บท
ตั้งค่า

4.คำขู่

ร่างเล็กของสายธารสะดุ้งโหยงเมื่อถูกทัก ก่อนเท้าเล็กๆ จะยกขึ้น ทำให้ตัวเอนเข้าไปในบ่อน้ำ

“ว๊าย!!!” เรียวแขนขาวถูกมือใหญ่คว้าไว้ได้ทัน ก่อนที่จะร่วงลงไปในบ่ออีกครั้ง สายธารหอบหายใจโล่งอก แม้เขาจะตั้งใจมาโดด แต่การโดดเองกับร่วงลงไป ไม่ทันได้ตั้งตัวนั้นมันต่างกัน

เขายังไม่ทันได้ทำใจเลย

“ลงมาประเดี๋ยวนี้ ข้าบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือ แม้เจ้าจะตายตกอยู่ตรงหน้า ข้าก็ไม่มีทางเหลียวแลเจ้า” เพลิงกฤษฎ์รวบตัวอีกคนให้ออกห่างจากบ่อน้ำ

“ข้าไม่ได้อยากให้คุณเพลิงมองสักหน่อย ฮึ้ย!”

“เช่นนั้นทำไปเพราะเหตุใด เมื่อเช้าก็ตะโกนร้องโวยวาย สายเข้าหน่อยก็โดดลงคลอง มาตอนนี้ยังจะโดดลงบ่ออีก”

“เพราะอะไรก็เรื่องของข้า ถึงคุณเพลิงจะหล่อ แต่ข้าไม่ชอบคนปากร้าย” สายธารว่า พลางบิดข้อมือออกจากการจับกุม แต่ทว่าบิดเท่าใดก็บิดไม่ออก

“เรื่องของเจ้าก็จริง แต่นี่เรือนข้า หากเจ้าอยากตาย ข้าจะพาไปตายที่อื่น มานี่!” เพลิงกฤษฎ์ดึงร่างเล็กกว่าให้ตามมา แม้สายธารจะยื้อไว้เพียงใด แต่แรงเท่ามดอย่างเขา จะสู้แรงช้างฉุดได้อย่างไร

สองร่างฉุดกระชากลากถูกันมาจนถึงบ่อขนาดใหญ่พอควร ไม่รู้ว่าในบ่อนี้คือบ่ออะไร แต่กลิ่นเหม็นโชยขึ้นมา จนมือขาวต้องยกขึ้นมาบีบจมูกเอาไว้ ใบหน้าหวานเบ้ปากอย่างขัดใจ

“แหวะ คุณเพลิงพาข้ามาที่นี่ทำไม”

“บ่อนี้เป็นบ่อน้ำหมัก มีมูลไก่ มูลกระบือ และมูลสัตว์อีกหลายชนิด”

“แล้วอย่างไร!” เด็กหนุ่มสะบัดเสียงไม่พอใจ เขาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มพาเขามาที่นี่ทำไมกัน เหม็นจนอ้วกจะพุ่งอยู่แล้ว

“เจ้าอยากตายมิใช่หรือ โดดลงไปเสียสิ รับรองว่าครานี้ไม่มีใครช่วยเจ้าขึ้นมาแน่ ต่อให้เจ้าตายไปแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดคิดจะลงไปเอาศพเจ้าขึ้นมา” ว่าแล้วท่านขุนของเรือนก็ดันร่างบางให้ลงไปในบ่อ รอยยิ้มร้ายจุดติดขึ้นบนริมฝีปากได้รูป ยิ่งเห็นอีกคนโวยวาย เขายิ่งมีความสุข

คิดจะเรียกร้องความสนใจจากเขานัก ก็ต้องเจอเช่นนี้

“ทะ ท่านขุน ไม่ๆ คุณเพลิง ไม่เอานะ อย่าดันข้า ฮื่อ” สายธารพยายามวิ่งหนีให้ห่างจากวงแขนใหญ่ แต่ก็ไม่พ้น คนตัวใหญ่จับเขาดันไปหาบ่อมูลสัตว์จน เกือบจะตกอยู่แล้ว เหลือเพียงสองก้าวเท่านั้น

“หากไม่โดด ก็ห้ามคิดจะโดดน้ำอีก เมื่อใดที่มีคนมารายงานว่าเจ้าโดดน้ำ ข้าจะจับเจ้าโยนลงบ่อมูลสัตว์นี่ทันที แม้แต่คุณพ่อก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

“อื้อๆ เข้าใจแล้วๆ ท่านปล่อยข้าไปได้แล้ว อ้วก!” สายธารรีบวิ่งออกให้ห่างจากบ่อทันทีเมื่อถูกปล่อย หนุ่มน้อยโก่งคออาเจียนจนแทบหมดไส้หมดพุง เขาไม่อยากคิดเลยว่าหากโดนคนตัวโตจับโยนจริง เขาจะมีสภาพยังไง

“อาเจียนเสร็จแล้วก็รีบตามมา ประเดี๋ยวหลงทาง คุณพ่อก็จะมาว่าข้าอีก” สายธารทำปากขมุบขมิบ เขาล่ะเกลียดนัก ผู้ชายนิสัยไม่ดี ไม่อ่อนโยนต่อกระเทยน้อยบ้างเลย ชิ!

“รังเกียจเดียดฉันท์กูปานฉะนี้ กูก็ลูกพระยานาหมื่น-”

“เจ้าหาได้เป็นลูกพระยา หรือขุนน้ำขุนนางที่ใด เจ้าเป็นเพียงกาฝาก กาฝากที่ไร้ประโยชน์ ทั้งยังสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว! รีบตามมา อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำ”

เท้าเล็กกระทืบเสียงดัง ตามอีกฝ่ายไป หากมองแค่รูปร่างหน้าตา เขาคงหลงใหลไปเสียแล้ว แผ่นหลังกว้าง ผิวแทนหน่อยๆ กล้ามเป็นมัดๆ ถูกใจน้องธารเป็นที่สุด เสียดายนิสัยแย่ไป ทั้งปากร้าย ใจร้าย ชอบดูถูกคนอื่น

“คุณธาร ไปที่ใดมาเจ้าคะ บ่าวตามหาเสียทั่วเรือน” นางปริกที่ตื่นมาไม่เห็นผู้เป็นนายก็รีบวิ่งหาทั่วเรือน

“เอ็งมัวทำกระไร นายเอ็งหายไปทั้งคนมิรู้เลยหรือ หากข้าไม่ไปพบคงเป็นศพไปเสียแล้ว!”

“บ่าว บ่าว-”

“ช่างเขาเถอะพี่ปริก อย่าไปสนใจคนปากเหม็น เรากลับหอนอนกัน”

“ประเดี๋ยวจะโดน ข้าเป็นผู้ใด เจ้าเป็นผู้ใด อย่าพูดจาเช่นนี้กับผู้ใหญ่” เมื่อถูกสายตาแข็งกร้าวจดจ้อง จากที่ทำท่ารำคาญก็ต้องหลบตา แล้วเอ่ยขออภัยเบาๆ

“ขอโทษ” ว่าแล้วก็เดินกลับหอนอนไปทันที ไม่แม้แต่หันหลังมองคนหน้าดุ

ด้านเพลิงกฤษฎ์ก็ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่าย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดคุณพ่อยังเลี้ยงคนพวกนี้เอาไว้ ทั้งที่ดีแต่สร้างปัญหาไปวันวัน

ก่อนหน้านี้เขาก็คิดว่าเด็กหนุ่มมิได้มีพิษมีภัย จึงเห็นเป็นน้องชาย ขัดคำสั่งคุณแม่มาพูดคุยด้วยอยู่หลายครา แต่ไม่คิดว่าสายธารจะกล้าทำของใส่เขา จากที่ไม่เคยเกลียด ไม่เคยรำคาญ กลับรู้สึกขวางหูขวางตาไปเสียหมด

ยิ่งรู้ว่าเด็กหนุ่มพยายามเรียกร้องความสนใจจากเขา ด้วยการทำร้ายตัวเอง เขายิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ ไม่อยากจะเสวนาด้วยสักนิด มาครานี้ก็ยังมีท่าทีแปลกพิกล ราวกับถูกผีร้ายสิงสู่

คงต้องแจ้งกับคุณพ่อให้พาพระท่านมาทำพิธีปัดเป่าเสียหน่อย

สายธารนั่งหน้างอฟังเสียงบ่นของบ่าวข้างกาย ยังดีที่มีน้องชายมานั่งฟังเป็นเพื่อนเขาจึงไม่เบื่อมากนัก

“หากคุณธารทำเช่นนี้อีก บ่าวจะโดดตามคุณธารไปด้วย”

“เห้อ เอาเป็นว่าข้าขอโทษแล้วกันนะ” สายธารพูดส่งๆ ไป ไม่กล้าตกปากรับคำ เพราะรู้ว่าอย่างไรก็ต้องลองโดดบ่อน้ำนั้นดูสักครั้ง

ยังไม่ทันที่นางปริกจะพูดสิ่งใดต่อ ทั้งสามก็ได้ยินเสียงอ้ายทับตะโกนมาแต่ไกล

“คุณธารขอรับ คุณพนัสขอรับ รีบมาดูเถิดขอรับว่าผู้ใดมา” อ้ายทับยกยิ้มขึ้นเต็มปาก ราวกับว่าดีใจหนักหนา สายธารจึงจูงมือน้องชายออกมานอกหอนอน

“พ่อธาร พ่อพนัส แม่กลับมาแล้วลูก” เห็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่เป็นแม่ของเจ้าขอร่าง ทำให้ดวงตากลมสั่นระริก สายธารมือไม้สั่นเทาด้วยความตกใจ

“มะ แม่!” แม่ของเขาจริงๆ เหมือนแม่ของเขามาก ทั้งรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง และแววตาที่มองเขา

“ลูกแม่ พ่อธารของแม่เป็นอย่างไรบ้าง รู้หรือไม่ว่าแม่ใจแทบขาด เร่งกลับมาที่เรือนทันทีหลังจากทราบข่าว” อ้อมแขนอุ่นจากมารดา ทำให้หน่วยตาเล็กเอ่อล้นไปด้วยน้ำสีใส ร่างบางสะอึกสะอื้นจนตัวโยน

“แม่ ธารคิดถึง ฮึก” อ้อมกอดที่เขาโหยหา คนที่เขาคิดถึงอยู่ทุกวัน อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว

“สัญญากับแม่ ว่าจะไม่ทำเช่นนั้นอีก หากพ่อธารเป็นกระไรไป แม่จะอยู่เช่นไร”

“น้องด้วยขอรับ”

“พวกบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” สายธารมองไปยังบ่าวทั้งสามที่นั่งอยู่บนพื้น บ่าวที่ชื่อปุก คงจะตามคุณแม่ไปเยี่ยมญาติ เขาจึงพึ่งจะเคยเห็นหน้าคร่าตา

“ข้า ข้าจะไม่ทำแล้วขอรับ” เสียงเล็กเอ่ยออกมาแผ่วเบา หลังจากที่ได้พบคุณแม่ สายธารก็เกิดความรู้สึกเห็นแก่ตัวขึ้นมา อยากใช้เวลาอยู่ที่นี่นานเท่าที่จะทำได้

ขอโทษนะคุณสายธาร จากนี้จะปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามฟ้าลิขิต เมื่อใดที่ถึงเวลาของท่าน ข้าจะคืนร่างนี้ให้อย่างไม่อิดออด

“ดีแล้วลูก แล้วนี่เป็นอย่างไรบ้าง มีหมอมาตรวจแล้วหรือยัง”

“คุณลุงบอกว่าพาหมอว่าวันพรุ่งนี้ขอรับ แต่ข้า เอ่อ ข้าจำอะไรไม่ได้เลยขอรับ” สายธารยิ้มแห้ง

“หมายความว่าอย่างไร”

“ความจำของคุณธารเลือนหายไปเจ้าค่ะ จดจำผู้ใดไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” นางปริกเอ่ยเล่าเรื่องราวตั้งที่คุณหนูของนางตกน้ำ กระทั่งฟื้นตื่นขึ้นมา

“โถ่ ลูกแม่ มิเป็นไรนะ ไม่ว่าเจ้าจะลืมเรื่องใด แม่ก็จะช่วยเจ้า จะสอนเจ้าเอง มิต้องกลัวไป” เด็กหนุ่มยิ้มทั้งน้ำตา เขาไม่ได้รับอ้อมกอดจากแม่มานานแล้ว

“น้องก็จะสอนคุณพี่ด้วยขอรับ”

“หึๆ เจ้าจะสอนอะไรพี่ หืม”

“เอ่อ ข้าจะสอนคุณพี่พูดขอรับ ข้าฟังคำของท่านไม่รู้ความเลย แหะๆ” ดูเหมือนว่า พอเขาใจดีด้วยแค่หนึ่งวัน เจ้าเด็กน่ารักก็ปรับตัวให้สนิทสนมกับเขาได้ทันที และเริ่มไม่มีท่าทีหวาดกลัวเหมือนเมื่อเช้าแล้วด้วย

“ศิษย์ขอรบกวนอาจารย์ด้วยนะจ๊ะ”

“ได้ขอรับ”

และแล้วสายธารก็ต้องกลายมาเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ทั้งหลาย เริ่มตั้งแต่ตอนตื่น จนกระทั่งเข้านอน เขาต้องเรียนรู้ทุกอย่างใหม่หมด โดยเฉพาะคำพูด มิเช่นนั้นแล้วคงจะพูดกันไม่รู้ความอย่างที่น้องชายว่า

“พี่ปริก ข้าขอไปเดินเล่นด้านล่างได้หรือไม่ อยู่ในหอนอนมาสองวันแล้วนะ ข้าเบื่อยิ่งนัก” ตั้งแต่ท่านหมอมาตรวจ และบอกให้เขาพักผ่อนให้เพียงพอ เขาก็ไม่ได้ออกจากหอนอนมาสองวันแล้ว

“ครั้งนี้พูดได้ถูกทุกคำ บ่าวจะพาลงไปเจ้าค่ะ แต่เพียงครู่เดียวนะเจ้าคะ หากหายเจ็บหายป่วยแล้ว บ่าวจะไม่ห้ามเลย”

“ได้จ้ะ พี่ปริก” สายธารยิ้มจนแก้มปริ ก่อนจะลุกขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องให้เหมาะสมกับการจะออกไปเดินนอกหอนอน โจงกระเบนสีแดงเลือดนกถูกนำมาสวม ดึงรั้งผ้าขึ้นเหนือหัวเข่า

“มิได้เจ้าค่ะ เอาลงมาอีกนิด”

“มันร้อนนะพี่ปริก อีกอย่างใส่รุ่มร่ามถึงเพียงนี้ ไม่งาม”

“แต่มันเห็นเนื้อหนังเกินไปเจ้าค่ะ”

“จิ๊ ขัดใจคนงามยิ่งนัก” สายธารจีบปากจีบคอว่า แต่ยอมทำตามที่บ่าวบอก ก่อนจะรีบแต่งตัวให้เสร็จและเดินลงเรือนไปด้วยสีหน้าแจ่มใส

เรือนของคุณลุงกว้างขวางมากทีเดียว คงเป็นเพราะคุณลุงเป็นขุนนางเก่าและคุณเพลิงก็ยังเป็นท่านขุนอีก เห็นว่าก่อนหน้านี้คุณลุงมียศเป็นถึงหลวงสรเดช แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงได้ขอลาออกมาทำการค้าขายกับต่างชาติแทน

เห็นว่าคุณลุงค้าขายเกี่ยวกับของป่าและพืชผลทางการเกษตร คงจะร่ำรวยน่าดู

“ที่นี่ร่มรื่นเสียจริง”

“เจ้าค่ะ มีต้นผลไม้ปลูกไว้มาก หากเดินไปทางนั้นก็จะเป็นโรงครัวเจ้าค่ะ” เมื่อเห็นผู้เป็นนายสนใจ นางปริกจึงเดินนำไปทางโรงครัว ทว่านั้นกลับเป็นสิ่งที่ผิดมหันต์

“พวกมึงได้ยินหรือไม่ บ่าวบนเรือนเขาพูดกันว่าคุณธารความจำเลือนหายไปจนหมด กระทั่งตนเองยังจำไม่ได้ กิริยาท่าทีก็แปลกพิกล”

“หึ! มึงมิรู้หรือ นี่มันอาการขอคนโดนของย้อนเข้าตัว จึงได้วิปลาสเช่นนี้”

“เช่นนั้นคุณเธอก็ทำของใส่ท่านขุนจริงน่ะสิ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel