4 ปีนเกลียว
“พ่อมีคนมาหา”
ทรงพลลูกชายคนเดียวของทรงยศจอมอันธพาลในย่านนี้ที่ใครๆก็รู้จักดีเดินนำหน้าน่านน้ำขึ้นมาทีเรือนไม้ในห้องทำงานคนเป็นพ่อด้วยสีหน้าที่ประหลาดใจพอสมควรเพราะน้อยครั้งนักที่คนของไร่เพชรพนาจะมาที่นี่แถมวันนี้ยังเป็นพ่อเลี้ยงของไร่เป็นคนมาเองด้วย
“อ้าว..พ่อเลี้ยงทำไมถึงมาที่นี่กะทันหันได้หรือตัดสินใจได้แล้วว่าจะขายที่ให้ผม..อย่างว่าแหละน้าเด็กหนุ่มไฟแรงคนกรุงเทพอย่างคุณหรือจะมาทำสวนทำไร่”
ทรงยศเสี่ยใหญ่ร่างท้วมรีบเข้ามาทักทายน่านน้ำหน้าระรื่นที่เห็นพ่อเล้ยงหนุ่มมาหาถึงที่ในยามเย็นเช่นนี้
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรเสี่ยก็อย่าคิดเองเออเองสิครับ...ผมไม่ได้อยากมาเหยียบที่นี่แต่ที่ต้องมาเพราะผมจะมาถามให้แน่ใจว่าสวนป่าของผมที่ถูกไฟไหม้เสี่ยไม่เกี่ยวข้องใช่หรือเปล่าครับเพราะผมคิดว่าคนอย่างเสี่ยคงจะไม่ใช้วิธีหมาลอบกัด”
น่านน้ำยืนจ้องหน้าทรงยศด้วยสายตาและท่าทีที่ไม่ได้ให้ความเคารพเท่าไรเพราะเขาเชื่อว่าฝีมือการเผาสวนป่าก็คงไม่พ้นเป็นคนของทรงยศเพราะเป็นคนเดียวที่อยากได้ที่ของเขานักหนาและขึ้นชื่อเรื่องการเล่นสกปรกเป็นที่สุดด้วยไร่หลายที่ในจังหวัดน่านทรงยศก็ได้มาจากการคดโกงหรือไม่ก็ใช้อำนาจเงินและอิทธิพลของตัวเองเพื่อให้ได้มาสิ่งที่ต้องการทั้งนั้นถึงคนอื่นจะกลัวในอำนาจของทรงยศเพียงใดแต่เขาก็ไม่เคยคิดกลัวคนแบบนี้แม้แต่น้อย
“หึ่..ตรงไปตรงมาดี”
สีหน้าของเสี่ยใหญ่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นเพราะรู้สึกว่ากำลังถูกเด็กปีนเกลียวถึงที่ ทางด้านทรงพลก็เริ่มยืนกอดอกจ้องน่านน้ำเขม็งด้วยไม่ชอบใจที่ชายหนุ่มมาวางท่าทำเก่งในถิ่นของตัวเอง
“จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวผมขอไม่ตอบ...แต่ถ้าอะไรที่ผมอยากจะได้มันจะต้องได้ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม”
ทรงยศก้าวเข้ามาประชิดตัวของน่านน้ำก่อนจะว่าด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“เสี่ยจะอยากได้อะไรของใครหรือใช้วิธีไหนก็เรื่องของเสี่ยแต่อย่ามาอยากได้ในสิ่งที่ผมไม่อยากให้เพราะผมจะไม่มีทางยอมง่ายๆแน่แล้วถ้าผมจับได้คาหนังคาเขาว่าใครเล่นสกปรกผมไม่เอาไว้แน่”
ฟึ่บบ.. น่านน้ำว่าจบทรงพลก็ทนไม่ไหวกระชากคอเสื้อของคนที่ปากดีเต็มแรงในฐานที่กล้าก้าวร้าวกับพ่อของเขา
“มึงขู่ใครวะ”
ปึก..“ ทำไมวะ”
น่านน้ำผลักคนที่ทำกิริยาต่ำทรามจนกระเด็นไปที่พื้นทำทรงพลเสียหน้าต่อหน้าลูกน้องและพ่อของตัวเองมากจึงผุดลุกวาดหมัดไปที่หน้าของน่านน้ำจนพ่อเลี้ยงหนุ่มหน้าหัน
พลั้ก..ปัก ตุบ ตับ
ตอนนี้สองหนุ่มเลยรัวหมัดกันชุลมุนจนทรงยศต้องสั่งให้ลูกน้องจับแยกเพราะไม่อยากให้มีเรื่องมีราวใหญ่โตและเขากับลูกก็จะต้องเสียเวลาไปโรงพักกันอีก
“กลับไปได้แล้วพ่อเลี้ยง”
เมื่อคนของทรงยศจับแยกทั้งสองได้ทรงยศก็รีบไล่น่านน้ำให้กลับไป
“หึ่..”
น่านน้ำหยิบหมวกที่ล่วงพื้นกลับมาใส่เช่นเดิมทั้งยังมองจ้องไปยังทรงพลด้วยแววตาแข็งกร้าวไม่เกรงกลัวก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ”
ทรงพลสะบัดตัวออกจากมือของคนของพ่อตนเขาตะโกนตามหลังไวๆของน่านน้ำด้วยความโมโหสุดขีด
“ถ้าฉันไม่จับแยกแกเละไปแล้ว”
ทรงพลตวาดลูกชายตัวดีที่ฝีมือไม่ถึงแล้วยังทำเก่งที่เขาต้องจับแยกเพราะรู้ว่าหากสู้กันไปมากกว่านี้ต้องมีใครเจ็บตัวหนักแล้วเรื่องก็จะถึงโรงถึงศาลเขาไม่ค่อยชอบไปที่แบบนั้นเท่าไรนัก
“พ่อไม่ให้คนรุมกระทืบมันล่ะ”
ทรงพลยังเคืองใจคนเป็นพ่อที่ปล่อยให้เขาต่อยอยู่กับน่านน้ำสองคนอยู่ได้ทั้งที่พ่อเลี้ยงหนุ่มนั่นมาที่นี่คนเดียว
“ขี้เกียจหาเรื่องเข้าตัวโว้ย..แล้วฉันถามแกหน่อยเรื่องไฟไหม้สวนป่าที่ไร่เพชรพนาฝีมือแกใช่มั้ย”
คนที่กำลังฟึดฟัดมองค้อนเคืองใจคนเป็นพ่อคราแรกตอนนี้เริ่มหลบสายตาไม่พูดไม่จาอะไรจนทรงยศรู้ได้ว่าหากลูกชายมีอาการเช่นนี้ก็ไม่ต้องเค้นคำตอบกันแล้วคงจะจริงอย่างที่เขาคิด
“ฉันบอกแกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง”
ทรงยศกัดฟันกรอดถลึงตามองลูกชายตัวดีด้วยอาการไม่พอใจหนักเขาตะหงิดใจอยู่แล้วเชียวว่าทำไมสวนป่าของไร่เพชรพนาถึงได้ไฟไหม้ติดกันที่เดิมๆ
“ผมก็แค่อยากทำให้มันรู้ว่าถ้ามันไม่ยอมขายที่ง่ายๆก็จะถูกแกล้งก่อกวนแบบนี้”
“โถ่โว้ย..ทีหลังไม่ต้องเสือกฉันมีแผนของฉันอยู่แล้วต่อจากนี้หยุดไปยุ่งอะไรที่ฉันไม่ได้สั่ง”
“ครับ”
ทรงยศยืนเท้าเอวส่ายหัวกับลูกชายตัวดีที่ทำอะไรไม่ค่อยได้อย่างใจไอ้ที่สั่งทำไม่ค่อยได้ไอ้ที่ไม่อยากให้ทำเสนอหน้าทำจนเขาปวดหัว
“เย็นมากแล้วพ่อเลี้ยงยังไม่เข้าบ้านอีกหรอคะพี่อุ่น”
วันหนึ่งเก็บกระเป๋าเข้าห้องแม่บ้านเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ยักจะเห็นพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับมาที่บ้านเสียที
“คงมีธุระหลายที่มั้งเดี๋ยวพี่ต้องกลับก่อนคุณหนึ่งอยู่ได้ใช่มั้ยคะ”
ไออุ่นเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเธอก็เคยได้ยินแม่ตัวเองพูดอยู่บ่อยๆว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับบ้านไม่ค่อยตรงเวลา
“ค่ะ..”
หลังจากไออุ่นกลับไปแล้ววันหนึ่งก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทำตัวให้ชินกับห้องเล็กๆที่ชั้นล่างข้างในสุดของบ้านเกิดมาเธอไม่เคยนอนห้องเล็กเท่านี้มาก่อนแต่ยังดีที่ยังมีห้องน้ำในตัวเอาไว้ให้
"เป็นอะไรของแกหน้าหงิกหน้างอมันทั้งวันแล้ว"
ดอกสร้อยยืนกวาดบ้านเห็นลูกสาวนั่งชันเข่าเท้าคางหน้าหงิกหน้างอตั้งแต่กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วจึงต้องถามเสียหน่อยเพราะรำคาญหูรำคาญตากับอาการของลูกสาวตัวเองเหลือเกิน
"ก็แม่อะ..ถ้าให้ฉันไปเป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยงป่านนี้อีนังหน้าขาวนั่นก็ไม่ได้มาอยู่บ้านเดียวกับพ่อเลี้ยงหรอก"
คนถูกถามหันมาตอบแม่ตนด้วยอาการกระฟัดกระเฟียดนึกเคืองใจที่แม่ตัวเองห้ามไม่ให้ไปเป็นแม่ครัวให้พ่อเลี้ยงหนุ่มจนตอนนี้มีแม่ครัวสาวสวยมาทำหน้าที่นั้นไปเสียได้
"ช่วยฉันอยู่ในครัวที่ไร่ก็พอแล้วฉันรู้นะแกคิดอะไรอยู่อย่ากระดี๊กระด๊าออกหน้าออกตาให้มากนักฉันกับพ่อแกจะอาย"
ดอกสร้อยวางไม้กวาดยืนเท้าเอวนึกว่าลูกเธอจะเลิกอารมณ์เสียกับเรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วเสียอีกเธอรู้ว่าเอื้องฟ้าชอบพ่อเลี้ยงหนุ่มจึงไม่อยากให้ลูกสาวไปอยู่ใกล้มากนักเพราะรู้ว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มไม่ได้คิดพิสวาสลูกเธอแม้แต่น้อยอีกอย่างหากลูกเธอไปทำอาการหึงหวงพ่อเลี้ยงออกหน้าออกตาให้คนอื่นเห็นก็จะขายหน้ามาถึงเธอกับสามีการที่ให้ลูกอยู่แต่ในครัวของไร่นี่เป็นวิธีที่ปรามลูกเธอได้ดีที่สุดแล้ว
"หุ้ย!"
เอื้องฟ้าผุดลุกสะบัดก้นหนีคนเป็นแม่เข้าไปในห้องเธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่เธอถึงไม่คิดยินดีที่เธอชมชอบคนอย่างพ่อเลี้ยงหากสนับสนุนให้เธออยู่ใกล้พ่อเลี้ยงหนุ่มป่านนี้แม่เธอคงจะได้ขึ้นเป็นแม่เลี้ยงของไร่พ่อกับแม่ของเธอก็จะสบายไปด้วย
"อ้าว..มันเป็นอะไรของมันนังลูกคนนี้"
คำอ้ายกลับเข้าบ้านมาหลังฟ้ามืดเห็นหลังไวๆของลูกสาวก็ต้องหันไปขมวดคิ้วกับคนเป็นภรรยา
"ก็ไม่พอใจที่พ่อเลี้ยงจ้างแม่ครัวคนใหม่น่ะสิ"
"ใครล่ะแม่ครัวคนใหม่"
"เห็นว่าเป็นญาติอุไรมันแถมยังสาวยังสวยฉันก็ยังไม่ได้เห็นแต่เอื้องมันไปเห็นมาตอนเอาปิ่นโตไปไว้บ้านพ่อเลี้ยง"
"เฮ่อะ!.."
คำอ้ายส่ายหัวด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายนิสัยของลูกสาวรู้ได้เลยว่าหากเอื้องฟ้าไม่ได้เป็นลูกของเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการไร่ป่านนี้ไม่มีใครคิดอยากจะสนทนาด้วยนักหรอก
