บท
ตั้งค่า

5.ปัญหามีไว้พุ่งชน

สายธารยืนฟังเสียงนกเสียงกา ที่พูดถึงตนเองอยู่นาน ก่อนร่างเล็กจะก้าวเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย

“เช่นนั้นคุณเธอก็ทำของใส่ท่านขุนจริงน่ะสิ”

“ก็เออสิมึงเอ๊ย”

“พวกพี่รู้ได้อย่างไรหรือ”

“ก็ที่เรือนใหญ่เขาพูดกันน่ะสิ แม่ข้าน่ะ- ว๊าย!!!” บ่าวหญิงที่กำลังนินทาอย่างออกรสออกชาติ หันมาพบเข้ากับเจ้าของเรื่องราว ก็ตกใจจนถอยร่นไปชนกับบ่าวคนอื่นๆ ล้มละเนรนาดกันไปตามๆ กัน

“หืม ว่าอย่างไรเล่า พวกพี่รู้ได้อย่างไรว่าข้าเล่นของใส่คุณเพลิง” เด็กหนุ่มยกแขนขึ้นเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง เขาไม่รู้หรอกว่าเจ้าของร่างทำเรื่องไว้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่รู้ๆ คือเขาไม่ใช่คนยอมใคร

เท่าที่รู้นิสัยของเจ้าของร่างคนก่อน ที่มักจะเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย ผู้ใดว่าร้ายก็เก็บไปคิดมาก สายธารก็พอเข้าใจว่าทำไมถึงถูกบ่าวไพร่รังแกว่าร้าย จนคิดสั้นฆ่าตัวตาย

“กะ ก็หากมิได้ทำ คุณธารจะโดดน้ำตาย ล้างอายด้วยเหตุใดเจ้าคะ”

“อีไผ ปากมึงนี่เน่าเหมือนสันดานมึงมิมีผิด”

“เอ้า อีปริก ก็กูพูดเรื่องจริงทั้งนั้น ผู้ใดก็รู้ว่านายมึงอยากได้ท่านขุนเป็นผัวจนตัวสั่น” นางไผว่า พลางเบะปาก เหล่ตามองมาทางสายธาร เพราะคิดว่ามีคุณหญิงนวลจันทร์คอยให้ท้ายอยู่

“มึง-”

“หึๆ พี่ปริกอย่าไปว่านางไผมันเลย มันคงอยากกันท่าข้า”

“กันท่าอันใดเจ้าคะ” ตากลมของเด็กหนุ่มมองสำรวจบ่าวหญิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะเดินเข้าไปมองใกล้ๆ

“แต่งตัวเช่นนี้ขึ้นเรือนใหญ่ ทั้งยังผัดหน้าเสียเข้ม มิใช่ว่ามีความต้องการแอบแฝงหรือ ผู้ใดเล่า คุณลุงหรือว่าคุณเพลิง หืม”

“อึก…”

“ฮ่าๆ ข้าเดาถูกสินะ แต่ข้าว่าเจ้าน่าจะอยากได้คุณเพลิงมากกว่ากระมัง เห็นคอยป้ายสีข้า หวังอยากให้ทุกคนรังเกียจข้า”

“คะ คุณธารพูดสิ่งใด บ่าวมิเข้าใจเจ้าค่ะ” สองมือของนางไผกำตอกไม้ไผ่ที่ถืออยู่ก่อนหน้า จนแน่น ตาก็เฉมองไปทางอื่น เพื่อหลบสายตาจับผิด จากคนนับสิบที่อยู่บริเวณนั้น หากเรื่องนี้ถึงหูคุณหญิงนวลจันทร์ นางต้องถูกโบยจนหลังขาดเป็นแน่

“ก็เรื่องที่เจ้าแต่งกายวับแวบไปอ่อยคุณเพลิงถึงเรือนอย่างไร อ่า มิใช่ว่ารอจังหวะที่คุณเธอเมา แล้วปีนขึ้นเตียงนะ โอ๊! ข้าเดาถูกหรือ ฮ่าๆ” สายธารหัวเราะร่า เขาไม่รู้หรอกว่านางไผไปอ่อยคุณเพลิงหรือไม่ เขาแค่ต้องการเอาคืนที่หญิงสาวมาว่าเขาก็เท่านั้น ทว่าดูเหมือนการคาดเดามั่วซั่วของเขาจะถูกต้อง หญิงสาวจึงมีอาการชะงักไปเช่นนั้น

“มะ ไม่ใช่ความจริง! คุณพูดเรื่องใดออกมา” มือเล็กสะบัดตัวอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทว่าปลายแหลมของตอกไม้ไผ่ กลับตวัดไปโดนเรียวแขนขาวของสายธารจนเป็นรอย

“โอ๊ย!”

“ว๊าย คุณธารเลือดออก” บ่าวไพร่ที่อยู่ตรงนั้นต่างตื่นตระหนก

“อีไผ มึงกล้าทำนายกูหรือ มึงต้องโดนสักที” นางปริกเห็นคุณหนูของตนเลือดตกยางออกก็ไม่ทนอีกต่อไป ปรี่เข้าไปตบนางไผเสียฉาดใหญ่ เหตุการณ์หน้าโรงครัวจึงชุลมุนวุ่นวายกันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร

“พี่ปริก ทางซ้ายๆ ใช่ ดึงเลย ดึงเลย!” ในเมื่อเข้าไปช่วยไม่ได้ ก็ตะโกนสั่งการเสียเลย

“โอ๊ย อีปริก มึงดึงผมกู”

“เอ่อ มึงทำคุณธารเจ็บ มึงก็ต้องเจ็บ” ดูเหมือนว่าฝ่ายพี่ปริกจะได้เปรียบ สายธารเลยไม่เข้าไปยุ่ง ยืนนิ่งให้บ่าวคนสนิทจัดการกับคนปากพล่อยให้หลาบจำ

แต่แล้วดวงตาติดยิ้มก็ต้องเบิกกว้าง เมื่อเห็นคุณลุงและคุณหญิงนวลจันทร์เดินมาแต่ไกล ร่างบางจึงรีบเข้าไปห้ามพี่ปริกทันที

“พอเถิดจ้ะ พี่ไผ อย่าทำพี่ปริกเลย โอ๊ย!” แม้จะไม่มีใครตี แต่สายธารถึงกับล้มลงบนพื้น กลิ้งคลุกฝุ่นสักสองตลบ และนั่นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของเรือนทั้งสองเดินเข้ามาเห็นพอดิบพอดี

“หยุด! หากไม่หยุดกูจะเฆี่ยนพวกมึงให้ตาย”

“เหตุการณ์มันเป็นมาอย่างไร พ่อธารเล่าให้ลุงฟัง” บัดนี้คนที่ก่อเรื่องถูกเรียกขึ้นมาบนเรือนใหญ่ เพื่อไถ่ถามเรื่องราว บรรดานายของเรือน ต่างก็มานั่งฟังเหตุการณ์ด้วย ไม่เว้นแม้แต่คุณหญิงผกาและคุณพนัส

“คือข้าไปได้ยินบ่าวด้านล่างพูดถึงเรื่องของข้า ข้าจึงเข้าไปพูดคุยด้วยขอรับคุณลุง”

“เรื่องใดหรือ”

“นางไผเอ่ยว่าข้า ทำของใส่คุณเพลิง ข้าจึงไปถามว่ารู้ได้อย่างไร พอเข้าไปถาม นางไผก็ไม่พอใจ-”

“ไม่จริงเจ้าค่ะ เป็นเพราะคุณธารพูดว่า บ่าวมายั่วยวนท่านขุนก่อน บ่าวมีจิตใจบริสุทธิ์ จึงได้แสดงท่าทีไม่เหมาะออกไปเจ้าค่ะ”

“แล้วไม่จริงหรือ ทุกคนเอาแต่พูดว่าข้ายั่วยวนคุณเพลิง ถึงขั้นทำของใส่ แต่ข้าแทบจะไม่ออกมาพบหน้าคุณเธอเลย ต่างจากนางไผที่เข้าออก ทำความสะอาดห้องคุณเพลิงเป็นประจำ” คุณหญิงนวลจันทร์ที่ได้ยิน ก็ตวัดหางตาไปมองนางไผ หากฟังดูแล้วก็จริงอย่างที่เจ้าเด็กนี่ว่า

“…”

“พอนางไผไม่พอใจ ก็เหวี่ยงตอกมาโดนคุณธาร จนเลือดออกเลยเจ้าค่ะ บ่าวเจ็บใจแทนคุณเธอ จึงได้เข้าไปตบสั่งสอน แล้วเรื่องก็เป็นอย่างที่คุณท่านเห็นเจ้าค่ะ” นางปริกที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง รีบบอกออกไป

“พ่อธาร ที่ใด ขอแม่ดู” คุณหญิงผกาคว้าเอาเรียวแขนของบุตรชายมาดู ก็พบว่ามีรอยขีดเป็นทาง ทั้งยังมีเลือดซึมออกมา

“คุณพี่เจ็บมากหรือไม่ขอรับ”

“เพียงเล็กน้อยเท่านั้น พ่อพนัสอย่าได้เป็นห่วง” สายธารรวบตัวน้องชายเข้ามานั่งใกล้ๆ

“คุณเดช ช่วยตัดสินเรื่องนี้ให้เป็นธรรมด้วยเถิด ก่อนหน้าเพราะคิดว่าข้าเพียงมาอาศัย จึงมิติดใจเอาความอันใด แต่ครานี้ลูกข้าเจ็บตัวเพราะฝีมือบ่าวในเรือนของท่าน”

“คุณหญิงผกาอย่าได้กังวล ข้าย่อมตัดสินอย่างเป็นธรรม” คุณเดชเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงมั่นคง

“คุณพี่เจ้าคะ เรื่องนี้เป็นเพียงแค่เรื่องของบ่าวที่ตบตีกัน สั่งลงโทษทั้งสองให้หลาบจำก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ” คุณหญิงนวลจันทร์เอ่ยขึ้น นางไผเป็นลูกของนางผัด บ่าวคนสนิทของนาง ก็ถือเป็นคนของนางด้วย

“เช่นนั้นหากข้าให้อ้ายทับทำร้ายคุณเพลิง แล้วอ้ายจั่น บ่าวของคุณเพลิงทำร้ายอ้ายทับกลับ จะถือว่าเป็นการวิวาทกันของบ่าวได้ใช่หรือไม่เจ้าคะคุณหญิง” ครานี้คุณหญิงผกา มิได้ยอมอย่างที่เคยทำ บุตรชายของนางเกือบตายไปคราหนึ่งแล้ว นี่ยังโดนทำร้ายจนเลือดตกยางออก

“มันกล้าแตะลูกข้าหรือ!!!”

“คุณแม่พอเถิดขอรับ เรื่องนี้นางไผผิดเต็มประตู สายธารแม้จะไม่ได้เป็นเจ้าของเรือน แต่เขาก็เป็นแขกของคุณพ่อ ย่อมต้องมีศักดิ์สูงกว่า” ขุนเพลิงที่นั่งนิ่งอยู่นานเอ่ยขึ้น แม้จะไม่ชอบใจที่อีกคนก่อเรื่อง แต่ครานี้สายธารเป็นผู้ที่ถูกกระทำจริงๆ

“พ่อเพลิง!”

“พอได้แล้ว ทั่วบ้านทั่วเมืองมิเคยมีบ่าวคนใด กล้าเหิมเกริมถึงขั้นลงไม้ลงมือกับนาย อ้ายแม้น ให้คนนำนางไผไปลงหวายห้าสิบที หากมันยังไม่ตายก็ส่งไปอยู่ที่เรือนเมืองประดู่”

“คะ คุณท่านโปรดเมตตาบ่าวด้วย บ่าวจะไม่ทำเรื่องเช่นนี้อีก” ทั้งนางไผและนางผัดต่างก้มกราบ ขอความเมตตาจากเจ้าของเรือน และคุณหญิงของเรือน

“คุณพี่เจ้าคะ โบยห้าสิบไม้ ถึงแก่ชีวิตเลยนะเจ้าคะ”

“หากเป็นพ่อเพลิงที่โดน คุณหญิงจะห้ามข้าหรือไม่” คุณเดชยังยืนยันคำสั่งเดิม ไม่แม้แต่จะฟังคำทัดทานจากภริยา

“เอ่อคุณลุงขอรับ ข้ามิอยากสร้างบาปให้ติดตัว อย่างไรคุณลุงช่วยเว้นโทษตายด้วยเถิดขอรับ” เป็นสายธารที่พูดขอ เขาตั้งใจให้นางไผได้รับโทษก็จริง แต่เขาก็มิได้อยากให้ถึงตาย

“พ่อธารแน่ใจหรือ ว่าต้องการเช่นนั้น”

“แน่ใจขอรับ โบยสักยี่สิบที พอให้หลาบจำเท่านั้นก็เพียงพอแล้วขอรับ”

“อืม อ้ายแม้น ไปจัดการตามนั้น” เมื่อคุณท่านของเรือนว่าเช่นนั้น นางผัด นางไผก็ก้มลงกราบขอบพระคุณกันเสียยกใหญ่

“พ่อธารคงขวัญเสียน่าดู อยากให้ลุงทำพิธีเรียกขวัญให้หรือไม่”

“อ่า อย่าเลยขอรับ เพียงแต่ข้าอยู่แต่ในเรือนเบื่อหน่ายยิ่งนัก จึงอยากจะขอออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกบ้าง” สายธารทำเสียงอ่อนลงเล็กน้อย อย่างที่เคยออดอ้อนกับบ่าวไพร่ให้พาออกมาเดินเล่นนอกหอนอน

“ฮ่าๆ เช่นนั้นอีกสองวันข้างหน้าดีหรือไม่ พ่อเพลิงเองก็จะไปที่ตลาดมิใช่หรือ อย่างไรก็พาน้องไปด้วยเถิด”

“แต่คุณพ่อขอรับ ข้าไปทำงาน มิอาจเจียดเวลามาดูคนไร้ประ-”

“ได้ขอรับคุณลุง ข้าจะไปกับคุณเพลิง ขอบพระคุณคุณลุงขอรับ” เพลิงกฤษฎ์กัดฟันกรอด เมื่อถูกเด็กหนุ่มพูดแทรกขึ้น ทั้งคุณพ่อยังไม่ฟังเขาสักนิด คุณแม่เองก็นั่งเงียบไป คงยังมิกล้าขัด เพราะเมื่อครู่คุณพ่อก็ยอมละเว้นโทษนางไผให้มากแล้ว

เขาต้องพาเจ้าเด็กนี่ไปตลาดด้วยสินะ น่ารำคาญเสียจริง

วันนี้สายธารตื่นขึ้นมาแต่งกายแต่เช้า เพราะหลังจากที่ทานมื้อเช้าเสร็จ คุณเพลิงจะออกไปตลาดทันที วันนี้เขาตั้งใจจะออกไปหาผ้ามาตัดชุดใหม่เสียหน่อย

“คุณพี่แต่งกายเสร็จหรือยังขอรับ คุณแม่เรียกให้ไปทานข้าวแล้ว”

“เสร็จแล้วจ้ะ โอ้ วันนี้พ่อพนัสของพี่หล่อเหลาเอาการ”

“คิกๆ ขอบพระคุณขอรับ” ว่าแล้วสองพี่น้องก็พากันไปนั่งทานมื้อเช้ากันที่โถงกลางเรือน คุณหญิงนวลจันทร์และคุณเพลิงก็ยังคงทำหน้าบึ้งตึงเช่นเคย แต่สายธารก็มิได้ใส่ใจ รีบนำข้าวเข้าปาก เพราะเขาอยากไปดูตลาดสมัยโบราณใจแทบขาด

บรรยากาศกลางวงข้าวเป็นไปอย่างเรียบง่าย ต่างคนก็ต่างตั้งหน้าตั้งตาทานข้าว จวบจนทุกคนอิ่มหนำ บ่าวไพร่จึงนำน้ำมาให้นายได้ดื่มและล้างมือ

“คุณท่านขอรับ คุณท่าน!”

“อันใดของมึงอ้ายแม้น ข้าตกใจจนแทบสำลักน้ำ” คนอาวุโสที่สุดในเรือนเอ็ดขึ้น บ่าวของเขาผู้นี้มักโหวกเหวกโวยวายอยู่ประจำ เตือนเท่าใดก็มิเคยฟัง

“ขออภัยขอรับ แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่จริงๆ ขอรับ”

“เช่นนั้นก็รีบพูดเข้า”

“เรือนหลวงพิชิตส่งคนมาเชิญคุณท่าน ให้ไปงานแต่งของคุณบัวผันกับเจ้าพระยาเดชดำรงในอีกสิบวันข้างหน้าขอรับ”

เคล้ง! ขันเงินในมือของท่านขุน ร่วงลงกับพื้น จนน้ำในนั้นหกกระจายไปทั่ว

สายธารเห็นสีหน้าตกใจของทุกคน ก็เกิดอาการงุนงงทันที โดยเฉพาะกับคุณเพลิง เขาอยากรู้นักว่าเหตุใดชายหนุ่มที่มักมีสีหน้าเรียบตึงเป็นนิจ จึงได้เกิดอาการหน้าเสียถึงเพียงนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel