั้งหนึ่ง

“จะว่าไปเด็กสาวคนนี้ก็อาภัพเหมือนกันนะ เธอเป็นคนเงียบและไม่กล้าอะไรเลยถึงโดนกดขี่โดยไม่บอกอาและพ่อกับแม่”

ขณะที่กำลังทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ประตูห้องถูกเคาะอย่างแรง พร้อมกับเสียงของใครบางคนที่ร้องเรียกอยู่ด้านนอกด้วยความไม่พอใจ

“มัวทำอะไรอยู่เจ้าเด็กขี้เกียจ จนป่านนี้แล้วยังไม่คิดจะออกมาทำกับข้าวอีก ได้ยินไหมฉันกำลังเรียกอยู่นะ ลู่ซือ!!”

พอได้ยินอย่างนั้นจางลู่ซือจึงเดินมาเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันผิดจากนิสัยเจ้าของร่างเดิมทำให้หนิงเจินเหนียงตกใจ เมื่อประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว

จางลู่ซือยกมือขึ้นกอดอก พร้อมกับเชิดหน้าสูงตามนิสัย ก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

“ถามจริงเถอะไม่กลัวว่าประตูบ้านจะพังบ้างหรือไง ทุบเสียงดังแบบนั้นคิดว่าประตูบานนี้ทำมาจากเหล็กกล้าหรือยังไงกัน”

หนิงเจินเหนียงไม่รู้เลยว่า ทำไมหลานสามีคนนี้ถึงเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเคล้าเดิม หล่อนตกใจไปชั่วขณะ เมื่อตั้งสติได้จึงชี้หน้าหลานสามีอย่างไม่พอใจ

“กล้าดียังไงมาเถียงฉัน ลืมไปแล้วหรือว่าฉันเป็นใคร ฉันเป็นอาสะใภ้ของเธอนะลู่ซือ”

“น่าตลกดีเหลือเกิน ถ้ายังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครทำไมถึงกล้ามาถามคนอื่นล่ะ แล้วมีธุระอะไรไม่ทราบมาเคาะประตูแบบนี้ไม่รู้หรือไง มันเหมือนคนไม่มีมารยาท!!”

ปกติคนขี้กลัวอย่างหลานสาวสามีคนนี้จะต้องไม่กล้ามีปากเสียงกับตนเอง จะว่าไปน้อยคำนักที่แทบจะหลุดออกมาจากปากของอีกฝ่าย จะเถียงอย่างที่ได้ยินอยู่นี้ก็ไม่ใช่ หนิงเจินเหนียงในฐานะอาสะใภ้จึงรู้สึกไม่พอใจมาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel