บทที่ 5
“เธอจะให้ฉันทำอะไร”
“ฉันแค่อยากให้เธอกลับไปคิดว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ อะไรที่ไม่สำคัญหรือไม่ชอบเธอก็ควรตัดทิ้ง”
“ฉัน”
“แต่ต้องรีบตัดสินใจหน่อยนะเพราะตอนนี้คุณภีมเนื้อหอมมาก ถ้าชักช้าหุ้นที่เธอควรจะมีรวมไปถึงตัวตนที่เธออยากได้จากคุณภีมมันอาจหลุดลอยไป” ประโยคทิ้งท้ายดังมาจากรจนาก่อนจะถือเช็คเงินสดใบแรกออกไป เธอทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ให้อุษาได้คิด หวังจริงๆ ว่าจะมองเห็นความหวังดีเหล่านั้นจากเธอ
“ถ้าพี่อาภาเป็นเจ้าหญิงนิทราส่วนรวีเสียชีวิตอย่างปริศนาด้วยอุบัติเหตุ ทุกอย่างก็จะเป็นของเราเพียงคนเดียวอย่างนั้นเหรอ” อุษาพึมพำกับตัวเองแล้วยิ้มออกมากับความคิดบางอย่างที่โลดแล่นอยู่ในหัว
ความดีของพี่สาวที่เคยมีดูเหมือนเวลานี้อุษาจะตัดทิ้งเหลือไว้เพียงเรื่องร้ายและความคับแค้นใจที่สะสมมาตลอด ความน้อยใจจากครอบครัวที่คิดเองเออเองมาตลอดว่าไม่มีใครรักถาโถมเข้าหา เพราะถ้าพ่อหรือแม่รักเธอจริงๆ คงไม่ยกบริษัทให้พี่สาวดูแลเพียงคนเดียวแบบนี้ ขนาดเธอประกาศว่าจะออกไปอยู่คนเดียวยังไม่มีใครรั้ง
ถ้าเธอเกิดก่อน ถ้าเธอได้เกิดเป็นพี่คงได้ทุกอย่างที่อยากได้แต่นี่เธอดันเกิดเป็นน้อง ในเมื่อก่อนหน้านี้มันเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เธอก็จะเปลี่ยนมันหลังจากนี้แทน เธอจะตัดทุกอย่างที่ไม่สำคัญในชีวิตทิ้งจากนั้นก็จะใช้ชีวิตในแบบที่เธอต้องการ ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบเธอต้องได้แต่งงานกับภีมและสร้างครอบครัวที่อบอุ่นกับเขา
แต่ถึงอย่างนั้นอุษาก็ใช้เวลาคิดอยู่เป็นวันๆ ถึงนัดแนะให้รจนาออกมาพบ นอกจากเธอจะตกลงทำตามที่เพื่อนแนะนำแล้วยังขอให้ช่วยจัดหาคนที่ไว้ใจได้เพื่องานสำคัญที่รออยู่อีกด้วย
“ได้สิ ไม่มีปัญหา” รจนาเอ่ยรับเพราะเธอก็มีคนพร้อมเพื่องานนี้อยู่แล้ว
“ขอแบบไม่ทิ้งร่องรอยได้ยิ่งดี”
“เธอคือเพื่อนรักฉันนะ ฉันไม่ทำอะไรให้มันสาวมาถึงเราหรอก ไว้ใจได้”
“ลงมือวันนี้เลย”
“ตกลง” แม้จะตกใจที่อุษาให้ลงมือวันนี้แต่รจนาก็ไม่ค้าน เธอรับเงินอีกก้อนจากเพื่อนสนิทซึ่งมันคือเงินที่จะใช้สำหรับกำจัดสิ่งไม่สำคัญออกไปจากชีวิตนั่นเอง
เมื่อคุยกับรจนาเสร็จอุษาก็ขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล น่าแปลกที่เวลานั้นรวีไม่ได้นั่งอยู่หน้าห้องไอซียูอย่างที่คิดเธอจึงเข้าไปเยี่ยมพี่สาวซึ่งสภาพที่เห็นอุษาก็ได้แต่ส่ายหน้าให้อย่างสมเพช ก่อนจะขยับเก้าอี้ไปนั่งข้างๆ แล้วพูดใกล้ๆ หูให้คนบนเตียงฟังว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับรวีบ้าง
“ฉันไม่อยากทำแบบนี้จริงๆ นะ แต่ในเมื่อทั้งพี่ทั้งลูกสาวของพี่มันไม่ได้สำคัญอะไรกับฉันแล้ว ฉันจะเก็บไว้ทำไม จริงไหม” เอ่ยจบอุษาก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นไปลูบหน้าพี่สาวเบาๆ
“ถ้าวันนี้ลูกสาวคนดีของพี่เข้ามาเยี่ยมก็พูดสั่งลากันให้เรียบร้อยนะเพราะตั้งแต่พรุ่งนี้พี่คงไม่มีโอกาสทำแบบนั้นอีกแล้ว” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของอุษา นั่นเพราะรู้ทั้งรู้ว่าอาภายังไม่รู้สึกตัวแต่ก็พูดราวกับอีกฝ่ายหายดีแล้ว
เมื่อเล่าแผนทุกอย่างให้พี่สาวฟังอุษาก็กลับออกไป ทันทีที่เปิดประตูออกมาจากห้องไอซียูก็พบกับรวีเข้า จึงเอ่ยถามขึ้นพร้อมเล่นละครฉากใหญ่ไปด้วย
“หายไปไหนมารวี น้าเป็นห่วงแทบแน่”
“รวีไปคุยกับคุณหมอมาค่ะ”
“เรื่องอาการของพี่อาภาหรือเปล่า” แม้อุษาจะไม่อยากถามถึงความคืบหน้าในการรักษาพี่สาวแต่สถานการณ์ในตอนนี้ก็ขอเอ่ยถามสักหน่อย
“ใช่ค่ะ คุณหมอบอกว่า…” ยังไม่ทันที่รวีจะเอ่ยจบประโยคเพื่อบอกว่าหมอบอกอะไรบ้างเสียงของน้าสาวก็แทรกขึ้น
“คงบอกให้ทำใจเหมือนเดิมสินะ ไม่รู้เวรกรรมอะไรถึงทำให้พี่อาภาเป็นแบบนั้น นี่น้าก็พึ่งเข้าไปเยี่ยมมาเห็นแล้วก็ยิ่งสงสาร”
“น้าอุษาคะ” รวีกำลังจะพูดเรื่องที่เธอไปพบหมอแต่ก็ถูกอุษาแทรกขึ้นอีกครั้ง เพราะปิดใจจะรับฟังทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับพี่สาวไปแล้ว
“น้าเหนื่อย ขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”
“ค่ะ…ขับรถกลับบ้านดีๆ นะคะ” อุษายิ้มให้หลานสาวที่ใสซื่อเหลือเกิน เธอเดินผ่านรวีไปได้สองสามก้าวแล้วหยุดนิ่งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับมาหาพร้อมกับรวบตัวอีกฝ่ายเข้าไปกอด
“ลาก่อนนะรวี”
“เอ้” รวีคิ้วขมวดเล็กน้อยเนื่องจากได้ยินไม่ชัด เพราะจังหวะที่อุษาพูดเป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ของน้าสาวดังขึ้นพอดี
“ไม่มีอะไรจ้ะ ขับรถกลับบ้านดีๆ ระวังอันตรายนะ น้าเป็นห่วง”
“ขอบคุณค่ะ” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจแต่รวีก็ไม่ได้เก็บคำพูดของอุษาไปคิดมากอะไร เพราะหลังจากนั้นเธอก็เข้าไปหาเนื่องจากอีกไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลาเยี่ยมแล้ว แต่รวีก็รั้งรอที่จะกลับออกจากโรงพยาบาลกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบสองทุ่ม
แม้ที่นี่จะได้ชื่อว่าเมืองแห่งการท่องเที่ยว แต่เส้นทางที่รวีขับรถกลับบ้านนั้นก็เงียบสงัดเพราะยิ่งดึกถนนเส้นรองที่มีเพียงคนในพื้นที่ใช้งานก็แทบไม่มีใครสัญจรผ่านไปผ่านมา นั่นทำให้รวีระแวดระวังและขับรถด้วยความเร็วมากขึ้น แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับออกมาจากซอยมืดๆ อย่างกะทันหัน
“ว้ายยย” รวีอุทานออกมาอย่างตกใจขณะที่เท้าก็เหยียบเบรคจนตัวโก่งพร้อมกับหลับตาแน่นเพราะนึกว่ารถจะต้องชนกันโครมใหญ่แน่ๆ แต่มันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอกังวล
รถทั้งคู่ชนกันก็จริงแต่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดพลิกคว่ำ เมื่อแรงสั่นสะเทือนจากการชนหยุดลงรวีจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง แสงไฟจากหน้ารถของเธอสาดไปเห็นคู่กรณีที่เป็นผู้หญิงที่เวลานี้ยืนเท้าสะเอวมองความเสียหายอยู่ รวีลังเลว่าจะลงไปดีไหมแต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเธอจึงชะล่าใจ
หญิงสาวปลดล็อครถแล้วเปิดประตูจากนั้นก็ก้าวลงไป เป้าหมายคือตั้งใจจะไปคุยกับคู่กรณีเรื่องความเสียหาย แต่เดินเพียงไม่กี่ก้าวเธอก็ถูกชายฉกรรจ์เข้ามาประชิดตัวจากด้านหลังแล้วใช้อะไรบางอย่างโปะลงมาตรงกึ่งปากกึ่งจมูก รวีพยายามดิ้นรนแต่ทว่าสติสุดท้ายของเธอกลับหลุดลอย
