บท
ตั้งค่า

กะเพียดผี : แปรสภาพ p1

สิ่งที่กำลังเห็นทำให้เบิ้มตกใจมาก ชายหนุ่มอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยืนมองมันค่อยๆ ขยายขึ้น เมื่อมันขยายใหญ่เต็มที่จนเกือบเท่าโอ่งน้ำใบเขื่อง ขนาดของมันแทบจะเต็มถนนแต่สิ่งที่น่าพรั่นพรึงไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น แมวที่เห็นตอนแรกเปลี่ยนร่างเป็นกะเพียดใหญ่มันเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ตอนนี้ขณะที่มันกลิ้งไปมาอยู่กลางถนนรูปร่างของเครื่องจักสานได้เริ่มเปลี่ยนสภาพอีกครั้ง

เบิ้มที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างคิดว่าดูท่าจะไม่ดีจึงค่อยๆ ถอยหลังออกไปทีละก้าวเพราะคงจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ในคืนนี้ เนื่องจากสิ่งที่กำลังแสดงตัวให้เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นมันเกินคาดเดาและคงจะไม่ใช่ อะไรที่ดีแน่ ส่วนตัวเบิ้มเองเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังวัดเขาก็พอได้ยินได้ฟังมาบ้างแต่ก็คิดว่าคนเหล่านั้นเพ้อเจ้อ หรือไม่ก็เมาเหล้ากลั่นจนฟั่นเฟือนประสาทหลอนแต้มเติมเสริมแต่งเรื่องราวหลอกตัวเอง ชะรอยวันนี้จะเป็นวันที่เขาได้เจอดีบ้างเสียแล้ว

ในขณะที่เบิ้มคิด และกำลังเดินถอยหลัง เจ้าสิ่งที่เขาเรียกมันว่ากะเพียดในตอนแรกนั้น เวลานี้มันได้เปลี่ยนรูปทรงจนดูคล้ายคนไปเรื่อยๆ หลังจากที่เกิดปุ่มนูนยื่นออกหลายปุ่ม แขนขาและหัวก็ปรากฏ ไม่เพียงเท่านั้นมันยังยืนขึ้นและเริ่มยืดตัวช้าๆ เหมือนต้องการให้คนที่กำลังดูอยู่ เกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งยวด

สิ่งนั้นสูงใหญ่แบบผิดมนุษย์ ร่างกายที่ผิดธรรมชาตินั้นยืดขึ้นราวกับว่าไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด ในเวลาเดียวกันที่ร่างค่อยๆ สูงตระหง่านโผล่พ้นยอดต้นไม้ใหญ่ ผมเผ้าของมันก็งอกเหยียดยาวรุงรังเลื้อยลงมาตามลำตัวจนเกือบถึงพื้น เบิ้มที่กำลังยืนแหงนหน้ามองอ้าปากค้างตะลึงงันไปกับสิ่งที่ได้พบเจอดั่งต้องมนต์สะกดก็แทบจะหยุดหายใจ อยากจะวิ่งหนีก็วิ่งไม่ได้เพราะตอนนี้เขาก้าวขาก็ไม่ออก มันแข็งเกร็งตึงไปหมด

สิ่งที่เห็นอยู่นั้นแม้จะสูงมากก็ยังมองเห็นว่าใบหน้าใหญ่เท่ากระด้ง ดวงตาแดงก่ำเบิกโพลงลิ้นห้อยยาวจนเกือบถึงพื้นดิน ลำตัวผอมซูบขาวซีดผิวหนังแห้งหุ้มกระดูก แต่พุงกลับโลป่องพองจนแทบแตก มือและเท้าใหญ่เกือบเท่าใบตาล

มันยืนโงนเงนตวัดลิ้นไปมาเหมือนกำลังล้อเลียนเขา อีกทั้งยังส่งเสียงร้องโหยหวนปนเสียงหัวเราะเยาะก้องในโสตประสาท เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกดำ ไม่พอแค่นั้นมันยกมือข้างหนึ่งขย่มต้นไม้เกิดเสียงใบกระทบกันดังซู่ซ่า แรงขึ้นๆ จนเริ่มได้ยินเสียงกิ่งไม้หักดังเปาะๆ

เปรี๊ยะ!!

สิ่งที่มันทำเหมือนต้องการเขย่าขวัญของเบิ้มให้แตกกระเจิงและมันก็ได้ผล เมื่อความกลัวถึงขีดสุด สติเริ่มหลุด เหงื่อกาฬไหลเต็มตัวทุกอณูรูขุมขนทั้งที่รู้สึกหนาวสั่นจากขั้วหัวใจแต่เหงื่อนั้นกลับสวนทาง เหมือนความสมดุลในร่างกายมันกำลังปั่นป่วน เหงื่อเท่าเม็ดข้าวโพด ไหลออกมาอย่างกับน้ำจากกลางกระหม่อมยันปลายเท้า ทำเอาเสื้อผ้าเปียกชุ่มไปทั้งตัว มือไม้เริ่มอ่อน ขาสั่นพั่บๆ สิ่งที่เห็นต่อหน้าไม่มีทีท่าว่าจะหายไปในเวลาอันรวดเร็วเลย

ในที่สุดเบิ้มก็ควบคุมสติไม่อยู่ เขาร้องตะโกนขึ้นเสียงหลงแข่งกับเสียงหมาที่กำลังแหงนหน้าเห่าหอนโหยหวนอยู่ภายในวัด เมื่อมันเริ่มแสยะยิ้มอีกครั้งจนเห็นฟันเน่าๆ มุมปากมันยกฉีกแทบถึงใบหูทั้งที่ลิ้นของมันก็ห้อยอยู่อย่างนั้น แล้วเขาก็กลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

“โอ๊ยยย อ๊าาาาาาาาาาก ผะ ผะ ผะ ผี ผี ชะ ชะ

อ๊าาาาาาาาาาาาาก ช่วยด้วย ผีหลอก ผะ ผะ ผี อ๊าาาาาาก กะ กะ กะเพียด ผะ ผะ ผะ ผี ผีหลอก” เขากระโดดดีดตัวขึ้นลอยลิ่ว แต่ตอนลงพื้นนี่สิเสียหลักหัวคะมำ

วิ่ง!!

สมองสั่งให้ขาวิ่งแบบอัตโนมัติแม้จะยังยืนไม่ขึ้น นาทีนี้ล้มแล้วต้องคลานต่อ กว่าจะกระเสือกกระสนยันร่างให้ยืนหยัดได้ก็ทุลักทุเลล้มลุกคลุกคลานอยู่หลายครั้ง เบิ้มหันหลังให้เจ้าสิ่งนั้นหนีกลับไปทิศทางเดิมที่ตัวเองเดินเข้ามาในตอนแรก ชายหนุ่มสับเท้าก้าวขาไปไวว่องทั้งที่น้ำหูน้ำตาไหล แหกปากร้องโวยวายไปตลอดทาง

“ผีหลอก ผี ผี ผีหลอก ช่วยด้วย ช่วยด้วย ผี ผีหลอก ผี กะเพียด ผี กะเพียด ผี ผีหลอก กะเพียด ผี ผีหลอก ช่วยด้วย”

ร่างชายฉกรรจ์ทั้งวิ่งทั้งร้องตะโกนไปอยู่อย่างนั้น จนถึงบ้านโดยไม่สนใจเมื่อมีใครร้องเรียกถามว่าเกิดอะไรขึ้น บางคนที่เข้าบ้านแล้วเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกโวยวายมาแต่ไกลก็รีบออกมาดูด้วยความสงสัยเกิดเหตุร้ายอันใด

พอเบิ้มถึงบ้านเท่านั้น เขาก็กระโจนอย่างเร็วรี่ตรงดิ่งไปยังห้องนอน โผมุดตัวเข้าซุกร่างขดแข้งขากอดตัวเองคุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มร่างกายสั่นงันงกผมเผ้าชี้ตั้งหน้าชาปากชาเหงื่อไหลเสื้อผ้าเปียกชุ่มแต่ภายในก็ยังมีแต่ความหนาวเหน็บ รูขุมขนทุกรูชูชันขึ้นอย่างกับหนังไก่ ชายหนุ่มรู้สึกขนพองสยองเกล้ากับภาพที่เห็นและมันยังติดตาตามหลอกตามหลอน ทำให้ยากที่จะควบคุมสติสัมปชัญญะเอาไว้ได้ ปากก็พร่ำเพ้อประโยคนั้นอย่างเดียว

ในเมื่อบ้านทั้งหลังก็มีเขาอยู่เพียงลำพังใครจะมาดูอาการของร่างกายที่สั่นเทิ้ม ในเวลาเช่นนี้ไม่มีใครคอยปลอบขวัญเลยแม้เพื่อนบ้านก็ยังไม่ได้ตามมาในทันที หลายคนที่ออกมายืนดูยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ผีหลอก ผี ผี ผีหลอก กะเพียด ผี กะเพียด ผี ผีหลอก ผี กะเพียด ผี กะเพียด ผี ผีหลอก ฮืออๆๆ”

ในบ้านหลังใหญ่ท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงร่ำไห้ของชายผู้หวาดกลัวและหวาดผวาที่กำลังหนาวสั่นแต่เนื้อตัวกลับโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม

อรุณรุ่ง แว่วเสียงไก่ขันพร้อมทั้งนกกาส่งเสียงเจื้อยแจ้วกระพือปีกตีอากาศบินออกจากรัง พวกมันก็ออกหากินตามปกติของมันทุกวันอยู่แบบนั้น แต่สิ่งที่ผิดปกติในเช้านี้คือ เบิ้ม

วันนี้..ไม่มีใครเห็นเบิ้มออกจากบ้านเลย ซึ่งมันแปลกจนผิดสังเกต เพราะทุกวันเขาจะต้องต้อนควายเดินมุ่งหน้าไปยังทุ่งนาแต่เช้าตรู่ ทว่าวันนี้กลับไม่เห็นแม้เงา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel