5 ทำแผล
"กลับมาแล้ว"
วันหนึ่งที่ขึ้นมาเดินเล่นบนชานบ้านเพื่อดูหมู่ดาวบนท้องฟ้าเมื่อได้เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาเธอก็จำได้ว่าเป็นรถน่านน้ำจึงรีบวิ่งลงมารับหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มทันที
"ทำไมยังไม่ไปพักผ่อน"
น่านน้ำเปิดประตูลงจากรถได้ก็ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กในชุดนอนเจ้าหญิงสีชมพูปล่อยผมสยายด้วยแววตาฉงนว่าเธอมาทำอะไรตรงนี้เพราะตอนนี้ดึกพอสมควร
"รอพ่อเลี้ยงกลับมาก่อนค่ะ"
สาวเจ้าฉีกยิ้มตอบเสียงใส
"อุ่นไม่ได้บอกหรือไงว่าไม่ต้องรอ"
คนที่ถูกถามไม่ได้สนใจคำถามสักนิดเธอค่อยๆเดินเข้าไปเพ่งมองหน้าพ่อเลี้ยงหนุ่มใกล้ๆก็เห็นว่าใบหน้าของเขาเขียวช้ำแถมริมฝีปากยังมีรอยแตกเลือดซิบอีกต่างหาก
"หน้าพ่อเลี้ยงเป็นอะไรคะทำไมช้ำแบบนั้น...เข้าบ้านก่อนค่ะเดี๋ยวหนึ่งทำแผลให้"
วันหนึ่งรีบดึงมือน่านน้ำเข้าไปในบ้าน พฤติกรรมของหญิงสาวทำน่านน้ำตกใจพอสมควรเพราะน้อยคนนักที่จะเข้าถึงเนื้อถึงตัวของเขา
"ไปมีเรื่องกับใครมาหรอคะ"
วันหนึ่งหยิบกล้องปฐมพยาบาลมาวางตรงหน้าน่านน้ำก่อนจะนั่งลงบนโซฟาข้างๆชายหนุ่มเธอเอาแต่มองรอบๆหน้าของคนบาดเจ็บด้วยสายตาที่เป็นห่วงทั้งยังอยากรู้ว่าเขาไปทำอะไรมากันแน่ถึงได้มีสภาพกลับมาเช่นนี้
"คุณไปพักเถอะผมทำแผลเองได้"
"ไม่ได้ค่ะหนึ่งจะดูแลพ่อเลี้ยงเอง"
เมื่อสาวเจ้ากำลังเป็นคนที่พูดไม่รู้เรื่องน่านน้ำจึงเลือกที่จะเงียบและจัดการดึงอุปกรณ์ทำแผลออกมาเพื่อทำแผลเองแต่ของทุกอย่างก็ถูกรวบไปอยู่ในมิอของวันหนึ่ง
"แฮร่...ขอทำแผลให้พ่อเลี้ยงนะคะเสร็จแล้วจะไม่กวนอะไรเลยค่ะ"
"อืม"
และแล้วพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ต้องพ่ายให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของสาวน้อยตรงหน้าจนได้
"ช้ำแค่หน้าใช่หรือเปล่าคะตรงตัวมีด้วยหรือเปล่า"
มือน้อยยื่นไปเปิดปกเสื้อเชิ้ตของพ่อเลี้ยงหนุ่มทำเอาน่านน้ำต้องรีบรั้งข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่เธอจะเปิดดูเนื้อหนังในตัวของเขาอย่างไม่คิดเขินอาย
"คุณ"
"ไม่ต้องอายหรอกค่ะพ่อเลี้ยงหนึ่งจะช่วยดูให้ค่ะ"
สาวเจ้าเงยหน้ายิ้มกับคนที่จับมือเธอเอาไว้
"ตัวผมไม่ได้เป็นอะไรมีแผลแค่ที่หน้าเท่านั้น"
"โอเคค่ะงั้นหนึ่งจะทำแผลแค่ที่หน้าพอค่ะ"
น่านน้ำมองจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาฉงนไม่เข้าใจว่าหญิงสาวถูกปลูกฝังมาแบบไหนเรื่องเมื่อครู่เขาไม่ได้อายแต่คนที่จะอายควรจะเป็นฝ่ายหญิงสาวมากกว่า
"ดูซิ.. หน้าหล่อๆบวมช้ำหมดตกลงไปโดนอะไรมาคะ"
หลังจากทำแผลเสร็จวันหนึ่งก็มองจ้องสำรวจใบหน้าของน่านน้ำไปมาทั้งบุ้ยปากบ่นอุกถึงอาการบวมช้ำของหน้าว่าที่สามีของเธอและยังคงถามย้ำถึงสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบ
"ทำแผลเสร็จคุณบอกว่าจะไม่กวนไง"
น่านน้ำเริ่มรู้แล้วว่าเขาน่าจะคิดผิดที่เลือกคนพูดมากมาเป็นคนดูแลบ้านแต่ก็หลวมตัวรับเธอเข้ามาแล้วเห็นทีคงจะต้องทำใจ
"โอเคค่ะ...หนึ่งไปนอนแล้วนะคะ"
"อืม.."
คนตัวเล็กผุดลุกเดินเอากล่องปฐมพยาบาลไปเก็บก่อนจะหันหลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหาน่านน้ำอีกครั้ง
"พ่อเลี้ยง"
"หื้มม.." คนที่นึกว่าสาวเจ้ากลับเข้าห้องไปแล้วสะดุ้งตัวโยนเมื่อถูกเรียกเสียงดัง
"ตกใจหมด"
"เมื่อกี้ลืมบอกว่าฝันดีค่ะพ่อเลี้ยงรีบพักผ่อนนะคะแผลจะได้หายไวๆ"
"โอเค"
น่านน้ำส่ายหัวยืนมองจนสาวเจ้ากลับเข้าห้องไปถึงกลับมานั่งสบายใจได้ไม่รู้ว่าเธอเป็นญาติฝ่ายไหนของอุไรและไออุ่นเพราะนิสัยของเธอไม่เหมือนสองคนนั้นสักนิดเดาได้ว่าเธอคงเป็นจำพวกที่ผ่าเหล่าผ่ากอแน่นอน
ฟึ่บ.. "โอ่ยย.."
วันหนึ่งสีหน้าเหยเกเมื่อทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเล็กเธอลืมไปว่าเตียงที่นอนไม่ได้นิ่มเด้งเหมือนที่เคยนอนมาก่อนเห็นทีต้องหัดนิสัยการทิ้งตัวนอนใหม่เสียแล้ว
(วิธีการเข้าหาคนโลกส่วนตัวสูง)
สาวเจ้าพลิกคว่ำหน้ากับหมอนนอนเล่นมือถือพิมพ์หาข้อมูลการเข้าหาคนโลกส่วนตัวสูงเพื่อที่จะเอาไปใช้กับพ่อเลี้ยงหนุ่ม
"อย่าเข้าหาแบบจู่โจม หากจะคุยต้องรู้ว่าเค้าชอบเรื่องอะไรแล้วเราก็ค่อยหาเรื่องนั้นมาคุย ห้ามหยอดบ่อย ทิ้งระยะห่างบ้าง"
วันหนึ่งอ่านข้อมูลครู่หนึ่งก็เตรียมคัดลอกข้อความสำคัญๆลงโน๊ตมือถือเอาไว้ท่องให้ขึ้นใจ
"ขอให้ใช้ได้ผลจริงๆเถอะ..ถ้าได้ผลวันหนึ่งคนนี้แหละจะดันกระทู้นี้ให้ดังเปรี้ยงปร้างเล้ยย"
ว่าจบก็นอนกลิ้งเกลือกกับเตียงนอนดึงผ้าห่มผืนหนามากอดนอนหลับเอาแรงไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ที่เธอต้องเริ่มงานเป็นแม่ครัวและแม่บ้านเต็มตัว
เช้ามืดวันต่อมา
กรี๊งงงง... กรี๊งงงงง
"อืม..อีกแปปนะคะคุณย่า"
คนตัวเล็กที่นอนพาดอยู่กับเตียงควานไม้ควานมือไปทั่วหมายจะปิดมือถือที่กำลังปลุกแต่ก็ควานหาไม่เจอ
กรี๊งงงง...กรี๊งงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นเรื่อยๆทำวันหนึ่งเริ่มได้สติว่าตอนนี้เธอไม่ได้ใช้ชีวิตแบบคุณหนูเช่นเดิมแล้วจึงผุดลุกขึ้นมาด้วยท่าทางงัวเงีย
"เป็นแม่ครัววันแรกนี่นา"
สาวเจ้าหยิบมือถือที่กำบังส่งเสียงปลุกขึ้นมาปิดเตือนก่อนจะล้มพับไปกับเตียงอีกรอบ
ฟึ่บบ.."อ่อยย.. ง่วงจางง.."
มือน้อยทั้งสองยกขยี้หูขยี้ตาให้ตัวเองได้ตื่นตัวและดีดตัวลุกขึ้นยืนขึ้นมาได้
"ฮึ่ยย.. ไม่ได้เราต้องยึดมั่นในอุดมการณ์"
คนตัวเล็กว่าพร้อมไปเปิดไฟให้ห้องสว่างเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้วจึงออกมาจากห้องขณะที่กำลังจะเลี้ยวตัวหันเข้าไปในครัวเธอก็เห็นชายหนุ่มแต่งตัวทำงานเต็มยศลงบันไดมาเสียก่อนจึงยืนอ้าปากบ๋อมองพ่อเลี้ยงหนุ่มด้วยสายตาที่แอบทึ่งไม่ยักรู้ว่าเขาจะขยันทำงานจนต้องออกจากบ้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า
“พ่อเลี้ยงจะไปทำงานแต่เช้ามืดดด..เลยหรอคะ”
“ผมจะเข้าไปในฟาร์มแกะน่ะมีคนโทรมาบอกว่ามีแกะออกลูกต้องไปดูหน่อยเดี๋ยวคุณทำกับข้าวเสร็จก็เอาไปส่งผมที่นั่นจักรยานสีขาวอยู่ข้างบ้านเอาคันนั้นไป”
“แล้วฟาร์มแกะอยู่ตรงไหนล่ะคะ”
วันหนึ่งรีบเรียกคนที่กำลังจะเดินหันหลังออกจากบ้านไปเพราะเธอไม่เคยรู้ว่าที่นี่มีฟาร์มแกะและไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนด้วย
“ออกจากบ้านเจอสามแยกแรกก็จะเห็นเสาร์ที่ตั้งป้ายชี้ไปทางฟาร์มแกะเลี้ยวซ้ายตามทางประมาณสองกิโลกว่าๆคุณก็จะเห็นฟาร์มแล้ว”
“ค่ะ”
ร่วมสองชั่วโมงกว่าได้ที่วันหนึ่งง่วนอยู่กับการเข้าครัวทำอาหารเช้าและกลางวันใส่ปิ่นโตให้พ่อเลี้ยงหนุ่มเธอเห็นว่าเรื่องทำอาหารก็ไม่ได้มีอะไรยากเพราะสามารถเปิดดูวิธีทำในอินเตอร์เน็ตได้และเครื่องครัวต่างๆเธอก็เคยได้ใช้บ้างแล้วเมื่ออยู่ต่างประเทศกับย่าของเธอ
“ข้าวต้มกุ้งที่ขาดหอมผักชีโรยหน้า..กะหล่ำปลีผัดน้ำปลาที่อาจจะเค็มไปนิด..ปลานิลทอดที่มีรอยไหม้เล็กน้อยบวกข้าวหอมมะลิที่แฉะไปหน่อย..หวังว่าคุณจะชอบนะคะคุณพ่อเลี้ยง”
สาวเจ้าจัดแจงอาหารใส่ปิ่นโตสแตนเลสเถาใหญ่อย่างระวังมือภูมิใจกับตัวเองพอสมควรที่ทำอาหารหลายอย่างครั้งแรกได้ออกมาดีกว่าที่คิดแต่ก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะถูกปากหรือเปล่ายังไงในใจก็ภาวนาอยู่ตลอดว่าขอให้เขาติดใจในเสน่ห์ปลายจวักของเธอด้วยแล้วกัน
“แดดออกแล้วยืมหน่อยแล้วกันนะคะ”
คนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีขาวรัดรูปกับกางเกงวอมขายาวสีเทาเดินถือปิ่นโตเถาใหญ่มาวางที่โต๊ะไม้ใหญ่หน้าบ้านมองไปข้างนอกตอนนี้แดดจ้าแล้วเธอจึงหยิบหมวกคาวบอยสีน้ำตาลที่ห้อยอยู่เสาหน้าบ้านของพ่อเลี้ยงหนุ่มเอามาใส่แม้นแสงตอนนี้จะเป็นแสดงแดดยามเช้าที่ใครก็ว่าแดดนี้มีประโยชน์แต่ก็อาจจะทำให้หน้าของเธอขึ้นฝ้าได้เหมือนกัน
“จะใช้จักรยานแล้วทำไมไม่เอาขึ้นกระบะไปนะ..ต้องให้เราจูงไปอีกอีตาพ่อเลี้ยงคนนี้นี่”
คนตัวเล็กจูงจักรยานแม่บ้านคันสีขาวที่มีปิ่นโตวางอยู่ในตระกร้าหน้าออกมาจากบ้านมาได้ยังไม่ถึงครึ่งทางที่จะไปฟาร์มแกะเธอก็บ่นอุกถึงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่ตัวเองนั้นมีรถกระบะคันใหญ่ด้านหลังสามารถเอาจักรยานขึ้นไปได้ก็ไม่เอาไปตั้งแต่แรกแต่มาสั่งให้เธอที่ปั่นจักรยานไม่เป็นเอาไปให้เสียอย่างนั้นลำพังแค่เดินก็เหนื่อยอยู่แล้วนี่ยังต้องมาจูงจักรยานขึ้นลงเนินเล็กเนินน้อยอีกจึงรู้สึกหงุดหงิดใจพอสมควร
