บท
ตั้งค่า

กะเพียดผี : แปรสภาพ p2

เมื่อชาวบ้านเริ่มสงสัย และเริ่มพูดกันหนาหูถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หรือว่าจะเป็นเพราะเหตุการณ์แปลกๆ เมื่อคืนวาน ที่อยู่ๆ เบิ้มก็มีอาการตื่นตระหนกตกใจและดูเหมือนเขาจะกลัวอะไรสักอย่างจนไม่ได้สติ ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนลงความเห็นว่าต้องไปดูให้หายสงสัยมันเกิดอะไรขึ้นกับเบิ้ม จากนั้นจึงรวมตัวกันเดินมายังบ้านของชายหนุ่มเพื่อมาถามข่าวคราวว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อทุกคนเดินมาถึงบ้านไม้ยกพื้นสูง ก็ไม่เห็นตัวเขาในบริเวณบ้านซึ่งมันผิดสังเกตเป็นอย่างมาก เพราะนี่มันก็สายจนตะวันขึ้นโด่งแล้ว

“เบิ้ม เบิ้มเอ๊ย พ่อเบิ้ม อยู่หรือเปล่า” เงียบไม่มีเสียงตอบรับ

“เบิ้ม เบิ้มเอ๊ย พ่อเบิ้ม อยู่บ้านไหม มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“อืออออออ” เสียง อือ สั่น ลากยาวเหมือนคนจับไข้แต่ก็ไม่มีใครได้ยิน

“เอ๊ะ!!!! ควายก็ยังอยู่ในคอกนี่นา แล้วเบิ้มมันไปไหน”

ลุงเปี่ยมพูดกับทุกคนที่เดินตามมา ชาวบ้านรู้สึกผิดสังเกตดูท่าจะไม่ดีจึงรีบกรูกันขึ้นไปบนเรือน

“เบิ้ม เบิ้มเอ๊ย พ่อเบิ้ม”

“อืออออออ”

เสียงครางตอบรับเบาๆ อยู่ในห้อง ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็เดินตามเสียงไปยังห้องนอนของเบิ้ม เมื่อเปิดประตูเข้าไปทุกคนก็ต้องแปลกใจที่เห็นเบิ้มเอาแต่นอนคลุมโปงคุดคู้อยู่อย่างนั้น ลุงเปี่ยมจึงเดินเข้าไปดึงผ้าห่มออกพร้อมกับถามเขา

“เบิ้มเป็นอะไรลูกเอ๊ย”

เบิ้มถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อผ้าห่มถูกเปิดออก สองมือกระเสือกกระสนไขว่คว้าผ้าห่มเอาไว้ แววตาชายหนุ่มตื่นตระหนกทั้งยังลนลานพยายามดึงเอาผ้าห่มมาปิดหน้าปิดตาตัวเอง จนชาวบ้านต้องช่วยกันจับตัวเขาแล้วดึงผ้าออกเพื่อดูให้แน่ชัด

“อ๊าาาาาาา ผีหลอก ผี ผี ผีหลอก ช่วยด้วย ช่วยด้วยผี ผีหลอก ผี กะเพียด ผี กะเพียด ผี ผีหลอก กะเพียด ผี ผีหลอก ช่วยด้วย ฮือๆๆ”

ภาพที่ทุกคนเห็นช่างน่าเวทนายิ่งนัก เบิ้มมีอาการตัวสั่นเสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเหงื่อผมชี้ตั้งเหมือนคนจับไข้หัวโกร๋น ดวงตาลึกเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอนปากซีดหน้าซีดขอบตาดำคล้ำ ละล่ำละลักพูดอยู่ประโยคเดียวซ้ำๆ วนไปวนมาเหมือนคนเสียสติไปแล้ว

“อ๊าาาาาาา ผีหลอก ผี ผี ผีหลอก ช่วยด้วย ช่วยด้วยผี ผีหลอก ผี กะเพียด ผี กะเพียด ผี ผีหลอก กะเพียด ผี ผีหลอก ช่วยด้วย ฮือๆๆ”

ลุงเปี่ยม ผู้ที่เห็นเบิ้มมาตั้งแต่ยังเล็กและเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลานมาตลอด ได้เห็นเขาในสภาพนั้นถึงกับอึ้ง คิดว่าหากปล่อยทิ้งไว้คงไม่ดีแน่

“ดูท่าแล้วคงจะเสียขวัญอย่างหนัก” ลุงเปี่ยมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนหันไปหาลุงจ่อย

“จ่อยเอ็งไปนิมนต์หลวงพ่อมารดน้ำมนต์ให้ไอ้เบิ้มหน่อย”

ตาจ่อยพยักหน้ารับแล้วรีบถอยออกก่อนลุงเปี่ยมจะเรียกจุกที่กำลังขยับตัวตาม บอกให้เจ้าจุกหลานชายวัยสิบขวบของลุงจ่อยที่ติดตามมาตอนแรกรีบไปส่งข่าวให้แตงอ่อนแฟนสาวของเบิ้มเธอจะได้มาช่วยกันดูแล เจ้าจุกได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ แล้ววิ่งลงเรือนไปทันทีแบบคนรู้งาน ในระหว่างที่รอหลวงพ่ออยู่นั้น เบิ้มก็มีอาการผวาและกรีดร้องวนไปวนมาพูดแบบเดิมซ้ำๆ ดูแล้วช่างน่าสงสารเสียยิ่งกระไร

“กะเพียด ผี ผีหลอก กะเพียด ผี ผี กะเพียด ผี ผีหลอก กะเพียด ผี ฮืออออ”

ระหว่างที่ลุงจ่อยรีบจ้ำอ้าวไปวัดนั้น ชาวบ้านก็ตะโกนถามตลอดทางว่าเกิดอะไรขึ้น ลุงจ่อย ก็ตะโกนกลับไปว่า

“ไปดูเอาเอง ข้าจะรีบไปนิมนต์หลวงพ่อ” แล้วก็จ้ำอ้าวไปอย่างรีบเร่ง

หลายคนได้ยินแบบนั้นก็วางทุกอย่างแล้วรีบเดินไปบ้านไอ้เบิ้มทันที กว่าหลวงพ่อจะมาชาวบ้านก็มารอหลายคนแล้วรวมทั้งแตงอ่อนก็มาถึงก่อนหลวงพ่อได้สักพัก ทุกคนที่เห็นสภาพของเบิ้มต่างก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเบิ้มไปเจอเข้ากับอะไรมาถึงได้มีอาการเช่นนี้ เมื่อหลวงพ่อมาถึงท่านดูอาการของเบิ้มแล้วก็หันไปบอกคนหนุ่มที่นั่งดูอยู่ในบริเวณบ้าน

“เอาขันตักน้ำมาเดี๋ยวจะทำพิธีปัดรังควานให้ เบิ้มมันเสียขวัญอย่างหนักกับสิ่งที่มันเห็นเมื่อคืนต้องเรียกขวัญด้วยไม่งั้นมันจะกลายเป็นคนเสียสติเอา” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ก็พร้อมใจกันหันขวับมาทางหลวงพ่อ

“เบิ้มมันเห็นอะไรครับหลวงพ่อ”

ท่านไม่ตอบอะไรเลยเมื่อชาวบ้านเห็นเช่นนั้นก็ไม่ซักไซ้ไล่เลียง ด้วยรู้ดีทั้งหมู่บ้านว่าท่านพูดน้อยและแทบจะตัดขาดจากโลกภายนอก ยังดีที่ท่านยังออกมาโปรดสัตว์และช่วยเหลือชาวบ้านบ้างเป็นครั้งคราว

เมื่อทุกอย่างพร้อมหลวงพ่อก็เริ่มทำพิธีจนเสร็จสมบูรณ์และได้กำชับว่าต้องมีคนดูแลเบิ้มจนกว่าจะฟื้นไข้ตลอดระยะเวลา 7 วันห้ามทิ้งเบิ้มไว้คนเดียว เอาน้ำมนต์ไปผสมน้ำให้เขาอาบ แบ่งส่วนหนึ่งให้เขากินพอพูดจบหลวงพ่อจึงขอตัวกลับวัด ลุงจ่อยทำหน้าที่ถือย่ามไปส่งหลวงพ่อตามเคย เมื่อพ้นสายตาผู้คนลุงจ่อยที่มีโอกาสอยู่กับหลวงพ่อสองต่อสองก็ถามขึ้น

“เบิ้มมันไปเจออะไรมาเหรอครับท่าน”

“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะโยม อาตมาได้ยินแต่เสียงคนร้องโหวกเหวกโวยวายเมื่อคืนนี้ สักพักก็เงียบไปอาจจะเป็นวิญญาณเก่าแก่ที่ไม่เคยได้ส่วนบุญจากลูกหลาน” หลวงพ่อตอบลุงจ่อยแล้วเงียบไปก่อนพูดขึ้นอีกครั้ง

“สิ่งที่โยมเบิ้มเจอไม่ต้องพูดเยอะนะโยมจ่อยประเดี๋ยวชาวบ้านจะแตกตื่น”

“ครับท่าน” ลุงจ่อยรับคำ หลังจากส่งหลวงพ่อถึงวัดลุงจ่อยก็กลับมาบอกเรื่องที่หลวงพ่อพูดให้ ลุงเปี่ยมไอ้จุกและแตงอ่อนฟัง

หลายวันต่อมาอาการของเบิ้มก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ชาวบ้านแวะเวียนมาถามข่าวคราวกันทุกวันแต่สิ่งที่ทุกคนอยากรู้เขาก็ยังไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง เพราะลุงจ่อยกำชับเบิ้มไว้ด้วย

เมื่อทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ การจะมาจับกลุ่มเป็นไทยมุงก็คงไม่ดี หลายวันที่ผ่านมานี้ยังไม่ได้ข้อมูลเลยว่า จริงๆ แล้วเบิ้มเห็นอะไรกันแน่ จึงต้องแยกย้ายกันไปทำมาหากินใช้ชีวิตตามปกติที่เคยเป็น จะมีแค่คนแก่บางคนที่แวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อน สลับกันไปตามแต่ใครจะสะดวกคงมีแค่ลุงเปี่ยมและลุงจ่อยที่มาอยู่เป็นเพื่อนเบิ้มตลอด 7 คืน 7 วันที่ผ่านมา ด้วยเหตุว่าไม่มีงานไร่งานนาเท่าไรนักเพราะยกให้ลูกหลานทำหมดแล้ว ส่วนแตงอ่อนจะมาช่วงเช้าถึงบ่ายเพื่อเตรียมอาหารและซักผ้าให้เบิ้มทุกวัน

วันนี้อาการเขาดีขึ้นมาก หลังกินข้าวเสร็จทั้งสี่คนก็นั่งคุยกันสัพเพเหระแล้วเบิ้มจึงเริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลุงเปี่ยม ลุงจ่อยและแตงอ่อนฟัง โดยวันนี้จุกไม่ได้ตามลุงจ่อยมาด้วยจึงเป็นโอกาสเหมาะ เมื่อทั้งสามได้ฟังเรื่องทั้งหมดจากปากชายหนุ่มแล้วก็ลงความเห็นกันว่าต้องไปทำบุญเบิ้มตกลงทันทีทุกคนจึงนัดวันเวลาและเตรียมของเพื่อไปทำบุญที่วัดกัน หลังจากทำบุญเสร็จสภาพจิตใจของเขาก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ นับตั้งแต่วันนั้นเบิ้มก็ไม่เคยใช้ถนนเส้นนั้น ในยามวิกาลอีกเลย แต่ชาวบ้านที่ผ่านไปมาถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันมันก็รู้สึกเย็นยะเยือกอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel