
บทย่อ
กะรัตร้อยรัก เป็นเรื่องราวของคุณชายผู้สูงศักดิ์กับผู้กองมือดีของปราบ แต่งานนี้ไม่รู้ว่าใครจะปราบใคร ไปอ่านต่อในเรื่องราวสนุกๆ ของกะรัตร้อยรักได้เลยจ้า *** “ยี้ ไอ้คุณชายมาเฟีย เห็นหมดทั้งตัวแบบนั้นทำไมไม่ปล้ำต่อซะเลยล่ะ” เธอบอกอย่างโมโห ทั้งหมอนทั้งหมัดประเคนบนร่างบึกบึนเต็มกำลัง “เมื่อกี้ยังบอกให้ผมปล้ำอยู่เลยนี่นา” นัยน์ตาคมพราวระยับเมื่อเห็นคนเก่งของกองปราบปรามหน้าแดงซ่านด้วยความเขินอาย “คุณชายถอดเสื้อทำไมคะ” เธอถามเสียงกระท่อนกระแท่น จับต้นชนปลายไม่ถูก จากนั้นกางเกงนอนสีฟ้าอ่อนตัวใหญ่ก็หลุดออกจากเอวหนา “ก็แพงทำให้ผมร้อนไปทั้งตัวแล้วนี่ครับ” เขาบอกเสียงพร่า โน้มใบหน้าไปชิดแล้วยิ้มใส่ดวงตาดำขลับที่มองมาตาไม่กะพริบ “ร้อนก็ไปอาบน้ำสิ ใจจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” ****
1.ความบังเอิญ
***ทักทายคร้า ***
“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ช่วยคุณหญิงด้วย”
เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของผู้หญิงวัยกลางคนดังออกมาจากกลุ่มไทยมุงที่มุมถนนเบื้องหน้า ทำให้รถตำรวจที่ขับโดยจ่าเหน่ง แน่งน้อย วัยสามห้า ต้องหักพวงมาลัยจอดข้างทางตามคำสั่งของร้อยตำรวจเอกพระแพง พิชดารา หรือผู้กองแพงของสำนักงานปราบปรามตำรวจแห่งชาติ
“จอดจ่าจอด”
“มันเรื่องอะไรกันอีกเนี่ยผู้กอง เมื่อคืนก็วิ่งไล่กวดพวกค้ายามาทั้งคืน เช้านี้ก็ต้องมาผจญเวรผจญกรรมกับพวกเสพยาอีกแล้ว” จ่าเหน่งบ่นพลางเปิดประตูลงมาพร้อมกับผู้กองสาว
“เอาน่าจ่า คิดเสียว่าเป็นหน้าที่ ถ้าไม่มีตำรวจอย่างเราบ้านเมืองจะเป็นยังไง” พระแพงปลอบใจขณะวิ่งไปที่จุดเกิดเหตุ
“เมื่อไหร่ยานรกพวกนี้จะหมดไปจากโลกก็ไม่รู้นะครับผู้กอง” จ่าเหน่งเปรยพลางสาวเท้าตามไปอย่างรีบร้อน
ร่างโปร่งระหงแหวกผู้คนไปยืนอยู่ด้านหน้า ภาพที่เห็นคือหญิงสาววัยประมาณสิบแปด แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม กำลังถูกผู้ชายคล้ายคนเมาจี้ด้วยมีด พระแพงมองชายฉกรรจ์สองคนสวมสูทสีดำคล้ายกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ และพยายามหาทางเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้นเต็มที่
“เกิดอะไรขึ้นคะป้า”
ป้าเกสรแม่บ้านของวังชโลธรหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยใบหน้าซีดเผือด
“ป้าก็ไม่รู้ค่ะ ป้ากับคุณหญิงแต้วเดินซื้อของอยู่ดีๆ ผู้ชายคนนั้นก็เข้ามากระชากตัวคุณหญิงไปแล้วเอามีดจี้อย่างที่เห็นนี่แหละ คุณช่วยพูดกับคนร้ายด้วยนะคะ ช่วยคุณหญิงด้วยนะคะ” ป้าเกสรบอกทั้งน้ำตา
“ใจเย็นๆ นะคะ ฉันจะหาทางช่วยเอง” พระแพงหันไปหาจ่าเหน่งที่กำลังกล่อมคนร้ายอยู่ใกล้ๆ
“ใจเย็นๆ พวก ฉันว่าปล่อยผู้หญิงก่อนดีกว่า เธอตกใจจนจะเป็นลมอยู่แล้ว” จ่าเหน่งมองหน้าซีดขาวของเด็กสาวและหาทางเข้าไปใกล้เพื่อเตรียมชาร์จตัวประกัน
“จารึก อานันต์ นายสองคนทำอะไรสักอย่างสิ เลือดคุณหญิงออกเยอะแล้วนะ โธ่แม่คุณ ทนอีกนิดนะคะ”
“นมช่วยหญิงด้วย ฮือ ฮือ ฮือ” คุณหญิงพรรณประภา ชโลธร หรือคุณหญิงแต้วร้องไห้อย่างน่าสงสาร การ์ดสองคนก็ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะกลัวเจ้านายสาวเป็นอันตราย
“ไม่มีใครช่วยแกได้หรอกนังคนสวย ผู้หญิงสวยๆ อย่างแกชอบหลอกฉันให้รักแล้วทิ้ง ปล่อยให้ฉันต้องดูแลลูกตามลำพัง”
พระแพงมองหน้าคนร้ายแล้วหันรีหันขวางอย่างชั่งใจ นักข่าวจากหลายสำนักพอมีคนแจ้งก็รีบมาทำข่าวอย่างรวดเร็ว ทำให้บริเวณที่เกิดเหตุคาคั่งไปด้วยรถ แล้วความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวผู้กองสาว ร่างโปร่งระหงจึงวิ่งไปที่รถขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง แล้วหยิบถ่านสีดำที่วางอยู่ข้างเตาขึ้นมาทาตามเสื้อผ้าและใบหน้า มือบางฉวยหมวกแก๊ปที่อยู่บนศีรษะของเด็กผู้ชายคนหนึ่งไปสวม ก่อนจะวิ่งฝ่ากลุ่มไทยมุงขึ้นไป
“ใช่พี่ ผู้หญิงสวยๆ โกหกตอแหล ฉันช้ำใจและหมดตัวเพราะผู้หญิงพวกนี้มาเหมือนกัน” พระแพงตะโกนเสียงดังให้ดูเหมือนผู้ชาย คนร้ายและจ่าเหน่งรวมทั้งคนอื่นๆ จ้องมองหญิงสาวอย่างตกตะลึง
“ผู้กองแพง” จ่าเหน่งพึมพำกับตัวเองเบาๆ พอเห็นสัญญาณบางอย่างจากผู้กองสาว จ่าเหน่งก็พยักหน้าน้อยๆ เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
“มึงเป็นใครวะไอ้หนุ่ม”
“โธ่พี่ เราก็คนหัวอกเดียวกันน่ะสิ ผู้หญิงสวยๆ อย่างนังคนนี้มันต้องถูกกรีดหน้าให้เสียโฉมไปเลย จะได้ไม่ต้องไปหลอกใครอีก” คนร้ายหัวเราะเสียงดังเหมือนคนเสียสติเมื่อมีเพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่ง
“กูเห็นด้วยโว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“แต่ตอนนี้ฉันว่าเราพานังนี่ไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า เดี๋ยวตำรวจแห่มาจะยุ่ง”
คนร้ายมองหาเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยแววตาตื่นกลัว
“งั้นไปกันเลย” พูดเสร็จมันก็ลากคุณหญิงแต้วไปอย่างไม่ปรานี ป้าเกสรและการ์ดต่างวิ่งเข้าไปจะช่วย แต่พระแพงก็หันมาชี้หน้าแววตาดุดันทำให้ทุกคนหยุดชะงัก
“อย่าเข้ามานะโว้ย กูแทงพุงทะลุแน่” พระแพงบอกเสียงเข้ม
“อย่าทำอะไรคุณหญิงเลยนะคะ เธอเป็นคนดีไม่เคยแม้แต่จะฆ่ามดสักตัว” ป้าเกสรอ้อนวอนน้ำตาไหลเพราะความสงสารคนที่ตนเลี้ยงมา
“ไปโว้ย กูรำคาญหูจะแย่อยู่แล้ว”
“เดินไปไม่ทันกินหรอกพี่ มันต้องรถเท่านั้นเชื่อฉัน” คนร้ายเริ่มเห็นคล้อยตามความคิดของพระแพง แต่ก็ไม่ยอมคลายมีดออกจากคอเด็กสาว
“เฮ้ย ถ้าไม่อยากให้เด็กคนนี้ตาย เอารถพร้อมน้ำมันเต็มถังมาให้ข้าสองคนเร็ว”
จ่าเหน่งมองหากุญแจ พอเห็นกุญแจที่กระเป๋ากางเกงของการ์ดชื่อจารึกก็กระชากมาถือและโยนให้พระแพง จารึกและอานันต์มองตามอย่างกังวล
“ได้แล้วพี่ เอาไงต่อ” พระแพงหันไปถาม
คนร้ายออกอาการหงุดหงิดจึงด่าทอออกมา
“ไอ้โง่ มึงก็ไปขับรถสิวะ”
“แต่ฉันขับไม่เป็นนี่พี่ พี่ขับเองก็แล้วกัน หรือพี่ก็ขับไม่เป็น” พระแพงเริ่มเห็นหนทางจึงพูดท้าทายออกไป จ่าเหน่งรวมทั้งการ์ดของวังชโลธรเองก็เริ่มเห็นแผนช่วยเหลือชัดขึ้น
“แค่ขับรถ เครื่องบินกูก็ขับมาแล้วโว้ย มึงมาจับตัวนังคนสวยนี่ไว้ แล้วอย่าเสือกปล่อยให้มันหลุดไปได้ล่ะ” มันส่งมีดให้
พระแพงแอบยิ้มอยู่ในใจ ก่อนจะเดินไปกระชากร่างบอบบางของคุณหญิงแต้วเข้าไปหา มือข้างที่ถือมีดก็ยกขึ้นจี้ที่ลำคอขาวพอเป็นพิธี พอคนร้ายหันไปเปิดประตูรถ พระแพงก็ผลักร่างบอบบางไปให้ป้าเกสร
“เฮ้ย มึงทำอะไรวะ” คนร้ายร้องลั่น ถลาจะเข้าไปกระชากร่างเด็กสาวกลับมา แต่ก็ช้ากว่าเท้าของผู้กองสาวมือปราบที่เตะสูงสวนเข้ามาถูกปลายคางอย่างจังจนมันล้มทั้งยืน ทุกคนเฮลั่นและปรบมือให้อย่างชื่นชม กล้องจากหลายสำนักข่าวต่างจับไปที่ร่างโปร่งระหง
****
