2.ต้นทุนชีวิต
*** ทักทายคร้า ***
ภาษิตพามารดามาซื้อของที่ระลึกเพื่อเป็นของฝากสำหรับลูกค้าชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมงานในเครือของสตาร์กรุ๊ป นวลจันทร์เห็นลูกค้าก็รีบเดินมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะมาดาม มีอะไรให้รับใช้คะ” นวลจันทร์ถามอย่างนอบน้อมและคุ้นเคย เพราะมณีจันทร์มาซื้อของฝากจากร้านเป็นประจำ
“มาดูของฝากน่ะจ้ะ” มณีจันทร์ตอบพลางยิ้มให้เจ้าของร้าน
“วันนี้รับกี่ชิ้นคะมาดาม”
“สักสามชิ้น คุณนวลเลือกให้ด้วยนะ”
นวลจันทร์นึกถึงงานที่ใยไหมเอามาส่งเมื่อสักครู่ เธอจึงเดินไปหยิบมาให้มณีจันทร์ดู
“แบบนี้พอได้ไหมคะ”
มณีจันทร์รับผ้ามาดูอย่างพอใจในความสวยงามและความประณีตของคนทำ
“สวยถูกใจมากค่ะ มีถึงสามชิ้นมั้ยคุณนวล”
“มีสามชิ้นพอดีค่ะ” นวลจันทร์เดินไปหยิบมาให้ มณีจันทร์รับมาพิจารณาแล้วยิ้มอย่างถูกใจ
“สวยทุกชิ้นเลย คนทำเก่งมากๆ นะถึงทำออกมาได้สวยขนาดนี้”
“ค่ะ…งานแต่ละชิ้นที่ส่งมาสวยๆ ทั้งนั้น”
“คุณนวลช่วยให้เด็กเอาไปส่งที่บ้านด้วยนะคะ พอดีฉันต้องรีบไปธุระต่ออีกน่ะค่ะ” มณีจันทร์บอกยิ้มๆ ก็พ่อลูกชายตัวดีของเธอเร่งเร้าจะพาเธอไปหาหมอให้ได้
“ได้เลยค่ะ”
ภาษิตมองงานฝีมือที่อยู่ในร้าน แต่ละชิ้นสวยงามและประณีต มิน่ามารดาเขาถึงมาซื้อของฝากให้ลูกค้าที่นี่เป็นประจำ เพราะเป็นฝีมือคนชาวบ้านที่ทำเป็นสินค้าโอท็อป ส่งขายตามห้างดังหลายแห่งในกรุงเทพฯ
“รอนานไหม” มณีจันทร์ยิ้มให้ลูกชาย ภาษิตเห็นมารดาเดินออกมาก็รีบเข้ามาประคอง
“ได้ของครบแล้วใช่ไหมครับ”
“คุณนวลช่วยเลือกให้แล้วจ้ะ” มณีจันทร์ตอบก่อนจะหันไปยิ้มให้เจ้าของร้าน
“สวัสดีค่ะคุณภาษิต”
“สวัสดีครับ”
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะมาดาม คุณภาษิต”
สองแม่ลูกยิ้มให้เจ้าของร้านแล้วเดินออกไป นวลจันทร์มองตามหนุ่มฮอตแห่งปีของเมืองไทยอย่างชื่นชม ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก ภาษิต ซันโกว่า นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ลูกชายคนเดียวของเฟอร์ดาลกับมาดามมณีจันทร์ หนังสือพิมพ์ลงข่าวชายหนุ่มไม่เว้นแต่ละวัน ไม่ใช่แค่รูปร่างหน้าตาที่ทำให้ภาษิตเป็นที่รู้จัก หากแต่บิดาของชายหนุ่ม เฟอร์ดาล ซันโกว่า ก็เป็นนักธุรกิจหมื่นล้านที่มีบริษัทในเครือมากมายทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ จึงทำให้ภาษิตซึ่งรูปหล่อพ่อรวยเป็นที่หมายปองของทั้งสาวน้อยสาวใหญ่
บ้านไม้สองชั้นทาสีขาว รอบบริเวณบ้านปลูกต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย พื้นที่บริเวณบ้านถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหน้าบ้านจัดเป็นร้านอาหารเล็กๆ มีป้ายครัวสายใยติดอยู่บนซุ้มประตูสีขาว กุหลาบเถาพันขึ้นตามซุ้มประตูออกดอกงดงาม ภายในร้านมีชุดเก้าอี้สีขาวให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารอย่างเป็นส่วนตัว ถัดมาเป็นบ้านหลังน่ารัก มีผักสวนครัวปลูกอยู่รอบๆ เพื่อใช้ประกอบอาหาร
“พี่แก้ว ไหมกลับมาแล้ว” ใยไหมส่งเสียงดังขณะเดินไปกอดร่างบอบบางน่าทะนุถนอม คนถูกกอดสะดุ้งนิดๆ เมื่อถูกกอดจากด้านหลัง
“เล่นอะไรแบบนี้นะไหม” ใยแก้วตีแขนกลมกลึงของน้องสาวเบาๆ ใบหน้าแดงระเรื่อ
“น้องกอดหน่อยก็ไม่ได้ จะเอาไว้ให้หนุ่มที่ไหนมากอดจ๊ะ” ใยไหมจับแก้มพี่สาวโยกไปมาเบาๆ อย่างมันเขี้ยว
“เลิกเล่นได้แล้ว ส่งของให้พี่นวลเรียบร้อยใช่ไหม” ใยแก้วถามเสียงนุ่ม
“ฝีมือชั้นนี้แล้วสบายมาก” ใยไหมยักคิ้ว ใยแก้วยิ้ม ส่ายหน้าไปมากับความทะเล้นของน้องสาว
“วันนี้หมดแต่วันนะจ๊ะพี่แก้ว” ขณะเอ่ยถามพี่สาว ใยไหมก็ยิ้มให้กับเด็กในร้านสองคนที่กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน
“จ้ะ วันนี้น้าชาติสั่งข้าวกล่องไปให้ลูกน้องน่ะ เลยหมดเร็ว”
ใยไหมพยักหน้าขึ้นลงแล้วหยิบเงินส่งให้พี่สาว “นี่จ้ะเงิน…”
“ไหมเก็บไว้เถอะ ต้องออกฝึกงานด้วยไม่ใช่เหรอ” ใยแก้วมองร่างโปร่งระหงของน้องสาวแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“ฝากพี่แก้วไว้ก่อน ถ้าไหมจะใช้ค่อยมาขอ แต่อย่าลืมจ่ายดอกเบี้ยให้ด้วยล่ะ” เธอขยิบตาให้แล้วเดินจากไปอย่างสบายอารมณ์
“งก…” ใยแก้วบ่น ขณะมองแผ่นหลังบางเดินไปตามทางเล็กที่เชื่อมต่อตัวบ้านกับร้านอาหาร ใยไหมเรียนจบแล้ว เธอคงไม่ต้องกังวลอะไรอีก ต่อไปคงมีเงินเหลือเก็บบ้าง
ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุพร้อมกัน ใยแก้วตัดสินใจออกจากมหาวิทยาลัยที่เธอกำลังเรียนอยู่ปีสุดท้ายเพื่อที่จะให้ใยไหมได้เรียนในคณะที่ตัวเองตั้งใจ ทุกวันนี้ทั้งเธอและน้องสาวต่างก็ภูมิใจที่สามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร และไม่เคยทำตัวเป็นภาระของญาติพี่น้องที่ไม่แม้แต่จะเหลียวแลเธอสองพี่น้องด้วยซ้ำ
*** ขอบคุณคร้า ***
