ตอนที่ 3
3
“เอ่อ...แต่ว่า...เพื่อนของดิฉันเขานัดให้มาเจอที่ห้องนี้จริงๆ นะคะ ดิฉันขออยู่รอเพื่อนสักครู่ได้ไหมคะ” ปลาดาวทำหน้าใสซื่อน้ำเสียงออดอ้อน สายตายังคงสอดส่ายหาทางหนีทีไล่เพื่องานแรกที่รับทำจะได้ไม่มีการผิดพลาดเกิดขึ้น
“ไม่ได้ จะออกไปดีๆ หรือจะให้ฉันจับเธอโยนออกไป”
นายยักษ์ขู่ตะคอกจนปลาดาวสะดุ้ง “ค่ะ ค่ะ ไปแล้วค่ะ”
หญิงสาวรีบเดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไปในทันที ด้วยความรีบร้อนลนลาน
‘โหยไอ้ยักษ์บ้า ตาดุยังกับมีดโกน แล้วยังทำท่าราวกับจะเอามีดมาแล่เนื้อฉันออกมาเป็นชิ้นๆ เอาเกลือมาทาอีก โหยคิดแล้วก็น่ากลัวเหมือนกับที่ยายนิลว่ามาจริงๆ นั่นแหละ ไม่น่ารับงานนี้เลยเรา’
ปลาดาวคิดอย่างวุ่นวายใจ แต่ก็มีอีกเสียงหนึ่งดังค้านขึ้นมาในใจทันควัน
‘เธอต้องทำนะปลาดาว ถ้าไม่ทำ ไอ้พวกหนักโลกหนักแผ่นดินพวกนี้ก็จะไม่สำนึก ยังทำร้ายคนอ่อนแอไร้ทางสู้อยู่นั่นแหละ ที่เธอทำมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับความร้ายกาจของไอ้เลวพวกนี้นะ’
“อุ้ย! ขอโทษค่ะ” ปลาดาวมัวแต่ครุ่นคิดจนเผลอเดินไม่ระวังชนกับร่างสูงใหญ่และหนาจนตัวเธอเองแทบจะหงายหลัง ดีว่าได้มือแข็งแรงช่วยจับไว้
หญิงสาวมองตามมือขึ้นไปที่ใบหน้าแข็งกระด้าง ดวงตาคมดุที่มองมายังเธอ มือที่จับร่างโปร่งบางให้พ้นทางเดิน ก่อนจะสาวเท้าเดินไปข้างหน้าโดยไม่สนใจสิ่งใด ทำให้ปลาดาวรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“คนอะไรวะ คนบอกขอโทษแล้วยังทำหน้าตายแถมเดินหนีอีก แต่จะว่าไปนายคนนั้นหน้าตาคุ้นๆ อยู่เหมือนกันนะ เราเคยเห็นหน้าตาแบบนี้ที่ไหนหว่า? อ๊ะ....ใช่แล้ว!!” ปลาดาวตาโตยืนมองร่างสูงใหญ่เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
‘นั่นมัน...นั่นมันนายโยชิ แสงสาธรนี่น่า แล้วนายนั่นมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ’
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครโทรุ” โยชิถามชายที่เป็นทั้งเพื่อนและคนสนิท เขาสอดมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ตามองโทรุนิ่งสนิท แววตาไม่บ่งบอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ภายใน เพราะมาทันเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากห้องที่จะทำพิธีในอีกสองวันข้างหน้าพอดี ถึงจะไม่สนใจแต่เพราะไม่อยากประมาท ไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด ทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องตรวจสอบให้ละเอียด
“เธอบอกว่ามาหาเพื่อนครับนาย” โทรุเอามือประกบกันไว้ด้านหน้าแล้วโน้มตัวลงเล็กน้อย ศีรษะก้มต่ำขณะตอบคำถามผู้เป็นนาย
“นายให้เขาเข้ามาทำไม ไม่รู้หรือว่างานวันมะรืนทางฝ่ายบ้านเจ้าสาวเขายังตั้งแง่กับเราอยู่” จอร์จซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทอีกคนของโยชิตะคอกใส่โทรุ “แกนี่มันบ้าจริงๆ โทรุ ปล่อยให้ใครก็ไม่รู้เขามาได้ เกิดเขามาไม่ดียิงนายทิ้ง จะทำไงกัน”
“ทีแกล่ะจอร์จ ดีนักหรือไง” โทรุถามกลับบ้าง
“ไปสืบมาว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไร มาหาเพื่อนชื่ออะไร ทำงานตำแหน่งไหน” แววตานิ่งสนิท น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้าเงียบขรึมของผู้เป็นนายทำเอาทั้งจอร์จและโทรุต่างก็กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ
“นายจำหน้าผู้หญิงคนนั้นได้ใช่ไหมโทรุ”
“จำนะมันก็จำได้อยู่หรอกนะจอร์จ แต่ฉันมีความรู้สึกแปลกๆ ว่ะ” โทรุบอกยามนึกถึงใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น
“ทำไมว่ะ” จอร์จมองหน้าเพื่อนสนิท
“ไม่รู้ว่ะ บอกไม่ถูก” โทรุส่ายหน้า เขาบอกไม่ถูกว่าผู้หญิงคนนั้นมาดีหรือมาร้าย ดูแล้วหน้าตาก็ยังเหมือนเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แต่เอาเสื้อผ้าพ่อแม่มาสวมราวกับว่าต้องการปกปิดอะไรสักอย่าง
“หรือผู้หญิงคนนั้นจะเข้ามาหาข้อมูลงานหมั้นของนายไปบอกยายแพรวดี นายว่ายังไงจอร์จ คิดเหมือนฉันหรือเปล่า”
“ไม่รู้เว้ย รู้แต่ว่าเราสองคนต้องหาผู้หญิงคนนั้นให้เจอก่อนวันงานของนายละกัน ฉันไม่อยากให้งานหมั้นและแต่งงานของนายกับยายแพรวดีนั่นมีปัญหาเกิดขึ้น ไม่งั้นพวกเราสองคนนั่นแหละที่จะตาย รู้ก็รู้ว่านายไม่ชอบให้ใครเขามาทำลายแผนการ” โทรุส่ายศีรษะ
“เออ..มันก็จริงของแก ฉันว่าตอนนี้เราลองไปเดินดูผู้หญิงคนนั้นให้ทั่วโรงแรมก่อนดีกว่า เผื่อยายนั่นจะนั่งคุยกับเพื่อนตามที่หล่อนบอกแกจริงๆ ”
ยี่สิบนาทีต่อมาจอร์จและโทรุก็มายืนหอบอยู่หน้าห้องจัดเลี้ยง
“เป็นไง เจอผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าโทระ”
“ไม่เจอ หาจนทั่วโรงแรมแล้วก็ไม่เห็นแม้แต่เงา” โทรุส่ายหน้า เขาหาทั่วบริเวณโรงแรมแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววของหญิงสาวแต่อย่างใด ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพลาดตรงไหนไปหรือเปล่า หรือประมาทเกินไป จะทำให้แผนการที่ผู้เป็นนายได้วางไว้เสียดิบดีเกิดปัญหาหรือเปล่า?
ลินินนั่งมองพี่สาวอย่างงงงัน เสียงหัวเราะดังจากปากสีชมพูระเรื่อไม่ขาดสาย แววตาเปล่งประกายสนุกสนาน
“พี่ปลากำลังดูอะไรอยู่คะ ทำไมถึงได้หัวเราะไม่ยอมหยุดแบบนี้” ลินินเหลียวมองตามสายตาพี่สาว แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ
“หัวเราะยักษ์ตัวใหญ่ที่กำลังเที่ยวตามหาพี่อยู่นะสิ”
“เอ๋...ตามหาพี่ปลา หมายความว่าไงคะ?” สายตาและสีหน้าลินินมีเครื่องหมายคำถามแปะติดไว้อย่างชัดเจนจนปลาดาวอดหัวเราะไม่ได้
“นิลดูนั่นนะ” ลินินเหลียวมองไปตามปากพี่สาวที่บุ้ยใบ้ไปที่ชายร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่น “นายนั่นเป็นคนที่ไล่พี่ออกมาจากห้องที่พวกเขาใช้จัดงานในวันมะรืนไง”
“นิลว่าเลิกเถอะค่ะพี่ปลา ดูสิขนาดคนที่ติดตามยังน่ากลัวขนาดนี้ แล้วคนเป็นนายจะไม่น่ากลัวกว่านี้เหรอคะ”
ความหวาดกลัวพุ่งเข้าจู่โจมใจลินินอีกครั้ง เมื่อเห็นคนติดตามของโยชิ แต่ล่ะคนรูปร่างสูงใหญ่ราวกับยักษ์ปักหลั่น ใบหน้าเรียบเฉยเย็นชาไร้ชีวิตจิตใจเหมือนไม่ใช่คน ดวงตาดุร้ายราวกับพญาเสือโคร่ง
แค่เธอยังไม่ได้บอกว่านายโยชิตัวจริงกลัวกว่าในรูปอีก ลินินมิต้องกลับบ้านไปนอนเป็นไข้สามวันสามคืนหรือไงนี่ แต่จะว่าไปนายนั่นก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหนเลยนี่น่า เพียงแค่ชอบทำหน้าเรียบแล้วก็เงียบขรึมเอง เอ๊ะ...ทำไมแค่เราสบตานายนั่น ใจมันถึงสั่นก็ไม่รู้สินะ
เฮ้อ! ช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไรหรอกน่า ถึงจะบอกกับใจแบบนั้นแต่หัวใจปลาดาวกลับเต้นระรัวแรงและเร็วยิ่งขึ้น ร้อนผ่าวไปทั้งใบหน้า
“โธ่นิลจ๊ะ พี่บอกแล้วไง พวกนั้นจำพี่ไม่ได้หรอกน่า เห็นไหมพวกนั้นเดินผ่านเราไปตั้งหลายรอบแล้ว พวกยังไม่หันมองมาเลย พี่มั่นใจว่าวันทำงานจริงๆ จะต้องไม่มีใครจำพี่ได้” ปลาดาวปลอบลินินให้มั่นใจในฝีมือการทำงานและการแต่งกายของเธอ เพราะขนาดเธอมองตัวเองในกระจกก็ยังแทบจำตัวเองไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วนายนั่นเป็นใคร ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อนเลย จะมาจำเธอได้ไงกัน
“พี่รู้ว่าเธอเป็นห่วง แต่ไม่ต้องห่วง พี่เอาตัวรอดได้สบายมาก” ปลาดาวทำเสียงหวาน มือเรียวยกนิ้วชี้แตะกับนิ้วโป้งเป็นวงกลม “โอเค”
ลินินไม่ทันได้ตอบ เพราะเธอตกใจในสิ่งที่ได้เห็น…
ราวกับเจอภูตผีปีศาจร้ายที่คอยตามรังควานเธอไม่ห่างกาย ใบหน้าหล่อคมเข้ม ดวงตาคู่ดุสบสายตากับเธอชั่ววินาทีหนึ่ง รอยยิ้มเหยียดหยามและรัศมีแห่งความโกรธเกลียดเคียดแค้นแผ่กระจายมาล้อมรอบร่างกาย จนเธออึดอัดหายใจติดขัดและหนาวสั่นไปหมด มือไม้เย็นเฉียบราวกับกำลังอยู่ท่ามกลางธารน้ำแข็งขั้วโลก
“นิลขอไปห้องน้ำหน่อยนะคะพี่ปลา” ลินินลุกลี้ลุกลนหยิบกระเป๋าตัวสั่น
“มีอะไรหรือเปล่านิล” ปลาดาวถามเหลียวมองไปทางที่คิดว่าน้องสาวจะเห็นอะไรที่ทำให้เธอมีอาการหวาดผวาตกใจจนตัวสั่น ใบหน้าซีดเผือด แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ
