ตอนที่ 6
“หนูดาว... ฟังยายนะลูก คนพวกนั้นเขาถึงคราวของเขาเอง ไม่ได้เกี่ยวกับหนูดาวเลยลูก หนูก็รู้ดีกว่าใครว่าหนูไม่ได้ทำอะไรพวกเขาเลย หนูจะเป็นผู้หญิงกินผัวได้ยังไงล่ะลูก ในเมื่อ...”
“แต่พวกเขา... พวกเขาก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของหนูแล้วนะคะ”
ใบหน้านองน้ำตายังคงซบลงกับตักอบอุ่นของผู้เป็นยาย อ้อมกอดของยายและฝ่ามือที่ลูบไล้ปลอบโยนทำให้เธอคลายความเสียใจไปได้มาก ถ้าจะไม่ได้ยินประโยคต่อมาของแม่และยายที่ช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ก็แค่สามีในนาม ยัยดาว แกอย่ามาคร่ำครวญให้มาก ถือซะว่าคนพวกนั้นไม่ได้เป็นคู่ของแกก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นแกก็ต้องได้ตบแต่งกับพวกเขาสำเร็จไปแล้วสิ ไม่ต้องร้องไห้ ให้มันรู้ไปสิว่าแม่จะหาสามีคนใหม่ให้แกไม่ได้ และแม่ก็จะไม่ยอมให้ใครมาว่าลูกแม่เป็นผู้หญิงกินผัวหรอกนะ แกคอยดู แม่จะหาผู้ชายที่ทั้งหล่อทั้งรวยกว่าทวิชให้แกให้ได้ และเขาก็จะต้องไม่ตายด้วย ยังไงแกก็ต้องมีหลานให้แม่อุ้ม ไอ้คนไหนที่มันว่าแกอีก แม่จะจัดการมันให้เรียบ”
ระพีพรรณยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์ เพราะครั้งแรกเท่านั้นที่เธอไปงานศพของสราวุฒิ และก็ทนไม่ได้ถึงกับปะทะฝีปากกับพวกชอบนินทาชาวบ้าน นอกนั้นไม่ว่าจะงานของอุเทนจนถึงงานของทวิช เธอก็ไม่เคยคิดจะเหยียบย่างไป เพราะคงทนไม่ได้แน่ที่จะให้ใครมาต่อว่าลูกสาว และทั้งไม่เห็นด้วยสักนิดที่ธนิษฐายังดื้อรั้นที่จะไปให้ได้ สุดท้ายก็ต้องเจ็บปวดกลับมาแบบนี้
“จริงด้วยลูก แม่เขาพูดถูกนะ เดี๋ยวยายกับแม่จะช่วยกันหาผู้ชายดีๆ มาแต่งงานกับหนูดาวเอง หนูดาวไม่ต้องห่วง จะไม่มีใครกล้ามาว่าหนูดาวของยายให้เสียๆ หายๆ อีก และเจ้าบ่าวคนต่อไปของหนูดาว ก็จะต้องดีกว่าทั้ง 3 คนนั่นแน่ ใช่มั้ยแม่พรรณ เราจะดูผู้ชายดีๆ ให้ลูกสาวได้ใช่มั้ย” รุจีสนับสนุนในความคิดของลูกสาว และครั้งนี้เธอก็มั่นใจว่าเจ้าบ่าวของธนิษฐาจะต้องอยู่รอดปลอดภัยจนมีเหลนให้เธอได้อุ้มแน่
“ได้สิคะแม่ เชื่อมือพรรณเถอะ ผู้ชายดีๆ ยังมีอีกเยอะ ยัยดาวก็ยังสาวยังแส้จะกลัวอะไร แกไม่ต้องร้องไห้แล้วยัยดาว เดี๋ยวไม่สวย ไปไป... แกจะไปเสริมสวยไปทำผมทำหน้าก็ตามใจ ให้แกสวยเข้าไว้นะยัยดาว อย่าให้ใครมันมาว่าแกโทรมล่ะ แม่ไม่ยอมด้วย หรือเราจะไปกับยัยดาวด้วยคะแม่ พรรณอยากสระผมเหมือนกัน”
“ดีๆ แม่ก็อยากไปม้วนโรลใหม่ ไม่อยากทำผมซ้ำกับงานที่แล้ว”
แม่กับยายที่เอ่ยสนับสนุนกันไปมา ไม่ต่างจากเธอกำลังอยู่ในความฝัน จะมีใครสักคนไหมที่เข้าใจหัวอกของเธอบ้าง เธออยากแต่งงานกับใครเหรอ เธอเหรอที่อยากแต่งงานในทุกครั้ง หรือเธอเหรอที่อยากแต่งงานครั้งที่ 4
ธนิษฐาสั่นสะอื้นอยู่ในหัวอก อยากให้สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นเพียงภาพฝัน เป็นเพียงฝันร้ายที่เมื่อตื่นขึ้นมาก็จะหายไป แต่ก้อนสะอื้นที่วิ่งขึ้นมาจุกอยู่ที่ลำคอ และหยาดน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลรินไม่หยุดนั้นย้ำเตือนว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน แต่มันเป็นความจริงอันแสนจะขมขื่น ความจริงที่เธอต้องกินน้ำตาต่างข้าวไปอีกนานเท่าไร ความทรงจำอันโหดร้ายนี้จึงจะลบเลือน
“ไม่นะคะ ดาวจะไม่แต่งงานกับใครอีกแล้ว ดาวไม่แต่ง...”
“อ้าว... ทำไมล่ะลูก หนูดาวจะได้มีความสุข ไม่ต้องไปแคร์ใครทั้งนั้นนะลูก ยายกับแม่จะจัดการเอง เจ้าบ่าวคนใหม่ของหนูดาวจะต้องทำให้หนูดาวมีความสุขได้แน่ๆ ยายรับรอง หนูดาวไม่ต้องกลัวนะลูก” รุจียังคงลูบหลังลูบไหล่หลานสาวอย่างสงสาร เพราะคิดว่าธนิษฐาคงจะขวัญเสียกับการมีคู่ครองไปเสียแล้ว
“ไม่คะ หนูจะไม่แต่งงานกับใครอีกแล้ว หนูไม่แต่ง!”
ธนิษฐาที่ปฏิเสธเสียงแข็งทำให้ระพีพรรณหันไปมองหน้ากับผู้เป็นแม่ ก่อนจะตวาดธนิษฐากลับมาเหมือนกันที่กล้าประสาทเสียใส่แม่ตัวเอง
“เอ๊ะ! แกนี่ มันเป็นยังไงนะยัยดาว แกไม่ต้องไปสนใจคำพูดใครทั้งนั้น ใครคนไหนที่มันว่าแก แม่จะจัดการเอง แกแค่ทำตัวสวยๆ รอเป็นเจ้าสาวเท่านั้น แม่จะทำให้แกมีความสุขให้ได้”
“ใช่หนูดาวลูก อย่ากังวลไปเลยนะ ถ้าวันนี้หนูยังไม่อยากไปไหนก็ขึ้นไปพักผ่อนก่อนก็ได้ ทางนี้ยายกับแม่จะจัดการให้หนูเอง หนูดาวไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น นะลูก ทำใจให้สบาย” รุจีเช็ดหยาดน้ำตาของหลานสาว ใบหน้าเศร้าสร้อยและดวงตาฉ่ำน้ำที่มองสบมายิ่งทำให้เธอสงสารคนขวัญเสียเหลือเกิน
“แม่คะ พรรณว่าคุณวรากรณ์ผู้จัดการธนาคารที่เราไปเจอวันนั้นก็ดูดีนะคะแม่ พรรณแอบถามมาแล้ว เขายังโสดอยู่”
“ดีๆ แม่เห็นด้วย แต่แม่ก็นึกเสียดายคุณปราโมทย์นะ คนหนุ่มอนาคตไกลแบบนั้น แม่ว่าถ้าเราได้คุณปราโมทย์มาเป็นเขย เราคงได้บินฟรีทั้งปีแน่” รุจีหมายถึงกัปตันเครื่องบินสุดหล่อที่พบกันเมื่อครั้งที่ทวิชพาธนิษฐา เธอและลูกสาวไปเที่ยวต่างประเทศเมื่อครั้งที่แล้ว
