บท
ตั้งค่า

7.หัวราน้ำ

“พ่อพนัส อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เข้าใจหรือไม่” เสียงยานคางของร่างสูงใหญ่ เอ่ยสั่งสอนเด็กน้อย ที่นั่งทานขนมอย่างเอร็ดอร่อย

บัดนี้นายทั้งสามพากันมานั่งร้านสุรา บ่าวในเรือนห้ามเท่าใดก็ไม่ฟัง ตัวการใหญ่คงหนีไม่พ้นคุณธาร ที่เอ่ยว่ามีเรื่องทุกข์ใจก็ต้องใช้น้ำเมาเข้าช่วย แลไม่รู้เพราะเหตุใด ท่านขุนที่ไม่เคยแม้แต่จะเฉียดกายเข้าใกล้คุณธาร มาวันนี้กลับยอมเชื่อคุณเธอเสียอย่างนั้น

“ขอรับคุณเพลิง”

“ดี ดี เก่งมาก ว่าง่ายเช่นนี้ข้าชอบ” มือใหญ่ยกขึ้นมาลูบศีรษะเล็กด้วยความเอ็นดู

“นั่นน้องข้านะ” สายธารที่ถูกห้ามให้ดื่ม ก็ได้แต่นั่งมองคนตรงหน้ากระดกเหล้าเข้าปากราวกับน้ำเปล่า แต่หลังจากคุณเพลิงเมาได้ที่ เขาก็แอบกระดกเหล้าเข้าปากบ้าง แต่อย่างว่า เหล้ามิได้ผสมน้ำหวาน จึงทั้งเหม็นทั้งขมเฝื่อนคอ เขาเลยลองไปแค่อึกเดียว

“เจ้า! เงียบปากไป น่ารำคาญนัก”

“ชิ แล้วผู้ใดพาท่านมาร่ำสุรา จนลืมความทุกข์เช่นนี้ ทำคุณบูชาโทษชัดๆ”

“ความทุกข์หรือ ไม่ลืม มิรู้เมื่อใดจะลืมได้” เห็นแววตาของอีกฝ่ายกลับมาเศร้าหมอง เด็กหนุ่มก็สะอึกทันที เรื่องที่เขาพูดคงไปสะกิดแผลใจคนตรงหน้าเป็นแน่

แต่ไหนๆ ก็พูดแล้ว ขอพูดอีกหน่อยแล้วกัน

“คุณเพลิงฟังข้า ตัวท่านเป็นถึงขุนนาง ยศหรือก็มิได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ทั้งยังหนุ่มยังแน่น ยังมีโอกาสก้าวหน้าอีกมาก”

“…”

“รูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลา ถึงจะปากร้ายไปบ้าง แต่เหล่าสตรีทั้งหลายก็ยังหมายตาท่านอยู่ดี” คนเมาเท้าคางมองปากเล็กพูดเจื้อยแจ้ว ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำที่ทำให้สายธารถึงกับมองบน

“เจ้าเองก็หมายตาข้า…”

“เมื่อก่อนเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ตอนนี้ แม้แต่หางตา ข้าก็ไม่ชายตามองท่าน”

“หึ แน่หรือ เจ้าจะไม่ชายตามองข้า…แน่ใจหรือ” ปลายนิ้วของคนขาดสติถูกยกขึ้นมาเชยปลายคางเล็ก ให้หันมามองหน้าของตน

ลำพังเพียงรูปร่างหน้าตาที่คมเข้ม ก็ทำให้ผู้คนหลงใหลได้โดยง่าย นี่คนตรงหน้ายังมองมา ด้วยสายตาราวกับราชสีห์ล่าเหยื่อเช่นนี้ จะไม่ให้สายธารใจสั่นได้อย่างไรเล่า

‘นี่มันอ่อยกันชัดๆ สายธาร! ห้ามหลงเขาเด็ดขาด พอสร่างเมาเดี๋ยวเขาก็ปากเสียใส่เราอีก’

“ว่าอย่างไร แน่ใจหรือ”

“ขะ ข้าจะฟ้องคุณลุง พ่อพนัสเป็นพยานให้พี่ด้วย”

“…” ได้ยินคำพูดเช่นนั้น มือที่จับคางมนก็ออกแรงผลัก จนหน้าจิ้มลิ้มสะบัดไปอีกทาง

“โอ๊ย! คอข้าหักเสียแล้วกระมัง”

“ข้ามิได้ออกแรงมากถึงเพียงนั้น”

“ไม่ได้ออกแรงมากอย่างไร ท่านทำเช่นนี้ นี่! เจ็บหรือไม่” สายธารไม่ยอม ยื่นมือไปผลักหน้าของอีกฝ่ายบ้าง แต่เขาคงออกแรงมากไปหน่อย หน้าของอีกคนจึงสะบัดไปอีกฝั่งอย่างแรง

“คุณพี่ขอรับ อย่าแกล้งคุณเพลิงเลยขอรับ น่าสงสาร”

“ถูกอย่างที่พ่อพนัสว่า มานี่มา ต่อไปเจ้าอยู่ฝั่งข้า มิต้องสนใจพี่เจ้า” ร่างสูงรวบเอาเด็กน้อยขึ้นไปนั่งบนตัก แต่ด้วยอาการมึนเมา ทำให้ทั้งสองเสียหลักตกเก้าอี้จนก้นกระแทกพื้น

“ท่านขุน!” / “คุณพนัส!” บ่าวไพร่ต่างรีบมาพยุงทั้งสองลุกขึ้นจากพื้น อ้ายจั่นทำหน้าที่ประคองร่างสูงใหญ่เอาไว้

“พ่อพนัสเจ็บที่ใดหรือไม่ คุณเพลิงเล่า” สายธารรีบเข้ามาปัดๆ ตามแข้งตามขาของน้องชาย ก่อนจะมองสำรวจเพลิงกฤษฎ์

“ข้าไม่เจ็บขอรับ”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว เรากลับกันเถิด ดูท่าคุณเพลิงจะไม่ไหวแล้ว” เมื่อได้รับคำสั่ง อ้ายทับก็รีบเข้ามาช่วยอ้ายจั่นพยุงขุนเพลิงไปขึ้นเรือ ตลอดทางชายหนุ่มก็มีอาการขัดขืนและโวยวายบ้าง แต่สายธารก็แก้ไขโดยการเอาขนมหม้อแกงยัดปาก ไม่ให้พูดมาก

“พี่ทับ พี่ปริก ช่วยกันจับเรือให้มั่น” เมื่อสองคนก้มลงไปจับเรือ ไม่ให้มันโคลงเคลงแล้ว สายธารจึงให้อ้ายจั่นพาท่านขุนไปนั่งบนเรือ กว่าจะออกเรือได้ เด็กหนุ่มถึงขั้นต้องปาดเหงื่อ

“นั่งดีๆ สิขอรับ โยกไปโยกมาประเดี๋ยวเรือก็ล่มกันพอดี” สายธารจำใจต้องย้ายตัวเองมานั่งข้างขุนนางหนุ่ม เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะตกน้ำตกท่าไป

แต่นั่นกลับทำให้เพลิงกฤษฎ์เข้าใจว่ามีที่พักพิง จึงได้เอนกายเข้าหาร่างเล็กกว่า แขนแกร่งกลายเป็นโอบคนข้างกายไปโดยปริยาย

“คะ คุณธารเจ้าคะ กลับมานั่งที่เดิมเถิดเจ้าค่ะ ทำเช่นนั้นไม่เหมาะ”

“ข้าก็พยายามอยู่ แต่คุณเพลิงมิยอมปล่อย” ทั้งที่กะจะมาช่วยประคองมิให้ตกน้ำ แต่นี่คนเมากลับโถมตัวใส่เขา หนักก็หนัก แขนใหญ่ก็รัดแน่นเสียเหลือเกิน

“แม่บัว ไม่เห็นแก่รักของเราเลยหรือ”

“…คุณเพลิงข้าสายธารเองขอรับ มิใช่แม่บัวของท่าน ปล่อยข้าก่อน”

“แม่บัว แม่บัว” เป็นเช่นนี้ตลอดทั้งทาง กว่าจะถึงเรือน สายธารก็แทบจะขาดอากาศหายใจ แรงคนเมานี่มากเสียจริง จนเขานึกว่าถูกงูเหลือมรัดเสียแล้ว

“พี่จั่น พี่ทับ รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า ข้าจะตายอยู่แล้ว”

“ข้าช่วยขอรับคุณพี่” พนัสอาสาช่วย

“ขอบใจเจ้ามาก แต่เจ้าขึ้นไปรอด้านบนจะดีกว่า พี่กลัวเจ้าจะตกน้ำ” นางปริกรีบอุ้มคุณพนัสขึ้นไปบนท่า แล้วหันมาช่วยจับเรือ ให้อ้ายทับและอ้ายจั่นพาท่านขุนออกจากตัวคุณธารของนาง ก่อนที่จะมีผู้ใดมาพบเจอเข้า

“อ้ายจั่น อ้ายทับ เร็วเข้า ประเดี๋ยวคนอื่นจะมาพบเข้า”

“ข้าเร่งอยู่นี่อย่างไรวะ แต่คุณเพลิงเธอแรงมากเหลือเกิน”

“เอ่อ เร็วๆ เข้า” นางปริกได้แต่ภาวนา ขออย่าให้มีผู้ใดมาพบเห็นเลย นางมิอยากให้คุณธารต้องถูกนินทาว่าร้ายอีก

แต่แล้วคำภาวนาของนางปริกก็ไม่สมหวัง เพราะคุณพนัสเป็นคนไปเรียกคุณท่านและคุณหญิงทั้งสองลงมาดูด้วยตนเอง ทั้งเด็กน้อยยังชี้ไปยังจุดเกิดเหตุ ให้ทุกคนเห็นอย่างชัดเจนอีกด้วย

“นั่นขอรับคุณลุง คุณพี่ของข้าถูกคุณเพลิงรัดจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว”

“พ่อเพลิง!” / “พ่อธาร!” ทั้งคุณหญิงนวลจันทร์และคุณหญิงผกายกมือขึ้นทาบอกพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย

“พ่อเพลิง! ถอยห่างจากพ่อธารบัดเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเกรี้ยวโกรธของคุณเดช สร้างความตกใจให้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่บ่าวชายที่กำลังอยู่บนเรือ ที่เกิดอาการผวา จนทำให้เรือที่เพลิงกฤษฎ์กับสายธารนั่งโคลงเคลง คนบนเรือจึงตกลงคลองกันหมด

ตู้ม!

คนเมาสร่างขึ้นมาทันที ทว่าในอ้อมแขนยังคงกอดเกี่ยวเอวคอดเอาไว้ เมื่อได้สติ ก็รีบผละออกจากเด็กหนุ่ม ที่เขาเคยบอกว่าน่ารังเกียจหนักหนา ราวกับถูกของร้อน

“อะฮึ่ม!” สายธารเบะปากใส่คนที่กระแอม ก่อนจะว่ายกลับไปที่ท่า ทำเหมือนเมื่อครู่มิได้เกิดเรื่องเกิดราวขึ้น บ่าวไพร่ก็เร่งช่วยนายทั้งสองขึ้นมาจากน้ำ

ผู้ใดว่าเมาหัวราน้ำกัน ดูจากสภาพคงมิใช่แค่หัวที่ราน้ำแล้ว แต่เป็นทั้งตัวต่างหาก

“ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วมาพูดคุยกันที่โถงเรือน” น้ำเสียงไม่พอใจของคุณลุงที่มักจะใจดี สร้างความงุนงงให้สายธารเข้าไปใหญ่

เราทั้งคู่ต่างก็เป็นชาย ไปสังสรรค์ดื่มกิน มีสิ่งใดที่ผิดอย่างนั้นหรือ เด็กหนุ่มจึงได้แต่เดินตามมารดาและบ่าว ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในหอนอน

“เรียบร้อยแล้วหรือ พ่อตัวดี”

“แหะๆ ข้าทำสิ่งใดผิดหรือขอรับคุณแม่”

“กอดก่ายกับบุรุษเช่นนั้น ไม่ผิดได้อย่างไร เนื้อตัวเจ้ามิควรให้ผู้ใดได้แตะต้อง รักนวลสงวนตัวเสียบ้าง” เห็นสีหน้าจริงจังของมารดา สายธารก็รีบถาม เพื่อไขข้อข้องใจทันที

“เอ่อ แต่ลูกเองก็เป็นชายนะขอรับ” แม้จิตใจจะชอบผู้ชายก็เถิด

“เจ้าเป็นชายก็จริง แต่อัญญะก็ต้องสงวนตัวไม่ต่างจากหญิง”

“อัญญะหรือขอรับ…” อัญญะที่ว่าคือสิ่งใดกันแน่ เขาได้ยินคำนี้มาสองคราแล้ว

“เรื่องนี้เจ้าก็ลืมหรือลูก”

“ขอรับ”

“…เอาเถิด แม่จะบอกกล่าวให้เจ้าฟัง ชายที่เป็นอัญญะจะมีผิวพรรณ รูปร่างหน้าตาเทียบเคียงกับสตรี รวมถึงการตั้งครรภ์ก็ทำได้เฉกเช่นสตรี ด้วยเหตุนี้อัญญะจึงถูกเลี้ยงดูราวกับบุตรสาว กิริยามารยาท การบ้านการเรือน ก็ต้องเพียบพร้อมที่จะออกเรือน”

“…” ได้ฟังดังนั้น สายธารก็เหมือนวิญญาณออกจากร่างไปเลยทีเดียว นี่เป็นยุครัตนโกสินทร์มิใช่หรือ แล้วเหตุใดจึงมีเรื่องเช่นนี้

นี่เขาหลุดเข้ามาที่ใดกันแน่ สับสนวุ่นวายไปกันหมดแล้ว

“แม่เองก็เลี้ยงดูเจ้ามาเฉกเช่นบุตรสาว เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่มีอัญญะหรือสตรีใด ไปกอดก่ายกับบุรุษที่มิใช่สามี”

“แล้วจะต้องทำอย่างไรหรือขอรับคุณแม่” ไม่ใช่ว่า แค่กอดก็ผิดผี ต้องแต่งงานหรอกนะ อยากจะบ้าตายรายวัน

“จะต้องไปพูดคุยกับคุณลุงของเจ้าเสียก่อน รอฟังดูว่าเขาจะว่าอย่างไร” สายธารได้แต่ยิ้มแห้งออกไป ที่นี่มีเรื่องราวอีกมากที่เขาไม่รู้ น่าปวดหัวเสียจริง

กลางโถงเต็มไปด้วยนายของเรือน บ่าวที่มิได้เกี่ยวข้อง ก็ถูกสั่งให้กลับไปทำหน้าที่ของตน เหลือเพียงอ้ายจั่น อ้ายทับ และนางปริกเท่านั้น ที่ยังอยู่

“เจ้านี่เหลือเกินนะพ่อธาร อยากได้ลูกชายข้า ถึงขั้นยอมให้คนเมากกกอด หน้าเจ้ามียางอายบ้างหรือไม่”

“แม่นวล ฟังเรื่องราวจากเด็กทั้งคู่ก่อนเถิด ยังมิรู้ความเป็นมาก็ว่าพ่อธารเสียแล้ว” คุณเดชหันไปเอ็ดภริยา

“เจ้าค่ะ!”

“พ่อเพลิง พ่อธาร เล่าทุกอย่างมาให้หมด” สายธารจำใจเล่าทุกเรื่องให้เจ้าบ้านฟัง เว้นก็แต่เรื่องที่แอบไปฟังคุณเพลิงกับคุณบัวพูดคุยกัน

เขาเอ่ยเพียงว่าเห็นคุณเพลิงเศร้าหมอง เลยชวนกันไปดื่มสุราแก้เครียด แล้วก็เมาแอ๋กันอย่างที่เห็น เพราะกลัวว่าคุณเพลิงจะตกเรือ จึงไปช่วยจับไว้ไม่ให้โอนเอน แต่คนเมากลับเข้ามากอดรัดเอาไว้แน่น

“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ขอรับ” สายธารว่าเสียงอ่อน เขามีส่วนผิดที่ชวนคุณเพลิงไปดื่มเหล้า เรื่องนี้ต้องยอมรับ

“ยังไม่หมดขอรับ” อยู่ๆ พ่อพนัสก็พูดขึ้นมา

“มีเรื่องใดอีกหรือพ่อพนัส บอกกับลุงเถิด”

“คุณเพลิงจับหน้าคุณพี่ ถามว่าจะไม่ชายตามองคุณเพลิงจริงหรือ แบบนี้ขอรับ แต่คุณพี่ก็บอกว่าจะฟ้องคุณลุง เลยโดนผลักจนหน้าหงายเลย” คำบอกเล่าของเด็กชาย ทำเอาขุนเพลิงนั่งไม่ติด ต้องรีบแก้ต่างทันที ก่อนที่ผู้อื่นจะเข้าใจว่าเขารังแกคนมิมีทางสู้

“พ่อพนัสต้องบอกด้วย ว่าพี่เจ้าก็เอาคืนข้าแล้ว”

“อ่อ ใช่ขอรับ คุณพี่ผลักคุณเพลิงหน้าหงายเหมือนกันขอรับ แหะๆ”

“เห้อ~ เล่นกันเป็นเด็กๆ พวกเจ้าทั้งสองโตกันแล้วหนา มิสมควรจะอยู่ใกล้ชิดกัน ถึงขั้นแตะเนื้อต้องตัว…” คุณเดชเริ่มร่ายคำสอน สายธารได้แต่พยักหน้ารับ และหลบหลีกสายตาโกรธเคืองของคุณหญิงนวลจันทร์

“ขออภัยขอรับคุณพ่อ”

“แล้วนี่พ่อเพลิงคิดจะทำอย่างไร บอกพ่อมา”

“คุณพี่ จะต้องให้ลูกทำอันใดเจ้าคะ เรื่องทั้งหมดก็เกิดจากพ่อธารทั้งนั้น ทั้งเรื่องที่รบเร้าไปตลาด และเรื่องที่ชวนพ่อเพลิงไปดื่มสังสรรค์” นวลจันทร์ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์ บุตรชายของเขาจะต้องได้ตบแต่งกับสตรีที่ดีพร้อม มิใช่พวกอัญญะที่ดีแต่จะออดอ้อนบุรุษไปวันวัน

“ยังจะพูดเช่นนี้อีก อย่างไรพ่อเพลิงก็ต้องรับผิดชอบที่ขาดสติ จนล่วงเกินพ่อธาร”

“รับผิดชอบ! จะให้ลูกชายเราตบแต่งกับคนไม่มีหัวนอนปลายเท้านี่หรือเจ้าคะ”

“คุณหญิงนวลจันทร์! พูดอันใดออกมา”

“เหตุใดเจ้าคะ ข้าแตะต้องลูกชู้ของคุณพี่มิได้เลยหรือ พ่อเป็นผู้ใดก็ไม่รู้ บ้านช่องก็ไม่มี ข้าไม่ยอมให้แต่งกับพ่อเพลิงเด็ดขาด”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel