กะเพียดผี : หนุ่มคุ้มใต้จะไปแอ่วสาวคุ้มเหนือ p2
โดยปกติแล้ว เบิ้มจะไม่ใช้เส้นทางนี้เพื่อเดินทางไปหาหญิงสาวในช่วงเวลากลางคืนสักเท่าไหร่ เพราะว่ามันก็เคยมีเรื่องแปลกๆ ที่ไม่ค่อยดีนักเกิดขึ้นพอให้ได้ยินข่าวเป็นครั้งคราว แต่วันนี้ เบิ้มใจร้อนอยากเจอแตงอ่อนไวๆ และเมื่อไฟฟ้ายังไม่มีก็ต้องอาศัยแสงสว่างจากตะเกียงและดวงจันทร์นำทางวันไหนฟ้ามืดก็มืดตึ๊ดตื๋อ โชคดีคืนนี้พระจันทร์แจ่มจรัสแม้ยามรัตติกาล
ชายหนุ่มรีบสับเท้าก้าวขาอย่างไวว่อง หวังไปถึงบ้านหญิงสาวให้เร็วที่สุดด้วยความคิดถึงอย่างรุนแรง เขาคิดเอาไว้ว่าไปถึงจะดึงมาหอมสักฟอดใหญ่สูดกลิ่นกายเธอให้จุกปอด
เบิ้มเดินไปเรื่อยๆ จนมาถึงถนนเส้นที่ต้องเดินผ่านหลังวัด เขาไม่ลังเลเลย รีบซอยเท้าฝ่าเข้าไปในความมืดทันทีโดยลืมนึกไปว่าความมืด แสงและเงามันไม่เท่าเส้นทางที่ผ่านมา
ถนนเส้นหลังวัดนั้นมีต้นไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่ตลอดทางมันจึงดูมืดกว่าช่วงที่ผ่านมามาก คงมีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยที่ลอดผ่านใบไม้ลงมาเท่านั้น ที่ทำให้พอจะมองเห็นถนนได้บ้าง
มันค่อนข้างเงียบ ดูวังเวงและเปลี่ยว บ้านคนก็น้อย แถมอยู่ห่างกันด้วย พื้นที่ส่วนใหญ่ของอีกฟากถนนเป็นทุ่งนาและสวน มองเห็นเพียงแสงไฟจากกองฟืนที่สุมไล่ยุงให้วัว ควาย วับๆ แวมๆ อยู่ห่างๆ
“โอ้ว!!! เงียบมากทั้งเงียบทั้งมืดพับผ่าสิลืมตะเกียงได้ยังไงวะเนี่ย”
เบิ้มชะงักยืนอยู่ชั่วครู่จนตาเริ่มปรับแสงจึงเริ่มเดินต่อ เขาเดินบ่นพึมพำนึกโมโหให้ตัวเอง เพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมของสำคัญ ด้วยความที่รีบมากและคาดไม่ถึงว่าถนนเส้นนี้จะมืดและเงียบกว่าทางที่ผ่านมาได้ขนาดนี้ แต่ก็ยังดีที่ไม่สะดุดเข้ากับอะไรเลย เสียอย่างเดียวมันจะดูดหน่อยเพราะพื้นเป็นทรายแต่ก็ยังโชคดีที่รู้สึกสบายเท้าเวลาเดิน
เขารีบเดินจ้ำเอาๆ จนใกล้จะพ้นรั้ววัดอีกฝั่งอยู่แล้ว อยู่ๆ หมาเจ้ากรรมก็ดันเห่าหอนขึ้นมาทำเอาเบิ้มถึงกับสะดุ้งโหยงหัวใจเต้นโครมครามด้วยความตกใจ ขนทุกเส้นบนแขนพร้อมใจกันตั้งตรงอย่างไม่ได้นัดหมาย ดั่งมีใครมาสั่งว่าขนแขน Stand up
โฮ่งๆ บรู๋วววววววววว โฮ่งๆๆ บรู๋วววววววววววว
โฮ่งๆ บรู๋วววววววววว บรู๋วววววววววววว
“ไอ้หมาบ้าเอ๊ย ตกใจหมด จะมาหอนอะไรกันตอนนี้วะ”
เบิ้มเค้นเสียงก่นด่าหมา ที่ดันมาหอนเอาเวลานี้ เขารวบรวมสติสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกัดฟันกรอดจนกรามนูน
ในขณะที่จะก้าวเท้าเดินต่อ พลัน..สายตาของเบิ้มก็เหลือบไปเห็นแมวตัวหนึ่ง มันนั่งทำความสะอาดขนอยู่บนขอบรั้วกำแพงวัด ทำท่าทำทางเหมือนกำลังแต่งตัวเลียแข้งเลียขาและเท้าหน้า ยกขาไปถูที่หลังใบหูของมัน ทันใดนั้น มันก็หยุดมองมาที่ตัวเบิ้ม
“เมี๊ยวววววววววววว”
แมวตัวนั้นร้องลากเสียงยาวเหมือนอยากจะออดอ้อนเขา ช่างน่าแปลกที่เบิ้มกลับคิดว่ามันดูยังไงๆ ชอบกล เขาไม่รู้สึกถึงความน่ารักของมันเอาซะเลย ตรงกันข้ามมันทำให้เบิ้มมีความรู้สึกกลัวจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว สันหลังเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งหลังจากการส่งเสียงร้องของแมวตัวนั้น บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มเงียบสงัดจนดูผิดปกติแถมยังเย็นยะเยือกลงเรื่อยๆ โดยที่เบิ้มก็ไม่รู้สาเหตุ
ชายหนุ่มได้แต่นึกแปลกใจว่า ทำไมอยู่ดีๆ ถึงรู้สึกหนาวสั่นได้ขนาดนี้ แม้มันจะเป็นช่วงปลายฝนต้นหนาวก็ตามเถอะ แต่สภาพอากาศฤดูกาลนี้ก็ไม่ถึงกับต้องเรียกว่าหนาว หากบอกว่ากำลังเย็นสบายคงเหมาะสมมากกว่า ทว่ายังไม่สิ้นความรู้สึกนึกคิดในขณะที่เบิ้มเดินใกล้จะถึงจุดที่แมวตัวนั้นนั่งปักหลักบนกำแพง อยู่ๆ มันก็กระโจนลงมาดักตรงหน้าทำให้เขาถึงกับผงะก้าวถอยไปด้านหลังด้วยความตกใจโดยอัตโนมัติ
“บ้าเอ๊ย!!! ตกใจหมด อะไรของแกวะเนี่ย คนยิ่งรีบอยู่นะเว้ยเฮ้ย”
เขาอุทานออกมาทั้งบ่นให้แมวนั่นที่กระโจนมาขวางทางเขา อีกทั้งยังมีเสียงหมาหอน สำทับมาอีก
โฮ่งๆ บรู๋วววววววววววววววววววววว
“ไอ้พวกหมาบ้านี่ก็ไม่หยุดเห่าหอนเสียที บรรยากาศยิ่งวังเวงอยู่ด้วยดูสิ ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย”
เบิ้มบ่นพึมพำอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดมิดพลางยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง ฝ่ามือใหญ่และหยาบกระด้างสัมผัสได้ว่ารูขุมขนของตนฟูฟ่องอย่างกับแพ้หนอนบุ้งขน
ในขณะที่เบิ้มตัดสินใจจะเดินต่อเพื่อรีบไปหาแตงอ่อน เขาไม่อยากจะสนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตรงนี้แล้ว เพราะเริ่มรู้สึกว่ามันเสียเวลามากและอยากจะเจอยอดดวงใจให้เร็วที่สุด ทว่าเจ้าแมวนั่นก็ล้มตัวกลิ้งเกลือกถูไถลงไปกับพื้นถนนที่เต็มไปด้วยทรายปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ คล้ายกับว่ามันต้องการให้เขาหยุดและลูบท้องลูบพุงมันเสียก่อนแล้วค่อยไปหรือช่วยรับข้าไปเลี้ยงทีมนุษย์บ้านเอ็งมีแมวรึยัง
เจ้าแมวเหมียวทำอยู่อย่างนั้นโดยที่เบิ้มได้แต่ยืนมองอย่างงวยงงและกำลังคิดว่าจะเอายังไงดี จะไปต่อหรือจะเดินไปลูบพุงมันก่อนแล้วค่อยไปบ้านแฟนสาว หรือจะอุ้มมันไปด้วยถือเอาเป็นเพื่อนร่วมทางซะเลย
ในขณะที่คิดอยู่นั้น อยู่ๆ สายตาของเขาก็เห็นแมวตัวนั้นเริ่มเปลี่ยนสภาพกลายเป็นกะเพียด ทำเอาเบิ้มตกใจอีกครั้งผงะถอยหลังไปสองสามก้าว
“เฮ๊ย!!! นั่นมันอะไรอีกล่ะวะเนี่ย”
“โบร๋ววววววววววว บรู้วววววววววววว”
หมาหอนอีกแล้วในขณะที่เขาก้าวถอย ชายหนุ่มอุทานออกมาเสียงดังด้วยความตกใจระคนสงสัย หัวใจของเขาเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ เมื่อมองดูกะเพียดนั่นเริ่มขยับกลิ้งไปกลิ้งมาต่อหน้า ในทุกขณะที่มันกลิ้งขนาดของมันก็เปลี่ยนไปด้วย เบิ้มยืนตัวสั่นพรั่นพรึงดูมันค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
(กะเพียด เป็นเครื่องจักสานชนิดหนึ่งที่มีไว้ตีฝ้ายในสมัยนั้น มีรูปทรงที่ดูโปร่ง บางและปากกว้าง ก้นลึก)
