6.ช้ำใจ
“อ้ายแม้น เอ็งพูดอีกที” เสียงสั่นเครือของเพลิงกฤษฎ์ ถามย้ำบ่าวคนสนิทของพ่อ ดวงใจแกร่งบีบรัดเข้าหากันจนปวดหนึบไปหมด
“เรือนหลวงพิชิตส่งคนมาเชิญ ไปงานแต่งคุณบัวผันกับเจ้าพระยาเดชดำรงขอรับ” ได้ยินคำย้ำเตือนของบ่าว มือไม้ของเพลิงกฤษฎ์ก็สั่นเทา พูดไม่ออกแม้เพียงครึ่งคำ
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ พ่อเพลิงไปคุยกับแม่บัวผันว่าอย่างไร”
“แม่บัวมิได้ว่ากระไรขอรับคุณแม่ ชะ ช่วงนี้ข้าเองก็มิได้แวะไปที่เรือนคุณหลวงพิชิตเลยขอรับ” สายธารเห็นสีหน้าของทุกคนไม่ค่อยจะสู้ดี ก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้
แม่บัวผันที่ว่า เป็นใครกัน
“พ่อเพลิงทำใจให้สบายก่อนเถิด พ่อจะให้อ้ายแม้นไปสืบดู ว่ามีการจัดงานแต่งจริงหรือไม่”
“ข้าจะไปเองขอรับคุณพ่อ”
“มิได้ พ่อกลัวเจ้าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ พ่อธาร วันนี้พ่อเพลิงคงพาเจ้าไปเที่ยวตลาดมิได้แล้ว”
“มิเป็นไรขอรับคุณลุง ข้าไปกับพี่ปริกและพี่ทับก็ได้ขอรับ” สายธารตอบออกไป เพราะเดิมทีเขาก็ไม่ได้อยากให้คนหน้ายักษ์ไปด้วยอยู่แล้ว
“มิได้ เอาไว้วันหลังเถิด แล้วลุงจะพาไป”
“มิเป็นไรขอรับคุณพ่อ ข้าจะพาไปเอง…หากจะไปก็รีบลุก” ว่าแล้วเพลิงกฤษฎ์ก็ลุกออกไปทันที แม้คนเป็นพ่อจะเอ่ยห้ามอย่างไร เขาก็ไม่ยอมฟัง เพราะตั้งใจไว้แล้ว ว่าจะไปถามเอาความจากคนรักให้รู้เรื่อง
ระหว่างนั่งเรือไปตลาด สองพี่น้อง สายธารและพนัส ต่างก็นั่งกอดกันกลมอยู่บนเรือ ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูดออกมาแม้แต่คนเดียว บรรยากาศบนเรือจึงเต็มไปด้วยความอึดอัด กระทั่งมาถึงตลาด
“เจ้ากับน้องเดินเล่นอยู่บริเวณนี้ แล้วข้าจะกลับมารับ”
“คุณเพลิงจะไปที่ใดหรือขอรับ”
“เรื่องของข้า มิใช่กงการใดของเจ้า!” เพลิงกฤษฎ์ว่าแล้วก็เดินจากไป โดยมีอ้ายจั่นเดินตามหลังไปติดๆ ทิ้งให้สายธารยืนกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจอยู่ที่เดิม
คนเขาถามดีๆ เหตุใดต้องมาตะคอกใส่ด้วย
“หึ หาว่าข้าเสือกหรือ ได้! ประเดี๋ยวข้าจะเป็นคนขี้เสือกให้ดู”
“อ๊ะ คุณธารจะไปที่ใดเจ้าคะ”
“ข้าจะตามคุณเพลิงไป พี่ทับพาน้องข้าไปซื้อขนมทานก่อน…พ่อพนัส ประเดี๋ยวพี่จะกลับมา เจ้าไปซื้อขนมกับอ้ายทับรอพี่นะ อย่าลืมซื้อเผื่อพี่ด้วยเล่า”
“ได้ขอรับคุณพี่ ข้าจะรอนะขอรับ”
“จ้ะ ประเดี๋ยวพี่ตามไปนะ” เมื่อน้องชายกับบ่าวชายแยกออกไป สายธารก็รีบสาวเท้าไปตามทาง ที่ขุนเพลิงเดินไปเมื่อครู่ ระหว่างทางเด็กหนุ่มก็เอ่ยถามเรื่องราวกับคนสนิทไปด้วย
“พี่ปริก แม่บัวผันคือผู้ใดหรือ”
“คุณบัวผัน เธอเป็นคนรักของท่านขุนเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ไปมาหาสู่กันอยู่นาน ท่านขุนเองก็พยายามสร้างผลงาน จนกระทั่งได้เลื่อนยศจากหมื่นมาเป็นขุนโดยเร็ววัน”
“แล้วเหตุใดคุณบัวผันถึงไปแต่งกับคนอื่นเล่า”
“เพราะหลวงพิชิตมิใคร่จะอยากมีลูกเขยเป็นเพียงขุนเจ้าค่ะ ยิ่งรู้ว่าเจ้าพระยาเดชดำรง ถูกตาต้องใจคุณบัว คงอยากให้ลูกสาวตบแต่งกับเจ้าพระยามากกว่า” เรื่องที่เจ้าพระยาเดชดำรงต้องใจคุณบัวผัน เป็นที่รู้กันทั่วคลุ้งน้ำ แต่ยามนั้นหลวงพิชิตก็มิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
“หรือคนรักของคุณเพลิง จะถูกบังคับให้แต่งงาน”
“เรื่องนี้บ่าวก็มิทราบเจ้าค่ะ แต่อาจจะเป็นไปได้นะเจ้าคะ ผู้ใดจะอยากมีผัวแก่คราวปู่ ทั้งยังต้องเป็นเมียสามเมียสี่อีก”
“เจ้าพระยาผู้นั้นแก่มากเลยหรือ”
“เห็นว่าหัวหงอกหมดแล้วเจ้าค่ะ” สายธารได้ยินดังนั้น ก็นึกสงสารคู่รักทั้งสอง เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนหน้าดุ จึงได้มีท่าทีหวาดหวั่นถึงเพียงนั้น
“อยู่นั่นไง เราไปแอบฟังกันเถอะพี่ปริก”
“มิดีกระมังเจ้าคะคุณธาร”
“ดีสิ มาเถิดๆ มาทางนี้” สายธารดึงแขนนางปริก ให้เดินลัดเลาะมานั่งอยู่หลังกองฟางกองใหญ่ ดูเหมือนว่าสถานที่นี้จะเป็นที่นัดพบประจำของคู่รัก เพราะรอบข้างแทบไม่มีผู้คน และบ่าวของทั้งคู่ก็ทำหน้าที่ดักทางไว้อย่างรู้ความ
“เข้าไปใกล้กว่านี้มิได้แล้วเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวจะโดนจับได้”
“พี่ช่วยข้าฟังที พวกเขาพูดสิ่งใด” สายธารค่อยๆ หมอบกายลงกับพื้นดิน คลานเข่า ยื่นหน้าไปมองคู่รัก
ดูท่าทั้งสองจะตกลงกันไม่ได้ เพราะสีหน้าของคุณเพลิงยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม
“แม่บัวหมายความว่าอย่างไร รักของเรามิมีความหมายกับแม่เลยหรือ”
“ท่านขุนอย่าได้เอ่ยเช่นนี้เลย ท่านเองก็รู้ ว่าบุตรที่ดีมิอาจขัดความต้องการของผู้เป็นบิดามารดาได้”
“เช่นนั้นแม่เต็มใจตบแต่งกับเจ้าพระยาหรือไม่ หากว่าแม่ไม่เต็มใจ ข้าจะขอให้คุณพ่อไปพูดคุยกับหลวงท่านอีกครา” เพลิงกฤษฎ์ขยับเข้าไปใกล้คนรัก ทว่าคุณเธอกลับถอยหนี ราวกับก่อนหน้ามิเคยได้สนิทชิดเชื้อ ดูท่าว่าจะมีเพียงเขาที่ยังมีใจผูกพัน
“ท่านขุนอย่าได้ลำบาก เรื่องของเรา ขอให้กลายเป็นอดีตไปเสียเถิด ข้าลาเจ้าค่ะ” คำปฏิเสธจากน้ำเสียงหวาน สร้างความปวดร้าวให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก แต่ในเมื่อเจ้าตัวปฏิเสธถึงเพียงนี้ เขาจะทำอันใดได้อีกเล่า
ร่างสูงเดินคอตกออกมา เสียงพูดคุยของผู้คนมากมายในตลาด มิได้ดังเข้าหูของเพลิงกฤษฎ์แม้แต่น้อย ขาแกร่งก้าวย่างไปเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่ท่าน้ำท้ายตลาดร้างคน
“ท่านขุนขอรับ ให้บ่าวไปตามคุณธารและคุณพนัสกลับเรือนดีหรือไม่ขอรับ”
“มิต้องดอก ให้พวกเขาเดินเที่ยวกันไปเถิด เอ็งก็ไปด้วย เอาเงินนี่ไปซื้อกิน” อ้ายจั่นจำใจรับเอาเงินพดด้วงที่ผู้เป็นนายส่งมาให้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตลาด เพื่อตามหาคุณหนูทั้งสอง อย่างน้อยก็ขอให้คุณๆ กลับเรือนเร็วหน่อย
“อ่าว พี่จั่น แล้วคุณเพลิงเล่า”
“ท่านขุนรออยู่ท่าน้ำทางฝั่งกระนู้นขอรับ แลให้เงินบ่าวมาซื้อขนมกิน”
“เช่นนั้นก็มาเดินด้วยกันเถิด หากได้ของครบแล้ว จะได้รีบกลับไปหาคุณเพลิง” สายธารทำเป็นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เขายังคงเดินเลือกซื้อขนมและของใช้ตามที่ตั้งใจไว้
“ขนมกล้วย พ่อพนัสเอาหรือไม่”
“เอาขอรับคุณพี่ น่าทานยิ่งนัก” เด็กน้อยวัยสี่ขวบรับเอาขนมมาลองทาน ก่อนจะพยักหน้าชอบใจใหญ่
“พวกพี่ๆ อยากทานอันใด ข้าจะซื้อให้”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะคุณธาร” นางปริกปฏิเสธออกไป
“พวกพี่รีบเลือกเถิด เสียเวลาข้า ข้ายังต้องไปดูร้านนั้นอีก” สายธารมองดูขนมมากมายที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ขนมไทยในยุคนี้ไม่ต่างจากยุคปัจจุบันมากเท่าใด เพราะส่วนมากเป็นขนมที่เขารู้จักและเคยกินมาก่อน อย่างขนมกล้วย ขนมเปียกปูน ทองหยิบ ทองหยอด
“พี่จั่น คุณเพลิงชอบทานขนมหรือไม่”
“ทานได้ขอรับ ที่เห็นทานบ่อยก็จะเป็นขนมหม้อแกง”
“เช่นนั้นพ่อพนัสหยิบขนมหม้อแกงไปด้วย เราจะเอาไปฝากคุณเพลิง”
“ได้ขอรับคุณพี่” สายธารเห็นน้องชายพยายามถือขนมมิให้ตก ก็หัวเราะขำในลำคอ ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูยิ่งนัก
สายธารเดินดูของในตลาดจนครบตามที่อยากได้ ก็ให้อ้ายทับเอาของไปเก็บที่เรือก่อน ส่วนตนเองจะพาน้องชายไปหาคุณเพลิงเสียหน่อย มิรู้ว่าตอนนี้จะเศร้าใจมากเพียงใด
หลังจากที่สายธารได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็เห็นร่างสูงเดินคอตกออกมา เรื่องนี้คงจะทำให้คนหน้าดุเสียใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็แน่ชัดแล้วว่าคุณบัวผันเต็มใจจะแต่งกับท่านเจ้าพระยาผู้นั้น
“ท่านขุนอยู่ตรงนั้นขอรับ”
“พี่จั่นกับพี่ปริกอยู่ที่นี่เถิด ข้ากับน้องจะเอาขนมไปให้คุณเพลิงเสียหน่อย”
“ขอรับคุณธาร”
สายธารจูงมือน้องชายเดินขึ้นไปบนศาลาท่าน้ำ ก่อนจะพากันไปนั่งประกบข้างกับคนที่ทำหน้าเหมือนจะตาย ด้วยเพราะเพลิงกฤษฎ์นั่งห้อยขาลงในน้ำ สองพี่น้องจึงต้องนั่งด้วย
“ข้าอารมณ์ไม่ดี พวกเจ้าอย่าได้มากวน”
“ข้ามิได้มากวนเสียหน่อย เอาขนมมาให้ต่างหาก นี่! ขนมหม้อแกงที่คุณเพลิงชอบ แทนคำขอบคุณที่พาข้ากับน้องมาเที่ยวเล่นที่ตลาด” สายธารว่า พลางขยับเข้าไปใกล้ ปากเล็กยิ้มหวานหวังปลอบให้ชายหนุ่มหายเศร้า แต่นั่นกลับทำให้ขุนเพลิงคิดเป็นอื่น
“หึ คิดจะใช้อุบายอันใดอีก! วันนี้ข้ามิมีอารมณ์จะมาเล่นกับเจ้า” มือหนาบีบแขนเล็กจนสายธารนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“คุณเพลิงขอรับ อย่าทำคุณพี่เลย ข้ากับคุณพี่ตั้งใจซื้อขนมมาฝากคุณเพลิงจริงๆ ขอรับ”
“เป็นอย่างที่พ่อพนัสว่า ข้ามิได้มีอุบายอันใดทั้งสิ้น! ปล่อยๆ” สายธารพยายามแกะมือของอีกคนออกจากแขน ในใจก็ก่นด่าไปด้วย เขาไม่น่าเห็นใจคนนิสัยแย่เช่นนี้เลย
“ขอบใจ แต่ข้ายังไม่หิว” พนัสทำหน้าจ๋อยลงทันใด
“หากไม่กินขนม เช่นนั้นเราไปดื่มสุราดีหรือไม่ ข้าเห็นมีร้านตั้งอยู่ไม่ไกล” คนที่พึ่งหายเจ็บว่า พลางพยักหน้าแลขยิบตาอย่างซุกซน
ในเมื่ออกหักก็ต้องย้อมใจ วิธีนี้ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย น้องสายธารรับประกันว่าได้ผล
