บท
ตั้งค่า

กะเพียดผี : หนุ่มคุ้มใต้จะไปแอ่วสาวคุ้มเหนือ p1

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่งแถบชนบททางภาคอีสาน เมื่อหลายสิบปีก่อน ที่นั่นเป็นหมู่บ้านที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้แสงสว่างยามค่ำคืนก็ใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่ทำขึ้นเองเท่านั้น

ผู้คนอยู่กันแบบวิถีชนบทมีชีวิตที่เรียบง่าย ตื่นเช้าก็ไปทำไร่ทำสวน ตกเย็นกลับบ้านพอมืดค่ำก็จุดตะเกียงหุงหาอาหารกินข้าวกินปลา ผู้เฒ่าผู้แก่จับกลุ่มคุยกัน การดำรงชีวิตไม่ได้หรูหราอะไร เมื่อสมควรแก่เวลาก็เข้านอน เป็นอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จะทำอย่างอื่นมากคงไม่ได้ เพราะตอนนั้นไม่มีเทคโนโลยีใดๆ เมื่อไม่มีไฟฟ้า ทีวีไว้ดูหนังสร้างความบันเทิงหรือรับข่าวสารให้ทันโลกนี่คงไม่ต้องพูดถึง

ทว่าสำหรับบางครอบครัวแล้วก็ต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหนักกันมาตลอดทั้งวัน อีกทั้งวันรุ่งขึ้นจะต้องออกไปทำงานในไร่ในสวนแต่เช้าตรู่คงไม่มีเวลามานั่งคุยสัพเพเหระเหมือนอย่างคนอื่นเขา

ส่วนหนุ่มสาวก็จับกลุ่มคุยกันตามประสาวัยรุ่น เด็กเล็กบางคนก็มานั่งเล่นกับพวกพี่ๆ แม้ว่าบางทีจะเอะอะโวยวายบ้างก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

หนุ่มสาวบางคู่ก็หยอกล้อกันกะหนุงกะหนิงบางคู่ก็แอบไปพลอดรักกันในที่ลับตาคนอย่างไม่อายผีสางนางไม้หรือเทวดาตนใด

เบิ้ม หนุ่มใหญ่รูปร่างสันทัดกำยำล่ำสัน เพราะกรำงานหนักมาทั้งชีวิต แต่ยังโสดไม่เคยผ่านการมีลูกเมีย เรียกได้ว่าไม่เคยผ่านมือผู้หญิงคนใดมาก่อน

ชีวิตของเบิ้มนั้นก็เหมือนคนอื่นๆ ในหมู่บ้านที่ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกไปทำไร่ไถนา เหมือนอย่างนกกาที่รีบออกจากรังเพื่อหาอาหารยามอรุณรุ่ง ไม่เช่นนั้นก็คงจะอดตาย

ในแต่ละวันเบิ้มทำงานอย่างหนักกว่าจะกลับถึงบ้านก็เล่นเอาซะมืดค่ำ ทำยังไงได้ ก็คนบ้านนอกคอกนาไม่ได้ไปหาทำงานรับใช้ใครที่ไหน ก็ต้องเป็นนายตัวเอง ทำมาหากินเลี้ยงชีพตนในผืนแผ่นดินที่บรรพบุรุษให้มาเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น

ขยันก็มีกินไม่มีอดตายถ้ามีที่นาแต่ไม่ทำมาหากินอะไร ก็หมดเพราะขายที่กินและหากมัวแต่เกียจคร้านแล้วจะเอาอะไรกินเล่า เขาใช้ชีวิตลำพังคนเดียวมาหลายปีเพราะทั้งพ่อและแม่ต่างก็จากเขาไปกันหมดแล้ว วันนี้เขาตั้งใจว่าหลังจากหุงหาอาหารกินข้าวกินปลาและอาบน้ำอาบท่าประแป้งเสร็จเขากะจะไปแอ่วสาวคุ้มเหนือซะหน่อย

เพราะหมู่บ้านค่อนข้างจะใหญ่ผู้คนที่อยู่อาศัยในแถบนั้นยังไม่แออัด บ้านเรือนแต่ละหลังก็ห่างกันแล้วตัวเบิ้มเองนั้นบ้านเขาอยู่คุ้มใต้ จึงถือว่าไกลพอสมควรจากบ้านสาวคนรัก

แน่นอนด้วยความที่เป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาเหมือนคนอื่นๆ เช่นกัน เขาก็ย่อมมีคนที่หมายปองอยู่เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว และหญิงคนนั้นก็คือ แม่แตงอ่อน หนึ่งในสาวงามประจำหมู่บ้านที่ยังโสดอยู่เหมือนกัน

แม่แตงอ่อนหญิงสาวชาวบ้านที่เกิดในหมู่บ้านเดียวกัน และเป็นหญิงสาวที่เบิ้มหมายปองมาเนิ่นนาน แตงอ่อนเป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาจัดได้ว่าสวย เธอสวยในแบบฉบับของสาวชาวบ้าน สวยหมดจด สวยแบบไม่เคยมีใครสวยแบบนี้มาก่อน

แน่นอนสิชอบใครรักใคร ก็ต้องมองคนนั้นว่าสวยที่สุดในโลกอยู่แล้ว จะให้ไปมองใครที่ไหนกันล่ะ เกิดเป็นคนก็ต้องซื่อสัตย์กับคนที่ตนรักใช่หรือเปล่า

ในระหว่างที่ทำกับข้าวกินข้าวแม้กระทั่งตอนอาบน้ำ เบิ้มเอาแต่จินตนาการเฝ้านึกถึงคะนึงหาหญิงสาวผู้เป็นที่รัก หญิงไทยใบหน้างดงามหมดจดอีกทั้งผิวพรรณที่สะอาดสะอ้าน ต่างจากสาวชาวบ้านทั่วไป และเธอ..แตงอ่อนผู้มีจิตใจดีนั้นยังมีใจให้เบิ้มเพียงคนเดียว

“โอ้..แม่แตงอ่อน เธอช่างแสนดีจริงๆ”

เบิ้มอดพร่ำเพ้อชื่นชมในความมีจิตใจดีของหญิงสาวไม่ได้ นั่นเพราะว่าถึงแม้จะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ มากหน้าหลายตาหมายปองเธอ เทียวไล้เทียวขื่อ มิหนำซ้ำพวกผู้ชายเหล่านั้นต่างก็เพียบพร้อมทั้งรูปร่างหน้าตาและทรัพย์สินเงินทองแต่เธอก็ไม่แยแส นับได้ว่าเป็นโชคดีของตัวเขาเองที่แตงอ่อนมองเขาเพียงคนเดียว

แม่แตงอ่อนมองเขาที่ใจไม่ใช่เพียงรูปร่างหน้าตาภายนอกหรือฐานะเงินทองใดๆ เพราะเขาไม่ได้หล่อเหลาอะไรเลย แถมยังไม่รวยอีก เขาก็แค่หนุ่มชาวบ้านหน้าตาธรรมดาๆ คนหนึ่ง เบิ้มเคยถามแม่แตงอ่อนว่าเหตุใดถึงเลือกเขาทำไมไม่มองชายอื่นบ้างเลย ถึงแม้ว่าจะเป็นคำถามที่เขาเองกลัวคำตอบแต่เบิ้มก็อยากรู้เพื่อความมั่นใจว่าเขารักคนไม่ผิด แตงอ่อนให้เหตุผลว่า

“เพราะพี่เบิ้มเป็นคนจิตใจดียังไงล่ะจ๊ะ ตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ ขยัน อดทน ไม่เกียจคร้าน ไม่สูบยา ไม่สูบฝิ่น แถมไม่กินเหล้าต้มด้วย แตงอ่อนคิดว่าในวันข้างหน้าแตงอ่อนน่าจะฝากฝังชีวิตของแตงอ่อนและแม่เอาไว้ได้”

สิ่งที่เขาได้ยินจากปากของแตงอ่อนนั้น มันทำให้เบิ้มกระหยิ่มยิ้มย่องดีอกดีใจจนแทบจะตีอกชกตัว คำพูดของแตงอ่อน เพียงเท่านี้ก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนได้ชัยมามากกว่าครึ่งแล้ว เพราะสิ่งที่เบิ้มพยายามทำงานหนักมาทั้งชีวิตนั้น ก็หวังว่าผลกำไรหรือผลผลิตจากการเกษตรที่เขาทุ่มเททำงานอย่างหนักมาตลอด จะทำให้เขามีเงินเก็บเป็นกอบเป็นกำเอาไว้ไปสู่ขอแม่แตงอ่อนหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาสักวัน

“เฮ้อออ...คิดถึงเหลือเกินวันนี้ยังไม่เจอหน้าแม่แตงอ่อนเลยมัวแต่ทำงานทั้งวันจนไม่มีเวลาแวะไปหาเธอขนาดไร่ติดกันแท้ๆ แต่พอกลับบ้านนี่สิวะไอ้เบิ้มเอ๊ย…บ้านเราอยู่คุ้มใต้ ส่วนบ้านเธอดันอยู่คุ้มเหนือ

แหม...กว่าจะเดินไปถึงได้เล่นเอาเหนื่อยหอบเหมือนกัน แล้วยิ่งขากลับนี่สิ ผู้คนที่เคยส่งเสียงเจื้อยแจ้วเข้านอนกันหมดถนนทุกสายเงียบสนิท คงมีแต่หมาที่เห่าหอน และสัตว์เล็กที่ออกหากินยามค่ำคืนกระโดดเข้าพุ่มไม้ทีไรเล่นเอาขนลุกเกรียวกราวเลยทีเดียว มันช่าง…วังเวงเป็นบ้า คิดแล้วขนลุกชอบกล แต่เอาวะเพื่อเธอ..ข้ายอมทุกอย่าง”

เบิ้มบ่นพึมพำเบาๆ อยู่คนเดียวในขณะที่ทำธุระส่วนตัวอยู่ในห้องน้ำ เมื่ออาบน้ำเสร็จก็จัดแจงแต่งเนื้อแต่งตัวจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยประแป้งตามสมัยนิยมในยุคนั้น พร้อมออกจากเรือนเพื่อเดินทางไปหาแม่แตงอ่อน

ชายหนุ่มคำนวณดูเวลากับระยะทางและเส้นทางที่ต้องไปเป็นที่เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินลงจากเรือนมุ่งหน้าไปทางคุ้มเหนืออย่างไม่รีรอ เบิ้มคิดในใจว่า เส้นทางลัดที่ใกล้ที่สุดมีเส้นทางเดียวและมีความจำเป็นต้องผ่านวัดประจำหมู่บ้าน มิหนำซ้ำยังเป็นด้านหลังวัดเสียด้วย

“แหม...เอาวะ คงไม่มีอะไรหรอก”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel