5.แผนร้าย
***ทักทายคร้า ***
หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงเสร็จพระแพงก็ขอตัวกลับ พอเดินไปถึงรถเก๋งคู่ใจดวงตาคมโตถึงกับเบิกกว้างอย่างตกใจระคนโกรธแค้น เมื่อเห็นล้อรถด้านหลังแบนติดพื้น จากนั้นก็เดินสำรวจไปรอบๆ ปรากฏว่าล้อรถแบนติดพื้นทั้งสี่ล้อ
“ใครเจาะยางรถวะ!” หญิงสาวสบถออกมาอย่างหัวเสีย ทำให้คนที่เดินตามมายกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“รถเป็นอะไร” พระแพงหันไปมองด้านหลัง เห็นร่างสูงสง่าในชุดลำลองสบายๆ ยืนอยู่ข้างรถ
“ไม่รู้ใครเจาะยางรถฉันน่ะสิคะ อย่าให้รู้เชียว แม่จะจัดการให้สลบเหมือดกับพื้นเลย”
คนทำถึงกับสะดุ้งในใจ หญิงสาวสบตาคมเข้มที่มองมาอย่างวับวาว แต่เมฆากลบเกลื่อนด้วยการเสมองรถราที่วิ่งบนถนนหน้าโรงพยาบาล ทำให้เธอไม่มีโอกาสเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเขา
“เดี๋ยวผมไปส่ง พอดีจะไปหาคุณหญิงย่าของคุณอยู่เหมือนกัน” พระแพงมองเขาอย่างคลางแคลงใจ ก่อนจะถามย้ำให้แน่ใจ
“ไม่ใช่ฝีมือคุณชายแน่นะคะ”
“ผมจะทำให้ได้อะไรขึ้นมา แถมคุณจะไม่ชอบขี้หน้าผมเพิ่มขึ้นน่ะสิ” เขาตอบเสียงจริงจังและผายมือเชิญเธอไปที่รถ พระแพงมองรถเก๋งสปอร์ตของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกล ก่อนจะตัดสินใจก้าวขึ้นไป
“คุณชายขับเองเหรอคะ” พระแพงถามอย่างแปลกใจที่เห็นเขาไปนั่งด้านคนขับ เขายิ้มให้เธอแล้วหันไปสตาร์ตรถ
“อยากขับเอง เอาลูกน้องตามไปเยอะๆ ใครแถวนี้ก็จะหาว่าทำตัวเป็นคุณชายมาเฟียตามฉายาที่ได้มา”
ดวงตาคมสวยตวัดค้อนงามๆ วงใหญ่ ทำเอาคุณชายมาเฟียหัวใจแทบละลาย ถ้าไม่ติดว่าขับรถเขาคงดึงเธอมาจูบลงโทษเสียหน่อย โทษฐานที่ทำให้เขานอนไม่หลับเพราะรสหวานซ่านทรวงของริมฝีปากอิ่ม
รถสปอร์ตคันหรูวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วปกติ ภายในรถเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศชั้นดี แต่คนโดยสารรู้สึกถึงความอึดอัดที่เริ่มก่อตัวขึ้น ดวงตาคมเข้มก็ชำเลืองมองมาเป็นระยะ ทำให้คนถูกมองเกิดอาการประหม่าแต่ก็พยายามจะระงับไว้อย่างเต็มที่ แต่ก็ยากหรือเกิน เพราะคนที่ทำหน้าที่สารถีกิตติมศักดิ์เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งบุรุษ ความหล่อเหลาไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าคมเข้มหาตัวจับยาก และนัยน์ตาคมดำสนิทที่ชอบบังคับเธอ แทบสะกดทุกคนได้ตลอดเวลาทีเดียว
“มองนานๆ คิดสตางค์นะผู้กอง” เขาบอกนัยน์ตาพราว พระแพงดึงสายตาออกจากใบหน้าหล่อเหลาแทบไม่ทัน
“รู้ได้ยังไงคะว่าฉันมอง”
เมฆาหัวเราะเบาๆ หันไปมองคนนั่งข้างนิดหนึ่งแล้วเบนสายตาไปมองถนนตามเดิม
“คนเราถ้าใจสื่อถึงกันยังไงก็รู้ ถ้าไม่เชื่อแพงลองสังเกตดูก็ได้”
“ไม่เอาหรอก ฉันไม่ใช่โรคจิตจะได้ทำตัวเป็นถ้ำมอง” เธอบอกเสียงขึ้นจมูก ก่อนจะมองออกไปนอกตัวรถเพื่อยุติการสนทนา สายตากลมโตมองป้ายบอกทางอย่างแปลกใจ เพราะนี่ไม่ใช่เส้นทางกลับบ้านของเธอ “เราจะไปไหนคะคุณชาย”
“คุณป้าโสภีให้ผมเริ่มงานกับคุณได้เลย ผมเองก็ไม่อยากเสียเวลา ตั้งใจว่าจะพาคุณไปคุยเรื่องงานที่วังชโลธร”
“ทำไมต้องไปที่นั่น บ้านฉันก็ได้”
“กลัวเหรอ” แววตาคมพราวระยับเมื่อเห็นความไม่มั่นใจของหญิงสาวปรากฏในดวงตาคู่งาม
“เปล๊า” เธอขึ้นเสียงสูง เก็บความหวาดหวั่นไว้เต็มกำลัง เมฆาแอบยิ้มอยู่ในใจอย่างเอ็นดู จากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำภายในรถ ต่างคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง รถก็แล่นพลิ้วไปเรื่อยๆ เหมือนเส้นทางจะไม่มีจุดสิ้นสุดหากเจ้าตัวไม่ต้องการ
ประจักษ์นั่งคุยอยู่กับเอมอรภรรยาอยู่ในห้องนั่งเล่น อภิญญาสวมชุดสายเดี่ยวสีแดงเพลิงขับผิวขาวผุดผ่องน่ามอง ใบหน้าสวยถูกเมกอัปด้วยเครื่องสำอางราคาแพงเพื่อให้เหมาะกับใบหน้าสวยด้วยมีดหมอของเจ้าหล่อน เรียวขาขาวสวยโผล่พ้นออกมาจากชายกระโปรงสั้นเหนือเข่า ทำให้คนเป็นแม่ต้องส่ายหัวไปมาอย่างอ่อนใจกับความเปรี้ยวจี๊ดของบุตรสาว
“แต่งตัวสวยขนาดนี้จะออกไปไหนล่ะลูก” ประจักษ์ถามขณะยกมือโอบบ่าบางเข้าไปชิด อภิญญากอดร่างเจ้าเนื้อนิดๆ ของบิดาอย่างเอาใจ
“จะไปหาคุณชายเมฆาที่วังค่ะคุณพ่อ” หล่อนจีบปากจีบคอบอกอย่างมีความสุขเมื่อได้เอ่ยถึงคนที่เฝ้ามีใจ
ประจักษ์หัวเราะอย่างถูกใจ เพราะสนับสนุนให้ลูกคบกับคุณชายเมฆามาตลอด
“เมื่อไหร่จะจับคุณชายได้ซะทีล่ะแม่ญา พ่อกับแม่จะได้มีหน้ามีตากับเขาบ้าง ที่ลูกสาวได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์”
“พูดถึงคุณชายเมฆาขึ้นมา ญาโกรธคุณย่าเป็นที่สุด เจ้ากี้เจ้าการให้นังแพงมันใกล้ชิดกับคุณชาย คนอื่นอาสาจัดงานแสดงโชว์เครื่องประดับให้ก็ไม่เอา ดันไปให้นังแพงจัดการ คราวนี้บริษัทจะเสียหน้าเท่าไรก็ไม่รู้”
“จริงเหรอคะคุณ ไหนคุณบอกว่าย่าหลานคู่นี้ไม่ลงรอยกันไงคะ ทำไมงานใหญ่ขนาดนี้ถึงไปตกในมือพระแพงได้”
“ไม่ลงรอยอะไรกันคะคุณแม่ นังแพงมันพูดอะไรคุณย่าก็เออออไปเสียหมด คุณพ่อนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคนยังไม่คิดจะถามความเห็นซะงั้น” คำพูดของบุตรสาวเป็นเหมือนลมที่โหมพัดแรงแค้นให้ลุกโชนขึ้น
“คุณหญิงโสภีทำกับพ่อแบบนี้ได้ไม่นานหรอก” ประจักษ์แสยะยิ้ม
***
