บท
ตั้งค่า

หมอตำแย : ไม่ต้องการ P2

“ค่ายกับหวานรอที่นี่แหละ ฝากหวานดูและน้องๆ ด้วยนะ” จำปีบอกทั้งสอง ค่ายและหวานก็ตกลงตามนั้น

ทั้งคู่ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงหรือเอะใจอะไรสักนิดโดยเฉพาะน้องคนเล็กอย่างค่าย เมื่อส้มเช้งและจำปีเดินหายเข้าไปในซอยทางเข้าบ้านของยายสร้อย ซึ่งบ้านก็ไม่ได้ตั้งอยู่ลึกมากมันถัดออกไปแค่สามสี่หลังคาเรือนเท่านั้นเอง พอสองคนนั้นลับสายตาไปค่ายจึงขออุ้มลูกของส้มเช้ง หวานเลยส่งน้องให้ค่ายอุ้มก่อนพูดกำชับ

“อย่าทำน้องหลุดมือล่ะ”

พอค่ายได้อุ้มเด็กน้อยก็หยอกล้อกันหัวเราะคิกคักอยู่สักพัก ไม่นานก็มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งซึ่งมาจากที่ไหนไม่รู้ทั้งสองก็ไม่ได้สังเกต ชายคนนั้นเดินดุ่มๆ เข้ามาถามค่ายกับหวาน

“หนูมาทำอะไรกันแถวนี้”

เขาถามทั้งยังกวาดตามองไปรอบๆ บริเวณเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง ค่ายและหวานเงยหน้าขึ้นมองชายแปลกหน้า แล้วหันมามองหน้ากันก่อนทำหน้างงที่อยู่ๆ มีชายแปลกหน้ามาถาม แถมสายตายังมองกวาดไปมาระหว่างหวานและค่ายทั้งเงยหน้าขึ้นมองหาอะไรสักอย่างหรือใครสักคนไปทั่ว

“พี่มาธุระ เลยมาเป็นเพื่อน”

เด็กน้อยตอบออกไปแบบห้วนๆ โดยไร้หางเสียงกับผู้ใหญ่ที่ไม่ รู้จัก จากนั้นชายแปลกหน้าก็ถามต่อ โดยไม่สนใจกิริยาท่าทางของเด็กน้อยเลย เหมือนเขาจะสนใจแต่สิ่งที่เขาอยากรู้เท่านั้น

“แล้วเด็กเนี่ยลูกใครเหรอหนู”

ผู้ชายน่าสงสัยคนนั้นชี้ไปยังเด็กที่ค่ายกำลังอุ้มอยู่ ค่ายขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ได้แต่เก็บความสงสัยนั้นเอาไว้แล้วก็บอกชายคนนั้นไปว่า

“ลูกของพี่สาวเขาฝากให้อุ้มไว้” เด็กน้อยโกหก เธอคิดเพียงว่าเพื่อนรุ่นพี่ก็เหมือนพี่สาวนั่นแหละ

“เหรอ แล้วแม่เด็กไปไหนล่ะ” เขาถามต่อ

“เห็นบอกไปธุระเขาให้พวกหนูรอที่นี่” ค่ายตอบ ชายแปลกหน้าทำตาลุกวาว

“รู้จักบ้านยายสร้อยไหม” ชายแปลกหน้าถามต่อ ถึงตอนนี้ค่ายเริ่มนึกฉงนแล้วว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ

“ไม่รู้จัก หนูไม่ใช่คนแถวนี้ พวกหนูแค่มาทำธุระ” ค่ายตอบ

ชายแปลกหน้าได้ยินค่ายพูดแบบนั้นก็ดันเชื่อจริงๆ เขาพยักหน้าสองสามครั้งแล้วก็ตัดสินใจเดินจากไป ทิ้งให้ค่ายที่มองตามหลังงงงวยยกใหญ่ ค่ายหันมาทางหวานก่อนบอกหวานว่าให้อุ้มน้องไปทีเพราะเธอเริ่มปวดแขนแล้วหวานก็รับน้องไป

จากนั้นค่ายก็หันไปมองตามทางที่ชายคนนั้นเดินไปอีกครั้ง แล้วค่ายก็เห็นชายแปลกหน้าคนนั้น เดินไปหาผู้ชายอีกสองคน ที่แต่งตัวแปลกๆ เป็นเสื้อและกางเกงสีดินทรายแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ค่ายได้แต่นึกในใจว่าสองคนนั้นแต่งตัวแปลกกว่าชาวบ้านทั่วไป และแตกต่างจากชายแปลกหน้าที่เข้ามาถามด้วย แต่เด็กหญิงก็ยังคงนึกไม่ออกและไม่รู้ว่าเสื้อผ้าแบบนั้นคืออะไร เด็กน้อยไม่ได้ตั้งใจโกหกทั้งที่จริงๆ ก็รู้อยู่ว่าบ้านยายสร้อยอยู่หลังไหนเพราะตนได้มองตามส้มเช้งและจำปีตลอด แต่ด้วยความที่เป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน กลัวเพื่อนมีปัญหา เพราะอยู่ๆ มีชายแปลกหน้ามาตามหายายสร้อยนั้นมันก็ดูผิดปกติ

อีกทั้งตัวเองก็ไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แต่ก็ยังอุตส่าห์โกหกไปว่าไม่รู้จักบ้านยายสร้อยทั้งที่ก็เห็นๆ อยู่ทั้งสองคนเดินหายเข้าไปในซอยแล้วเข้าบ้านหลังไหน เพราะถ้าขืนบอกว่าเพื่อนของตน ก็มาหายายสร้อยและเดินเข้าไปในซอยแล้วเข้าบ้านหลังนั้น มันอาจเกิดเรื่องไม่ดี

เมื่อค่ายเห็นชายคนที่เขามาหาพวกตนยืนคุยกับผู้ชายสองคนอยู่เช่นนั้นไม่ยอมไปไหน ก็สะกิดให้หวานที่นั่งอุ้มน้องอยู่ข้างๆ ดู

“พี่หวานดูนั่นสิ” ค่ายชี้ก่อนพูดต่อ “ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นเดินไปคุยกับใครก็ไม่รู้ดูแปลกๆ ชอบกล” พอหวานหันไปมอง เธอก็พูดขึ้นมาทันที

“นั่นตำรวจนี่”

ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันก่อนจะพร้อมใจหันไปมองทางชายกลุ่มนั้น แล้วก็เห็นชายแปลกหน้าคนนั้นเดินเลี่ยงไปอีกทางและสองคนในชุดตำรวจก็เดินไปอีกทาง พอตำรวจไปส้มเช้งกับจำปีก็ออกมาจากบ้านยายสร้อยพอดี เมื่อเดินมาจนถึงจุดที่หวานกับค่ายนั่งอยู่ ส้มเช้งก็รับลูกน้อยกลับมาอุ้มเอาไว้แล้วจำปีก็ชวนทุกคนเดินกลับบ้าน ส่วนค่ายที่ยังไม่รู้อะไรเลยว่าเขามาทำอะไรกันแน่ ด้วยความสงสัยของเด็กเลยถามจำปีไปแบบหน้าซื่อตาใส

“บ้านยายสร้อยมีอะไรทำไมมีชายแปลกหน้ากับตำรวจมาตามหายายสร้อยเหรอพี่จำปี”

ส่วนจำปีเมื่อได้ยินค่ายถามเช่นนั้นก็ชะงักกึก อึ้งไปชั่วขณะแล้วหันไปมองหน้าส้มเช้งและหวาน สายตาที่เธอมองหวานเหมือนกำลังคาดคั้นว่าจริงเหรอหวาน โดยไม่ต้องมีคำพูดอะไรหวานที่เห็นสีหน้าของจำปีก็ตอกย้ำทันทีด้วยคำง่ายๆ

“จริงพี่”

จำปีหลุบตาลงมองพื้นกลอกตาไปด้านซ้ายขมวดคิ้วเข้าหากันครุ่นคิดถึงสิ่งที่รุ่นน้องทั้งสองบอกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ค่ายเห็นเธอนิ่งจึงถามต่อด้วยความขี้สงสัยตามประสาเด็ก

“แล้วพี่จำปีมาทำไมเหรอ มาทำอะไรกันที่บ้านยายสร้อยจ๊ะ”

จำปีเมื่อได้ยินค่ายซักไซ้ไล่เลียงก็เริ่มรู้สึกรำคาญ และหมดความอดทนจึงบอกกับค่ายออกไปว่า

“กูมาตามยายสร้อยไปหาที่บ้าน มีเรื่องต้องให้ยายสร้อยช่วยทำ มึงเป็นเด็กเป็นเล็กอย่าถามมากไม่ต้องอยากรู้ทุกเรื่องก็ได้ แล้วอย่าเสือกไปเล่าให้ใครฟังล่ะ โดยเฉพาะคนแปลกหน้าที่แกพึ่งเจอมาเมื่อกี้”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นค่ายก็รู้สึกตกใจที่โดนพี่สาวคนดีพูดจาหยาบคายใส่เธอจึงเงียบปากไป ส่วนหวานที่ได้ยินแบบนั้นก็มีอาการกระอักกระอ่วนแต่ทว่าความขี้สงสัยของเด็กน้อยยังไม่หายไปเพราะความจริงมันยังไม่กระจ่างเลย แต่เธอต้องเก็บความอยากรู้อยากเห็นนั่นไว้เพราะเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศไม่ดี

ทั้งสี่เดินกลับจนถึงหมู่บ้านแล้วจำปีก็กล่าวล่ำลาพร้อมขอบอกขอบใจที่ทุกคนอุตส่าห์มีน้ำใจทนลำบากเดินไปเป็นเพื่อน จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปบ้านใครบ้านมันโดยที่ไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพราะต่างคนต่างเหนื่อยกับการเดินทางทั้งขาไปและขากลับนับรวมกันแล้วระยะทางร่วมสิบกิโลเมตรจึงแยกย้ายกันกลับไปพักดีกว่า

พอเดินถึงบ้านค่ายได้แต่คิดสงสัยอยู่คนเดียวว่ามันเรื่องอะไรกันแน่ทำไมต้องห้ามบอกใครหรือห้ามบอกชายแปลกหน้า แล้วทำไมชายแปลกหน้ากับตำรวจต้องมาตามหาบ้านยายสร้อย

เด็กน้อยคิดวนไปวนมาก็หาข้อสรุปคลายความสงสัยของตนเองไม่ได้จึงตัดใจเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อนคิดว่าเมื่อถึงเวลาคงจะรู้เอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel