ตอนที่ 4
4
“ปะเปล่าค่ะพี่ปลา นิลขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” ลินินผวาลุกขึ้นเดินไปห้องน้ำแข้งขาสั่นจนเกือบจะทรุดกองอยู่กับพื้น
ไม่! ผู้ชายคนนั้นจะพี่จักรได้ยังไง ก็พี่จักรไม่ได้อยู่เมืองไทยสักหน่อย ไม่เป็นไรน่ายายนิล อย่าคิดมากจนเห็นผู้ชายคนอื่นเป็น...จักรธรสิ!
ลินินคิดว่าการรับงานของปลาดาวทำให้ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ชายตัวร้ายอย่างโยชิ ไปกระตุ้นความกลัวที่ฝังรากลึกอยู่ในใจทำให้มองเห็นใครก็ไม่รู้เป็นจักรธร
หญิงสาวรีบปรับอารมณ์ตัวเองให้คงที่ เรียกความมั่นใจกลับคืนมา ลินินหยิบแป้งเด็กในกระเป๋าขึ้นมาผัดหน้าและลิปติกมันอมสีชมพูทาปากพยายามทำตัวให้ปกติมากที่สุด เพื่อจะไม่ให้พี่สาวเป็นกังวล
“สวัสดีน้องนิล ไม่เจอกันนานสบายไหม”
มะ...ไม่จริงเป็นไปไม่ได้ พะ....พี่จักร!
ลินินหยุดชะงัก สาวเท้าก้าวไปด้านหลัง ดวงตาเบิกกว้าง มือจับกระเป๋าใบเล็กไว้แน่น ใจหล่นไปกองอยู่ที่ปลายเท้า ส่ายหัวขณะหยิกมือตัวเองจนเจ็บ แต่ชายตรงหน้าก็ยังคงเป็น จักรธร! ที่ไม่ได้หายไปไหนเลยแล้วยังจะยืนยิ้มมองเธออย่างพออกพอใจด้วย
“สวัสดีจ้ะน้องนิล ไม่เจอกันหลายปี น้องนิลสวยขึ้นจนพี่แทบจำไม่ได้เลยนะจ๊ะ”
ชายหนุ่มเสียงกระซิบใกล้ใบหูเล็กและหายใจใส่ผิวเนื้อนวลเนียน พลางกวาดสายตาคมไปทั่วร่างบาง
ลินินสวยขึ้นจนแทบจำไม่ได้ แต่มีอย่างหนึ่งที่ทำให้จำได้ไม่เคยลืม ใบหน้าและดวงตาที่หวาดกลัวเวลาที่เขาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
เสียงหัวเราะที่แว่วดังเข้าหู ทำให้ลินินผวาแทบจะทรุดกองกับพื้น
“อรเสร็จแล้วค่ะจักร ไปกันได้หรือยังคะที่รัก” เสียงหวานใสพร้อมสาวสวยแต่งหน้าเข้มจนมองแทบไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง เสื้อผ้ารัดรูปอวดเน้นและโชว์สัดส่วนอวบอั๋นขาวนวลเนียนเดินเข้ามากอดแขนจักรธรแสดงความเป็นเจ้าของ
“ใครคะจักร”
“คนเคยรู้จักนะอร ไม่เจอกันหลายปีแล้วล่ะ ไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่นะที่รัก” จักรธรตอบ พลางโอบแขนรอบไหล่เนียนไล้นิ้วร้อนบนไหล่ศิริอร มุมปากหนาหยัดยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาเป็นเปล่งประกายเยาะเย้ย จาบจ้วง แต่เร่าร้อนขณะมองดูลินิน
“แล้วเจอกันนะน้องนิล ถึงเธอหนีไปจนสุดหล้า พี่ก็จะตามหาเธอจนเจอนั่นแหละ” จักรธรกระซิบข้างหูลินิน ขณะเดินผ่านหน้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
ลินินยกมือแตะใบหู รู้สึกเหมือนลมหายใจของจักรธรยังคงเป่ารด หญิงสาวทรุดตัวลงกองกับพื้นหน้าห้องน้ำ เนื้อตัวสั่นระริก เหงื่อแตกซิก เย็นวาบไปทั้งร่างกาย หายใจแผ่วเบา
“นิล...นิลเป็นอะไรบอกพี่สิ นิล...นิล...” ปลาดาวเขย่าตัวลินินหลังจากที่ตามหาตัวน้องสาวจนพบ แต่ก็น่าแปลกที่ลินินตัวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง นั่งเอนตัวพิงผนังห้องน้ำ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเหม่อลอย หายใจแผ่วเบา ตัวสั่นระริกเหมือนหวาดกลัวอะไรสักอย่างและรุนแรงจนอาการเก่ากำเริบ
‘จักรธรหรือ ไม่ใช่น่า ไอ้บ้านั่นจะมาที่นี่ได้ยังไงกัน ไม่ใช่...เป็นไปไม่ได้ ก็คุณหญิงส่งจักรธรไปอยู่ต่างประเทศแล้วนี่น่า’
“ลุกขึ้นเถอะนิล พี่จะพาเธอกลับบ้าน”
ปลาดาวประคองร่างไร้เรี่ยวแรงของลินินไปที่รถ รีบพาน้องสาวกลับทันที
ปลาดาวประคองลินินเข้าห้องอย่างทุลักทุเล เธอวางร่างน้องสาวลงบนเตียงก่อนจะเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำบิดหมาดๆ มาเช็ดใบหน้าและร่างกายให้น้องสาว
“นิลจ๋า กินยาก่อนนะจ๊ะคนดี”
ลินินลืมตาขึ้นเล็กน้อย รับยาจากมือปลาดาวใส่ปากและหลับตาลงอีกครั้ง แต่ไม่ยอมปล่อยมือจากพี่สาว
ปลาดาวทรุดตัวลงนอนกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขน ไล้ปลายนิ้วไปบนใบหน้ารูปหัวใจที่ซีดเผือด ถึงจะหลับแต่ขนตายังกระดิกสองแขนกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย จากวันนั้นถึงตอนนี้ก็สองวันเข้าไปแล้วที่ลินินยังไม่เป็นปกติ “นิลวันนั้นเจอ...”
ปลาดาวมองลินินที่นั่งเหม่อลอยบนโซฟาอย่างเป็นห่วง วันนี้เธอจะต้องเริ่มงานการแก้แค้นให้กับแพรวดี แต่น้องสาวเป็นแบบนี้จะให้เธอมีใจไปทำงานได้ยังไงกัน ครั้นจะไม่ไปก็ไม่ได้อีก เพราะเธอรับงานและรับเงินมาแล้วด้วย
“นิลไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ พี่ปลาไปทำงานเถอะ นิลอยู่ได้” ลินินบอกพี่สาวเสียงแผ่วๆ “พี่ปลาทำงานให้สำเร็จนะคะ นิลจะรอฟังข่าวดี” เธอส่งยิ้มให้กำลังใจพี่สาว
“จ๊ะ พี่จะทำให้สำเร็จ” ปลาดาวรับปากทั้งที่ยังสองจิตสองใจ เธอจะไปทำงานดีหรือเปล่า แต่ก็พยักหน้ารับและรีบเดินเข้าไปเก็บของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเป้ขึ้นสะพายหลัง หยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซด์คันโปรดก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องอย่างมั่นใจ
ปลาดาวยื่นมือไปเรียวจับลูกบิดประตูห้องแล้ว แต่ก็เหลียวกลับมามองลินินที่มองเธอพร้อมรอยยิ้มให้กำลังใจอยู่เช่นกัน ทำให้ใจชื้นขึ้นมา
“สู้ๆ ค่ะพี่ปลา นิลจะรอฟังข่าวดีจากพี่นะคะ”
ปลาดาวเดินเข้าห้องพักที่แพรวดีจองไว้ให้ เธอรีบแปลงโฉม โดยเริ่มจากการถอดชุดเก่าออกไป หยิบหมอนใบเล็กประกบไว้ที่ท้องพันด้วยผ้ากอซ ยื่นมือไปหยิบชุดแซกสายเดี่ยวสีแดงเพลิงออกจากกระเป๋า สะบัดสองสามครั้งตัวผ้าก็ฟื้นตัวใส่ได้ทันที เธอปล่อยผมที่ทำสี จากผมสีดำมาเป็นน้ำตาลจากหมวกแก๊ปสีดำ หยิบที่หนีบผมมาหนีบให้เข้าทรงอีกครั้ง
หญิงสาวบรรจงแต่งหน้าเพื่อกลบร่องรอยของตัวเอง จากใครก็ตามที่จะติดตามหาเธอเมื่อจบจากเรื่องนี้ไป ปลาดาวหยิบคอนแท็กเลนส์สีน้ำตาลเหมือนเส้นผมที่เตรียมไว้มาใส่อีกชั้นเพื่อความแน่นอน
“ทีนี้ก็เหลือแต่รองเท้าสีเดียวกับชุด ก็เป็นอันเรียบร้อย” ปลาดาวสวมรองเท้าสีแดงเช่นเดียวกับตัวเสื้อแล้วมองดูตัวเองในกระจก เธอหมุนกายซ้ายขวาพร้อมรอยยิ้มแต้มใบหน้า
“เธอนี่เก่งจริงๆ ปลาดาว” หญิงสาวเอ่ยชมตัวเอง ใครจะคิดล่ะว่าเธอจะเปลี่ยนจากสาวห้าวเป็นสาวสวย เซ็กซี่ได้ เพียงแค่หยิบผ้าพันคอและกระเป๋าใบเล็กมาถือไว้ เธอก็พร้อมจะไปยังห้องจัดเลี้ยง
ปลาดาวหยิบบัตรเชิญในกระเป๋ายื่นให้พนักงานแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง หามุมยืนที่เหมาะสมดูเหตุการณ์ในงานก่อนที่จะลงมือป่วนงานในวันนี้
ปลาดาวมองไปรอบบริเวณจัดเลี้ยง สายตาปะทะเข้ากับแววตาเปล่งประกายดุดันดุจพญาเหยี่ยวของผู้เป็นว่าที่เจ้าบ่าวของแพรวดีพอดี แวบหนึ่งที่เธอรู้สึกเหมือนจะถูกดูดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่มีแต่ความเร่าร้อนรุนแรงจนแทบจะถอนสายตาจากใบหน้าคมแทบไม่ทัน ใจเต้นแรงรัวและเร็วราวกับจะทะลุออกมานอกอก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมที่ประสานสายตากับโยชิเธอจะต้องมีอาการแปลกๆ ทุกครั้งไป
เสียงประกาศบอกให้รู้ว่าขณะนี้ใกล้ถึงเวลาฤกษ์งามยามดีที่ได้กำหนดไว้ ฝ่ายชายสวมแหวนหมั้นแหวนเพชร 9 กะรัตให้แก่ผู้หญิงที่โชคดีได้เป็นภรรยาของโยชิ แสงสาธรหนุ่มหล่อและร่ำรวย เป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่เกือบทั้งประเทศ
ปลาดาวขยับเข้าไปใกล้ จนเห็นแหวนหมั้นวงขนาดกะทัดรัดอย่างชัดเจน รอยยิ้มมาดหมายผุดขึ้นบนมุมปาก เพียงแค่โยชิเริ่มหยิบแหวนหมั้นจากนายผอมแห้งคนหนึ่งที่ส่งให้ เธอก็กรีดร้องจนดังลั่นทั่วงาน
“กรี๊ด! พี่โยชิพี่ทำแบบนี้กับโรซี่ได้ไงคะ พี่ทิ้งให้โรซี่คอยอยู่ที่บ้านส่วนพี่กลับมาหมั้นกับนังผู้หญิงคนนี้ พี่ทำกับน้องและลูกของเราได้ยังไงกันคะ ฮือๆ ” ปลาดาวใส่อารมณ์เต็มที่ ร้องไห้เสียงดังแปดปลอด พลางปาดน้ำตาไหลอาบแก้มจนเกือบจะลบแป้งที่ทาเอาไว้จนหมดสิ้น เธอรีบเข้าไปทุบตีกายโยชิแรงๆ
โยชิตะลึงงัน เขามองสาวที่มีน้ำตาคลอเบ้า หากประกายในดวงตากลับบ่งบอกว่าเธอสนุกและสะใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เสียงร้องโหยหวนจากปากสีแดงคู่นั้นยังไม่หายไปก็มีอีกหนึ่งเสียงดังแทรกเข้ามา
“กรี๊ด!”
