บท
ตั้งค่า

10 เป็นทุกอย่างให้เธอ

หลังจากแวะเยี่ยมอัศวพจน์ที่เรือนจำแล้ว อินทัชก็พามีนาไปโรงพยาบาลตามนัด หมอตรวจดูอาการของมีนาอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าเธอฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว

“แผลผ่าตัดดีขึ้นมากแล้วนะครับ ส่วนมดลูกก็เข้าที่แล้ว” คุณหมอบอกพร้อมรอยยิ้ม

“กลับไปก็พักผ่อนเยอะๆ นะครับ อย่าเพิ่งยกของหนัก แล้วก็ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติ อีกหนึ่งเดือนค่อยมาตรวจอีกที” มีนาพยักหน้าอย่างโล่งอก

“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ” อินทัชยิ้มรับด้วยความดีใจ

“ขอบคุณครับคุณหมอ” อินทัชกล่าวขอบคุณนายแพทย์ที่ทำการตรวจให้มีนา

ระหว่างเดินออกมาจากห้องตรวจ เด็กสาวก็หันไปมองพ่อเลี้ยงหนุ่ม

“เห็นมั้ยคะ ว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” มีนาเอ่ยขึ้นพลางยิ้มหวานให้เขา

“ก็ไม่รู้สิ เห็นตัวร้อนเมื่อคืนก็คิดว่าแผลจะอักเสบ อีกอย่างวันนี้คุณหมอก็นัดตรวจอยู่แล้วนี่”

“พ่อเลี้ยงเป็นห่วงหนูเหรอคะ”

“ห่วงสิ ฉันรับปากอัศวพจน์แล้ว ว่าจะดูแลหนู”

“ขอบคุณค่ะพ่อเลี้ยง”

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก” อินทัชเอ่ยอย่างอ่อนโยน

“ฉันสัญญาว่าจะดูแลหนูแบบนี้ไปตลอด” คำพูดของเขาทำให้หัวใจของมีนาเต้นรัวอีกครั้ง เธอรู้แล้วว่านับจากนี้ชีวิตของเธอจะไม่ต้องเดียวดายอีกต่อไปแล้ว

หลังจากธุระทุกอย่างที่โรงพยาบาลเสร็จสิ้น อินทัชก็ถือโอกาสชวนมีนาไปพักผ่อนหย่อนใจที่พระธาตุดอยตุง เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดที่ต้องเผชิญมาตลอดหลายวัน

ทิวทัศน์สองข้างทางเต็มไปด้วยภูเขาสีเขียวชอุ่มและทะเลหมอกที่สวยงามจับตา มีนาเอนตัวพิงเบาะรถ ใบหน้ายิ้มแย้มด้วยความรู้สึกที่เปี่ยมไปด้วยความสุข

เมื่อมาถึงพระธาตุดอยตุง ทั้งสองเดินเล่นไปตามทางเดินที่ประดับด้วยดอกไม้นานาพันธุ์สีสันสดใส อินทัชเตรียมกล้องมาถ่ายรูปให้มีนา ก่อนจะสั่งให้เด็กสาวหยุดถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ อยู่หลายครั้ง เขาตั้งใจเก็บภาพความทรงจำให้เธอ และทุกครั้งที่เขายกกล้องขึ้น มีนาก็จะหันมาส่งยิ้มหวานให้เขาเสมอ ก่อนจะพาเด็กสาวไปหยุดนั่งพักเพื่อทานอาหารกลางวันด้วยกัน

“พ่อเลี้ยงรู้ไหมคะ ว่าหนูไม่เคยมีรูปตอนเด็กๆ เลย” มีนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยขณะที่มองไปที่รูปถ่ายในกล้องที่อินทัชกำลังคัดเลือกอยู่

“หนูอย่าเสียใจไปเลย รับรองว่าจากนี้ต่อไปฉันจะเป็นคนสร้างความทรงจำที่ดีทั้งหมดให้หนูเอง” พ่อเลี้ยงหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยน ก่อนจะยื่นมือมาลูบศีรษะเธอเบาๆ น้ำตาของมีนาคลอเบ้า เธอมองเขาด้วยความรู้สึกตื้นตัน

“หนูไม่เคยมีของเล่นดีๆ เหมือนเด็กคนอื่นเขา ไม่มีใครถ่ายรูปให้ ไม่มีใครพาไปเที่ยวเหมือนอย่างที่พ่อเลี้ยงทำกับหนูตอนนี้” อินทัชโอบกอดเธอไว้แน่น

“อะไรที่เคยทำให้หนูเสียใจ ก็ขอให้ลืมๆ มันไปซะ คิดเสียว่า...วันนี้หนูได้มีชีวิตใหม่แล้ว” เขาปลอบโยน

“จากนี้ไป...ฉันจะเป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้หนูเองนะ” คำพูดของเขาทำให้หัวใจของมีนาพองโต ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่เคยมีพลันหายไปในพริบตา ในอ้อมกอดของอินทัช เธอรู้สึกว่าได้พบกับความรักที่แท้จริง

“พ่อเลี้ยงคะ!!!...” เธอเรียกเขาเสียงแผ่วขณะอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“เรายังไม่มีรูปคู่กันเลยค่ะ” อินทัชยิ้มให้เด็กสาวก่อนจะรีบตั้งกล้องไว้ที่โต๊ะ และสวมกอดมีนาเพื่อถ่ายรูป

“อีกรูปนะครับ” สิ้นเสียงเขาก็หอมแก้มเธอพร้อมกับกดชัตเตอร์รีโมต

ทั้งสองแวะซื้อของที่ระลึกของตลาดชาวเขา มีนาเลือกซื้อผ้าทอผืนเล็กๆ อินทัชก็ซื้อสร้อยคอหยกให้เธอเป็นของขวัญ มีนาปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่เขาก็ยืนกรานที่จะมอบให้

“มันไม่ได้แพงหรอก ของแค่นี้เอง หนูใส่แล้วเหมาะดี” อินทัชพูดเสียงอ่อนโยน

เกือบหกโมงเย็น อินทัชพามีนาแวะทานอาหารที่ร้านอาหารบนดอยก่อนจะเดินทางกลับไร่ ทั้งสองเลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่างที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาได้ถนัด

ไม่นาน เสียงโทรศัพท์มือถือของอินทัชก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะเห็นชื่อ 'แสงหล้า' หัวหน้าคนงานโทรเข้ามา อินทัชรับสายทันที

“มีอะไรแสงหล้า” เขากรอกเสียงเข้ม

“พ่อเลี้ยงครับ...เมื่อกี้มีคนมาตามหาคุณมีนาครับ เขาบอกว่าเป็นคนของเสี่ยสุชาติ” แสงหล้ารายงานเสียงเครียด ดวงตาของอินทัชฉายแววเย็นชาในทันที

“แล้วแกตอบไปว่าไง”

“ผมตอบตามที่พ่อเลี้ยงสั่งเอาไว้ครับว่าไม่รู้ไม่เห็น”

“ดีมาก” อินทัชกำชับก่อนจะรีบวางสาย เขากลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง มีนาที่นั่งรออยู่สังเกตเห็นความผิดปกติในสีหน้าของเขา

“มีอะไรเหรอคะพ่อเลี้ยง” เธอถามอย่างเป็นกังวล อินทัชยิ้มให้เธอเล็กน้อย พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกภายในไว้

“อ๋อ...เปล่าหรอก เกี่ยวกับงานที่ไร่น่ะ” เขาไม่อยากให้เธอต้องกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้น จึงโกหกไป

“หนูเคยกินอาหารเหนือหรือยัง” อินทัชถาม

“ก็เคยบ้างค่ะ แต่ไม่บ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำพริกอ่องแคบหมู” มีนาตอบพร้อมรอยยิ้ม

ไม่นานนัก อาหารเหนือรสเลิศก็ถูกจัดมาอย่างสวยงาม กลิ่นหอมกรุ่นของเครื่องเทศโชยแตะจมูก อินทัชรับจานข้าวซอยและแกงฮังเลและลาบเหนือจากบริกรมาวางตรงหน้ามีนา

“งั้นลองเมนูนี้ดีกว่า” เขายิ้มและผายมือไปที่จาน

“ข้าวซอย กับแกงฮังเล พร้อมกับลาบเหนือ” มีนาตักชิมข้าวซอยและแกงฮังเลอย่างเอร็ดอร่อย อินทัชมองรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก่อนจะเอ่ยถาม

“รสชาติเป็นยังไงบ้าง...ถูกใจไหม” เขาถาม

“อร่อยมากเลยค่ะ ตอนแรกนึกว่าจะเผ็ดซะอีก”

“ถ้าหนูชอบ บอกป้าคำแก้วได้นะ อาหารเหนือป้าคำแก้วแกทำอร่อย”

“หนูชอบลาบเหนือค่ะ มันไม่เปรี้ยวดี ออกหอมๆ ด้วย” มีนาเคี้ยวแก้มตุ่ยพลางบอก

“อ๋อ... อันนั้นเขาจะใส่มะแข่น” อินทัชอธิบาย

“มะแข่นเหรอคะ” มีนาเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

“ใช่!! รู้จักไหม มันก็คล้ายๆ พริกไทยนั่นแหละ”

“พ่อเลี้ยงพาหนูมาเที่ยวบ่อยๆ นะคะ” มีนาพูดด้วยแววตาที่สดใส

“ได้เลย ถ้าหนูชอบ” อินทัชตอบรับทันที

รถของอินทัชแล่นมาตามถนนที่ทอดตัวยาวสู่ไร่ชาอันกว้างใหญ่ มีนาเหลือบมองนาฬิกาบนคอนโซลรถ ก็เป็นเวลาเกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว อินทัชสังเกตเห็นรถกระบะสีดำที่ขับตามมาได้สักระยะหนึ่งแล้วจากกระจกมองหลัง

“พ่อเลี้ยง!!!… หนูว่าไอ้กระบะคันดำนี่มันตามเรามานานแล้วนะคะ ไม่เห็นจะแซงไปสักที” มีนาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ อินทัชกำลังใช้สมาธิอย่างเคร่งเครียดเขาไม่ได้ตอบคำถามของเด็กสาว ดวงตาคมกริบของเขามองกระจกหลังอย่างพิจารณา

ทันทีที่เขาแตะเบรกเพื่อชะลอความเร็วเตรียมเลี้ยวเข้าไร่ จู่ ๆ รถกระบะสีดำคันนั้นก็พุ่งเข้ามาปาดหน้าอย่างกะทันหันจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ

อินทัชรีบเบรกอย่างรวดเร็ว เสียงเบรกดังสนั่น ยางรถเสียดสีกับพื้นจนเกิดควันคละคลุ้งไปทั่ว แล้วทันใดนั้น...ปลายกระบอกปืนของคนที่อยู่ด้านหลังรถก็เล็งมีที่ทั้งสอง

ปัง!...กระสุนนัดแรกพุ่งทะลุกระจกฝั่งที่มีนานั่งอย่างเฉียดฉิว เศษกระจกแตกกระจายอยู่ภายในรถ

“มีนา หลบเร็ว!” อินทัชร้องบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตกใจ

“ว้าย!!!” มีนาหลบลงไปกองอยู่ที่พื้นรถด้วยความหวาดกลัว

ปั่ง..ปั่ง..ปั่ง เสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อินทัชไม่รอช้า เขารีบหักรถออกก่อนจะเหยียบคันเร่งจนมิด รถยนต์พุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่รถกระบะสีดำคันนั้นก็ยังคงแล่นตามมาอย่างไม่ลดละ พร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระสุนอีกนัดหนึ่งพุ่งเข้าใส่ยางรถยนต์ของอินทัช ทำให้รถของเขาเสียการควบคุม

พ่อเลี้ยงหนุ่มตัดสินใจอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าสู่ป่าข้างทางทันที รถยนต์แล่นฝ่าพงหญ้าและกิ่งไม้เข้าไปได้ไม่ไกลก็ติดแหง็ก เขาจำเป็นต้องทิ้งรถเอาไว้ ก่อนจะรีบดึงตัวมีนาที่อยู่ในอาการตกใจสุดขีดให้หนีเข้าไปในป่าลึกไปด้วยกัน

“ไปเร็วมีนา! เร็วเข้า!” อินทัชบอกเสียงเข้ม พอมีนาลงจากรถได้ พ่อเลี้ยงหนุ่มก็รีบจับมือเด็กสาวให้วิ่งตามไปอย่างสุดกำลัง มีนาสะดุดกิ่งไม้และล้มลงหลายครั้ง แต่ก็กัดฟันลุกขึ้นวิ่งต่อไป เธอไม่สนใจรอยถลอกหรือความเจ็บปวดใดๆ เพราะในใจของเธอมีเพียงการหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel