บท
ตั้งค่า

3.ปฏิบัติการคืนสู่เมืองกรุง

“…คุณพี่อย่าได้โกรธข้าเลย” เห็นเด็กน้อยทำท่าจะร้องไห้ สายธารจึงรีบหันไปนางปริก เพื่อถามเอาความ

“อันใดกันพี่ปริก เหตุใดน้องจึงกลัวข้าเช่นนี้”

“เอ่อ เป็นเพราะยามที่คุณพนัสเกิดมา คุณหญิงนวลจันทร์ก็มีท่าบึ้งตึงต่อคุณธาร คุณเลยพลอยไม่ชอบคุณพนัสไปด้วยเจ้าค่ะ” คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันอย่างขัดใจ เด็กน้อยไม่มีความผิดสักนิด เหตุใดต้องใจร้ายกับน้องชายเช่นนี้ด้วยนะคุณสายธาร

“คุณพนัส พี่ไม่ได้โกรธ เข้ามานั่งด้วยกันสิ” ริมฝีปากเล็กฉีกยิ้มเต็มใบหน้า ให้น้องชายรู้ว่าเขาไม่โกรธเลยสักนิด

“ขะ ขอรับ” เห็นว่าพี่ชายไม่ได้โกรธ เด็กน้อยจึงค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปในหอนอนพี่ชาย เขาได้ยินมาว่าพี่ชายหายป่วยแล้ว จึงรีบมาเยี่ยมเยือน แต่จะเข้ามาพบ ก็กลัวจะทำให้พี่ชายต้องเคืองใจ จึงได้แอบอยู่ด้านนอก

“อื้ม น่ารักมาก ไหนลองยิ้มซิ”

“ขะ ข้ามิเข้าใจขอรับ” พนัสเอียงคอสงสัย กับคำพูดของพี่ชาย

“อ่า~ ข้าหมายถึงเจ้าน่าเอ็นดู ลองยิ้มให้ข้าดูที” สายธารยิ้มกว้างตามเด็กน้อย น้องชายของเจ้าของร่างออกจะน่ารักน่าเอ็นดู ไม่รู้ทำไมถึงเกลียดน้องชายได้ลงคอ

“คุณพี่เองก็น่าเอ็นดูขอรับ”

“คิกๆ ช่างพูดนักนะ ตัวแค่นี้” ดีจัง ชีวิตของน้องสายธารคนนี้เป็นลูกคนเดียว ไม่มีพี่น้อง หลังจากพ่อแม่ตายไป เขาก็อยู่คนเดียวมาตลอด ญาติที่ไหนก็ไม่มี แต่ตอนนี้เขากลับมีทั้งน้องชายและคนดูแล ไหนจะมีแม่ที่ไปเยี่ยมญาติยังไม่กลับอีก

น่าอิจฉาเจ้าของร่างเสียจริง

“พี่ปริก กับ…” สายธารหันไปสบตาเข้ากับบ่าวชายที่นั่งอยู่หน้าหอนอน

“อ้ายทับเจ้าค่ะ”

“อืม พี่ปริกกับพี่ทับมีอันใดก็ไปทำเถอะ ข้าจะอยู่เล่นกับน้องสองคน” สองบ่าวหันมองหน้ากันอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ยอมถอยออกไป

“เอาล่ะ คุณพนัส ให้พี่เรียกเจ้าว่าอย่างไรดี เรียกคุณมันดูห่างเหินเกินไปไหม”

“ปกติ คุณแม่เรียกข้าว่า พ่อพนัสขอรับ” เด็กน้อยพูดเสียงดังขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังมีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ อยู่

“พ่อพนัสรู้ไหมเอ่ย ว่าพี่ป่วยเป็นอะไร”

“คุณพี่ตกบ่อหลังบ้านขอรับ” สายธารพยักหน้าเข้าใจ แม้เขาจะอิจฉาเจ้าของร่างแค่ไหน ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมายึดร่างคนอื่นเสียดื้อๆ อย่างไรก็ต้องลองหาวิธีออกจากร่างดูก่อน

“พ่อพนัสรู้ไหมว่าอยู่ที่ไหน พาพี่ไปได้ไหม”

“แต่คุณลุงบอกห้ามไปนะขอรับ”

“ไม่เป็นไร เราแอบไปกันสองคน ไม่มีใครรู้แน่” สายธารพูดจาหลอกล่อเสียงหวาน ทั้งยังยิ้มใจดีไปให้น้องชายตัวน้อย แล้วเช่นนี้พ่อพนัสจะไปที่ใดรอด ศีรษะเล็กๆ จึงพยักขึ้นลงตอบรับ ก่อนสองพี่น้องจะพากันย่องลงจากเรือนไป

กว่าจะเดินออกมาได้ ทั้งคู่ก็เหนื่อยหอบกันเลยทีเดียว หาทางหลบหลีกบ่าวไพร่กันเสียให้วุ่น ยังดีที่นางปริกกับอ้ายทับไปช่วยงานในโรงครัว มิเช่นนั้นคงถูกจับได้เสียแล้ว

“อีกไกลไหมจ๊ะ พ่อพนัสของพี่”

“มิไกลขอรับ” เด็กน้อยยิ้มเขินที่ถูกพี่ชายพูดจาจ๊ะจ๋าใส่ สายธารเห็นดังนั้นก็ยิ้มขำ

เดินมาได้ไม่นานก็ถึงบ่อน้ำที่เจ้าของร่างเคยโดดลงไป บ่อตรงหน้าเป็นบ่อที่ขุดขึ้นเพื่อนำน้ำจากใต้ดินมาใช้ ปากบ่อเป็นวงกลมขนาดเท่าสองคนโอบ

สายธารรีบวิ่งเข้าไปดู แต่แล้วความหวังที่จะลองโดดลงไปอีกครั้งก็พังทลายลง เพราะปากบ่อถูกตีปิดด้วยแผ่นไม้หลายแผ่น ครั้นจะเอามือดึงเปิดก็ทำไม่ได้ เพราะถูกปิดไว้แน่นหนาเกินไป

“ไม่ได้อ่ะ ทำไงดีเนี่ย หรือว่าลองโดดน้ำที่อื่นดูก่อนวะ” สายธารพึมพำกับตนเอง เจ้าพนัสที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพี่ชายคิดจะโดดน้ำ ก็นั่งจุมปุกรอ

“คุณพี่ว่ากระไรนะขอรับ”

“มิมีกระไร เราไปหาที่ที่มีน้ำต่อเถอะ มีที่ไหนอีกบ้าง” สายธารพยายามเลียนแบบการพูดของคนยุคนี้ให้ถึงที่สุด

“มีขอรับ มีในตุ่ม มีในบ่อปลาของคุณเพลิง บ่อเลี้ยงปลาไว้กิน แล้วก็คลองขอรับ”

“ไปคลองกัน”

“แต่ที่นั่นคนเยอะนะขอรับ เราต้องโดนจับได้แน่”

“งั้นไปที่ตุ่มก่อนก็ได้” เด็กน้อยวัยสี่ขวบปีย่างเข้าห้าขวบปี รีบจูงมือพี่ชายไปที่ตุ่มเก็บน้ำ วันนี้เป็นวันที่เขามีความสุขที่สุด เพราะพี่ชายอยู่เล่นกับเขา

สองพี่น้องพากันมาที่ตุ่มเก็บน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก เมื่อสายธารเห็นว่าในตุ่มมีน้ำอยู่ก็รีบเอาหัวจุ่มลงไป ในใจก็เฝ้าภาวนาขอให้วิญญาณของเจ้าของร่างมาประสบพบเจอ

‘จะไม่ไหวอยู่แล้วนะ คุณสายธารรีบกลับมาสักที’ รอแล้วรอเล่า จนอากาศใกล้จะหมด แต่ก็ไม่พบว่าจะมีวิญญาณเหมือนที่เคยดูในละครปรากฏตัวออกมา จะมีก็แต่…ใบหน้าแปร้นแล้นของน้องชายตัวเล็ก

ซ่า~

“พ่อพนัส ทำอันใด”

“ขะ ข้าแค่อยากเล่นกับคุณพี่ขอรับ”

“อ่า อย่าทำหน้าเช่นนั้น พี่ไม่ดุเจ้า ไม่ดุแล้ว โอ๋ๆ นะ” สายธารกอดปลอบน้องชายไปพลาง คิดถึงเรื่องออกจากร่างไปพลาง

หรือเราต้องปล่อยให้ตัวเองจมน้ำนะ

คิดได้ดังนั้น สายธารก็บอกให้น้องชายขึ้นเรือนไปก่อน ส่วนตัวเองก็เดินลัดเลาะมาจนถึงท่าน้ำหน้าเรือน ใช้จังหวะที่บ่าวไพร่เผลอ รีบวิ่งตรงไปที่ท่าน้ำ แล้วกระโดดลงไปทันที

ตู้ม!!!

เสียงน้ำกระจาย ทำให้บ่าวที่อยู่บริเวณนั้น หันมาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี จึงร้องตะโกนโหวกเหวกโวยวาย แต่เสียงเรียกจากด้านบนไม่ได้ทำให้สายธารหยุดการกระทำที่โง่เขลา เขายังคงดำดิ่งลงไปใต้น้ำ พยายามปล่อยอากาศที่กักเก็บมาออกจนหมด แต่ความยากอยู่ที่ สัญชาตญาณของคนเรา มักจะหาทางเอาชีวิตรอดเสมอ ยิ่งคนที่ว่ายน้ำเป็นแบบเขา ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

ซ่า~

“คุณธาร! นั่นไงอ้ายทับ ไปพาคุณเธอขึ้นมาเร็วเข้า” สายธารที่ไม่อาจต้านสัญชาตญาณของคนได้ ก็โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ

“ทะ ทุกคนมาทำอะไรกันที่นี่”

“คุณธาร เหตุใดทำเช่นนี้อีกแล้วเจ้าคะ ฮื่อ~”

“คุณพี่ขอรับ” ทั้งนางปริก อ้ายทับ และพนัสต่างก็ขวัญเสียกันยกใหญ่ โดยเฉพาะเด็กน้อยที่ถึงกับร้องไห้ออกมา บ่าวไพร่ที่ยืนมุงอยู่บริเวณนั้นก็เอะอะโวยวายกันเสียงดัง

“ข้า ข้าแค่มาว่ายน้ำเล่นเท่านั้น พวกเจ้ากลับไปทำงานเถิด”

“ว่ายน้ำเล่นหรือเจ้าคะ”

“ใช่ๆ นี่ไง ว่ายน้ำเล่นแบบนี้น่ะ” สายธารยิ้มแฉ่ง ก่อนจะออกตัวว่ายน้ำให้ทุกคนได้เบาใจ

“เช่นนั้นก็ขึ้นมาเถิดเจ้าค่ะ” นางปริกรีบยื่นมือไปรับผู้เป็นนายขึ้นมาจากน้ำ บ่าวไพร่ที่ตกอกตกใจเมื่อครู่ก็พากันแยกย้ายไป

สายธารยังคงคิดหนักในเรื่องนี้ ตุ่มก็ไม่ได้ แม่น้ำก็ไม่ได้ หรือจะต้องเป็นที่บ่อนั้นเหมือนเดิมนะ เขาเคยได้ยินคนเฒ่าคนแก่ที่บ้านนอกบอกว่า คนตายโหงแบบนี้ วิญญาณจะเฝ้าอยู่ที่เกิดเหตุ ไม่แน่ว่าวิญญาณของเจ้าของร่างอาจจะอยู่ในบ่อนั้น

“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิดเจ้าค่ะคุณธาร”

“ข้าจำได้ว่าตอนที่โดดลงไปในบ่อน้ำครั้งนั้น ทำของสำคัญตกลงไปด้วย ข้าขออ้ายทับช่วยไปเปิดปากบ่อ ดูของให้ข้าทีสิ”

“ได้ขอรับคุณธาร” เมื่อคุยเสร็จ นางปริกจึงพานายทั้งสองขึ้นไปบนหอนอน ยังดีที่ก่อนหน้านี้คุณท่านกับคุณหญิงนวลจันทร์ออกไปตลาด ยามเย็นจึงจะกลับ ในเรือนจึงเหลือเพียงขุนเพลิงและพวกเขาเท่านั้น

“ดูสิเจ้าคะ เปียกปอนไปหมดแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็นอนพักนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวไข้จะกลับเอาได้” มือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผู้เป็นนายไป ปากก็บ่นไปด้วย กระทั่งแต่งกายเสร็จ

“พ่อพนัสก็มานอนกลางวันกับพี่สิ”

“ได้หรือขอรับ”

“ได้สิจ๊ะ มาๆ ให้พี่กอดเจ้าดีหรือไม่” สายธารตะแคงข้าง ตบมือลงบนตั่งที่ยังว่าง เด็กน้อยเห็นดังนั้นก็รีบปีนขึ้นตั่งไปนอนกับพี่ชาย ใช้เวลาไม่นานนัก ทั้งนายทั้งบ่าวก็เข้าสู่ห้วงนิทรา กระทั่งนางปริกยังหลับไปด้วย คงเพราะนางเหนื่อยล้าจากการเฝ้าไข้ผู้เป็นนายจนไม่ได้หลับได้นอน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณธารขอรับ”

“ชู่วๆ เป็นยังไงพี่ทับ” สายธารได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบออกมาเปิด ทั้งยังส่งสัญญาณไม่ให้บ่าวชายเสียงดัง

“บ่าวเปิดปากบ่อดูแล้วขอรับ ไม่พบสิ่งใดเลย เกรงว่าของอาจจะจมอยู่ก้นบ่อขอรับ”

“ถ้าอย่างงั้นก็ช่างเถอะ ว่าแต่ปิดปากบ่อหรือยัง” สายธารทำท่าไม่ใส่ใจ

“ยังขอรับ บ่าวมาเรียนคุณธารก่อน แล้วจะรีบกลับไปปิดขอรับ”

“ยังไม่ต้องปิด พาน้องข้าไปนอนที่หอนอนของเขาก่อน อยู่เฝ้าจนกว่าเขาจะตื่น แล้วค่อยไปปิดปากบ่อ”

“แต่บ่าวเกรงว่าคุณท่านจะ-”

“มิเป็นไร ข้าจะออกหน้าเอง”

“ขอรับคุณธาร” เมื่อนายสั่งเช่นนั้น มีหรือบ่าวอย่างเขาจะกล้าขัด รีบอุ้มคุณหนูน้อยกลับไปที่หอนอนทันที

สายธารเห็นว่าอ้ายทับกลับออกไปตามคำสั่ง ก็รีบหันมาดูนางปริกที่นอนอยู่ เมื่อบ่าวของเขาไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมา เขาจึงแอบย่องออกไปที่บ่อน้ำ

ขนเส้นเล็กลุกตั้งขึ้นเป็นเกลียว เมื่อสายธารยื่นหน้าลงไปดูภายในก้นบ่อ ด้านล่างมืดสนิท มองไม่เห็นกระทั่งความลึก ข้างบ่อน้ำเองก็มีตะไคร่ขึ้นจนหนาเขรอะ ดูอย่างไรก็ไม่น่าลงไปสักนิด

“ทำไมชีวิตน้องสายธารต้องมาลำบากขนาดนี้นะ คุณพ่อคุณแม่ช่วยธารด้วยเถอะ…คุณสายธาร ถ้าคุณอยู่ในนี้แล้วอยากกลับเข้าร่าง ก็รีบเข้านะ ข้าหาโอกาสยากมาก กว่าจะมาทำแบบนี้ได้” ร่างอ้อนแอ้นเดินวนไปวนมา ปากก็เอ่ยบ่นไปเรื่อย ดูก็รู้ว่าประหม่ามากเพียงใด

สายธารถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะตัดใจปีนขึ้นไปบนปากบ่อ ขาข้างหนึ่งควบลงไปในบ่อเรียบร้อยแล้ว แต่ขาอีกข้างยังคงเหยียบอยู่บนพื้น ใจดวงน้อยก็สั่นไปด้วยความกลัว

ยังไม่ทันที่สายธารจะตัดสินใจโดดลงไป เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงเข้มดังมาจากด้านหลัง

“คิดจะทำอันใดของเจ้า!”

“ว๊าย!!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel