บทที่ 5 กับดัก
ดารันน้ำตาเอ่อคลอ แววตาหม่น
“ดาแค่อยากให้คุณสนใจดาบ้าง ดาผิดตรงไหนคะ คุณไม่ไปหาดาเป็นเดือนแล้วนะคะ ดามีคุณแค่คนเดียว จะให้ดาทำยังไงล่ะคะ!” เธอย้อนถามเสียงสั่น
“ผมไม่ได้ห้ามให้คุณมีใคร คุณอยากทำอะไรก็เชิญดารัน!”
“คุณชิน... ทำไมพูดแบบนี้ล่ะค่ะ”
“กลับไปได้แล้วดารัน ผมมีงานต้องทำ” เขาเลือกตัดบท
ดารันยืนนิ่งเหมือนถูกสาป ท่าทีที่เขามีต่อเธอ ก็รู้แล้วว่าอีกไม่นาน คอนโดที่ซื้อให้ คงไม่มีชายผู้นี้มาเยือนอีกแล้ว อะไรทำให้ราชินทร์เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ หันกายก้าวออกมาจากห้อง ร่างกายมันชาหนึบ สับสน เสียใจ จนแทบอยากกรีดร้อง
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู ก่อนมันเปิดออก ราชินทร์ในชุดลำลอง มองดูลูกน้อง กำลังเดินมาหา ชายหนุ่มผสานมือไว้ด้านหน้า จ้องมองวศินเพื่อรอฟังรายงาน เรื่องที่ให้ไปสืบ
“เธอคือลูกสาวของคุณอนุวัช ชื่อคุณอโรชาครับ คุณอนุวัชเป็นเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ท รวมถึงร้านอาหารหลายแห่งครับ”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ก่อนที่วศินจะส่งไอแพดให้ ราชินทร์ชะงักมองไปยังใบหน้าชายหนุ่ม ที่คุ้นหน้า
“นพรุจเกี่ยวอะไรด้วย” เขาเอ่ยถามสีหน้าเครียด
“เธอคือแฟนสาวของนพรุจครับ”
ราชินทร์ขบกราม แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก ไม่นึกว่ามันจะเป็นแบบนี้เลย
“เห็นว่าทั้งสอง มีแพลนว่าจะแต่งงานกัน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าครับ”
“อะไรมันจะประจวบเหมาะขนาดนี้เนี่ย” เขาหัวเราะในลำคอ “ฉันกำลังคิดจะร่วมหุ้นกับคุณอนุวัชพอดีเลย ดูท่าแล้ว อีกไม่นานคงได้เจอกันแล้วล่ะแบบนี้”
“คุณราชินทร์จะให้ผม ไปพาตัวเธอมาพบไหมครับ”
“ไม่ต้องล่ะ เจอหน้ากันแบบบังเอิญ น่าจะเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์มากกว่า”
“ครับ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว นายไปทำงานเถอะวศิน”
“ครับคุณราชินทร์”
ชายหนุ่มยิ้มกว้าง หัวใจลิงโลด มือถูกกำแน่นราวกับว่า ความรู้สึกภายในกำลังปะทุออกมา ไม่คิดไม่ฝันเลยจริง ๆ ว่าเธอจะนำพาความสุข ทั้งทางกาย และใจมาให้กับเขาแบบนี้
เขาวางแผนการหลายอย่าง ในระยะเวลาห้าปี เพื่อหวนกลับมาทวงทุกอย่างคืน จากคนที่มันทำให้ครอบครัวของเขา ต้องบ้านแตก พ่อกับแม่ต้องเสียชีวิตอย่างน่าอดสู่ในเหตุการณ์นั้น พวกมันต้องชดใช้ แต่ไม่คิดว่า ผู้หญิงที่เขาได้กกกอดในค่ำคืนนั้น จะกลายเป็นหมากสำคัญในเกมนี้
อโรชาวางกระเป๋าบนเตียง นั่งเหม่อราวกับคนไร้จิตใจ เพียงแค่คิดถึงหัวใจมันสั่นขึ้นมา มือยกกอดตัวเอง ต่อให้ใช้สายน้ำชำระล้างร่างกายอย่างไร ก็ไม่มีทางลบร่องรอยเหล่านั้นออกได้
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตู อโรชาเดินมาเปิดมันออก เห็นน้องสาวต่างสายเลือด กำลังยิ้มกว้าง เธอสงสัย ตกลงธนิดาจงใจ หรือตนเองเข้าผิดห้องกันแน่
“นิดขอเข้าไปหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ”
ธนิดาเดินเข้ามาด้านใน หย่อนกายลงบนเก้าอี้บุนวม จ้องมองพี่สาว ตีสีหน้าเป็นห่วง
“พี่โรสคะ พอดีนิดมีเรื่องอยากถามพี่หน่อยน่ะค่ะ ตอนนี้ทุกคนในบ้านเป็นห่วงพี่มาก เพราะพี่ไม่ยอมคุยกับใครเลย” เธอเว้นคำพูด สบตาพี่สาว “งานวันเกิดยัยกุล พี่โรสหายไปไหนมาทั้งคืนเหรอคะ”
คนถูกถามชะงัก สีหน้าเผือดลงในทันที มือกำแน่น ริมฝีปากสั่นระริก
“พอดีพี่เมามาก เลยไม่ได้ตื่นกลับบ้าน”
“แปลกนะคะ เพราะตอนนิดกลับ นิดไปหาที่ห้องแล้วไม่เจอพี่โรส นิดคิดว่าพี่กลับไปแล้วด้วยซ้ำน่ะค่ะ”
ยิ่งถูกซัก เหงื่อยิ่งผุดพราย ธนิดาจ้องมองกระตุกยิ้มมุมปาก
“พี่ก็นอนในห้องที่นิดพาไปนั่นแหละจ้ะ นิดอาจเมาแล้วหาห้องผิดหรือเปล่า”
ธนิดาแสร้งครุ่นคิด “คงจะเป็นอย่างนั้น” น้องสาวดึงมือพี่มากุมไว้ “พี่โรสไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยจากับใคร น้องเป็นห่วงนะคะ”
เธอยิ้มบาง ๆ “ไม่ต้องห่วงหรอกนิด พี่เครียดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วค่ะ นิดขอตัวก่อนนะคะ” ธนิดาลุกยืน แล้วก้าวออกจากห้องไป
อโรชาสับสน ไม่แต่ใจ ตกลงที่เธออยู่ห้องของชายแปลกหน้า มันคือความบังเอิญ หรือจงใจของใครกันแน่ ทำไมโชคชะตาถึงใจร้ายเพียงนี้ มือถือดังขึ้น อโรชามองมัน แค่เห็นหน้าจอก็รู้ว่าใคร ควรหลงลืมเรื่องราวไป แล้วเริ่มต้นกับคนรัก ดีหรือไม่ ทว่าความผิดในหัวใจ มันกลับเอ่อล้นขึ้นมา ยามเห็นหน้าแฟนหนุ่มของตัวเองทุกที
“ค่ะรุจ” เธอกรอกเสียง
“โรส... ทำอะไรอยู่ครับ”
“กำลังนั่งเล่นในห้องค่ะ”
“ผมนึกว่าคุณจะไม่รับสายผมแล้ว” ปลายสายบอกเสียงอ่อนโยน ระคนความเป็นห่วง
“ขอโทษด้วยค่ะรุจ พอดีช่วงนี้ โรสเครียดเรื่องงานนิดหน่อย”
“ผมเข้าใจครับ” ชายหนุ่มเว้นคำพูด “เรื่องงานแต่งของเรา อีกสองเดือน ผมอยากให้เราไปเลือกชุดด้วยกันน่ะครับ คุณว่างวันไหน”
