ตอนที่สอง คานทองฝังเพชร
หนึ่งมีนาคิดว่าวันนี้มันไม่ใช่วันของหล่อน ที่ห้องบอลรูมของโรงแรมมีงานอีเวนต์อะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับสินค้าชั้นพรีเมียมของแบรนด์ขายตรงเครื่องสำอางสัญชาติไทยที่เน้นตลาดสาวๆ ที่เป็นแม่บ้านในระดับกลางแต่จ้างดาราระดับ ไฮเอนด์ของวงการมาเป็นพรีเซนเตอร์ ไม่แปลกที่หล่อนจะเห็นนักข่าวมาทำข่าวมากมายเพราะดาราที่มาล้วนแต่เป็นเจ้าแม่วงการทั้งนั้น... หนึ่งมีนาเดินมาประชันหน้าพวกพี่ๆ นักข่าวจังๆ ระหว่างขึ้นลิฟต์ไปพบเพื่อนที่ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องอาหาร...
“อ้าว น้องมีน มางานเปิดตัวเครื่องสำอางหรือเปล่าคะ” พี่นักข่าวสายบันเทิงที่รู้จักกันดีทักทายหล่อนขึ้นมาเมื่อหล่อนยกมือไหว้ เพราะมีนักข่าวอาวุโสหลายคน... ทุกคนจำหล่อนได้เพราะเจอกันเมื่อไหร่หล่อนก็ให้สัมภาษณ์อย่างเต็มใจ ไม่เคยหนีหรือเบี้ยวนัด แต่การที่หล่อนมีสัมมาคารวะกับนักข่าวและให้ความเป็นกันเองบางครั้งมันก็ไม่ได้ทำให้หล่อนมีข่าวที่ดีเสมอไป เพราะข่าวร้ายๆ ก็มีสลับกันออกบ้าง ไม่อย่างนั้นชีวิตในวงการของหล่อนคงไร้ซึ่งสีสัน
เมื่อก่อนหนึ่งมีนายอมรับได้ที่ข่าวออกมาตลอดว่าหล่อนเป็นนางร้ายนิสัยดี ไม่หยิ่ง ตรงต่อเวลาใครก็อยากร่วมงานแม้จะมีข่าวเรื่องผู้ชายบ้าง แต่ตอนนี้ข่าวเรื่องผู้ชายที่มักสร้างแระแสให้หล่อนทำให้หล่อนไร้ซึ่งชายข้างกายแบบจริงจังทำให้หล่อนเริ่มคิดหนักขึ้นมาจริงๆ
“พอดีมีนมาทานข้าวที่นี่ค่ะ นัดกับเพื่อน”
“กับคุณพีร์หรือเปล่าคะ เห็นมีข่าวด้วยกันไม่นึกว่าจะจริง” คำถามต่อมาของนักข่าวหน้าใหม่ทำให้คอของหล่อนเกร็งขึ้นมา... แต่การปฏิเสธมันยิ่งจะเป็นข่าวว่าหล่อนปากแข็งทั้งที่นักข่าวจับได้คาหนังคาเขาว่าหล่อนอยู่ที่นี่ ดังนั้นการตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของหล่อนแล้ว...
“พี่ๆ ตามไปทานข้าวด้วยกันสิคะ เห็นมีนทานข้าวกับใครก็คนนั้น” หนึ่งมีนาพูดทีเล่นทีจริง
“พวกพี่ไม่อยากไปขวางคอหรอกจ้า เชิญน้องมีนตามสบาย”
นางร้ายสาวยิ้มก่อนจะไหว้ลาพี่นักข่าวเมื่อถึงชั้นที่พวกเขาจะต้องไป เหลือเพียงหล่อนยืนลำพังในลิฟต์โดยสารเพื่อไปถึงชั้นดาดฟ้า...
อีกเพียงชั้นเดียวจะถึงที่หมาย ลิฟต์ที่หนึ่งมีนาโดยสารอยู่ก็เปิดออก คงจะมีคนที่อยู่ชั้นนี้เรียก หญิงสาวนึกในใจว่าทำไมคนคนนี้ไม่ขึ้นบันไดไปให้รู้แล้วรู้รอด เพียงแค่ชั้นเดียวก็ถึงกับต้องโดยสารลิฟต์เชียวหรือ...
หน้าตาคนที่หนึ่งมีนาค่อนขอดว่าไม่อนุรักษ์พลังงานค่อนข้างชวนให้ทึ่งยามพบเห็น ผู้ชายร่างสูงสง่า ใบหน้าคม ใส่สูทเนี้ยบครบสูตร หญิงสาวเผลอมองเขาอยู่นิดหนึ่งก่อนถอยเข้ามานิดหน่อยเป็นการเชิญเขาให้เดินเข้าลิฟต์ก่อนที่หล่อนจะเสียมารยาทมองเขาไปมากกว่านี้...
หนึ่งมีนาไม่ได้สนใจเขาอีก เพราะคนหน้าตาแบบนี้หล่อนอยู่ในวงการเห็นหน้ามาถมเถ และแต่ละคนหล่อนก็พอรู้นิสัยว่าหลายคนไม่ได้นิสัยดีเหมือนหน้าตาเท่าใดนัก หล่อนจึงไม่ได้ตื่นเต้นกับความหล่อของใครนัก เขาจึงไม่ได้อยู่ในสารบบความจำของหล่อนสักเท่าไหร่
พราวพิลาศมาถึงก่อนและแจ้งพิกัดกับหล่อนแล้วว่าอยู่ที่โต๊ะติดแม่น้ำเจ้าพระยา หนึ่งมีนาเดินไปพบเจ้าหน้าที่และแจ้งหมายเลขโต๊ะที่เพื่อนจองไว้เพื่อให้เจ้าหน้าที่นำทางหล่อนไปแต่ผู้ชายที่เดินตามออกจากลิฟต์กลับบอกพนักงานที่กำลังจะไปส่งหล่อนว่าไม่ต้องและผายมือเชิญหล่อนเพื่อจะนำทางไปเอง...
“คุณเป็นผู้จัดการห้องอาหารนี้หรือคะ” ปากไวเท่าความคิดหล่อนจึงได้เอ่ยถามไป อีกฝ่ายอมยิ้มน้อยๆ แล้วก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงทุ้มชวนฟัง...
“เรียกว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ”
นางร้ายสาวไม่ได้ฟังคำตอบของเขาเพราะเห็นเพื่อนแล้วและเดินเข้าไปทักทายด้วยความคิดถึงเพราะไม่ได้เห็นหน้ากันหลายวัน ทักทายเพื่อนแล้วถึงได้หันไปขอบคุณชายหนุ่มที่ยืนมองมายิ้มๆ เหมือนจะบอกเขากลายๆ ว่าหมดหน้าที่ของเขาแล้ว
“พี่พีร์ ไม่ทานข้าวด้วยกันหรือคะ” ก่อนที่ชายคนนั้นจะหมุนตัวไป พราวพิลาศเรียกเขาไว้...ชื่อที่คุ้นหูคุ้นตาเหมือนเพิ่งได้อ่านมาว่าชื่อนี้คือชื่อของคนที่เป็นข่าวว่าหล่อนมาดินเนอร์หรูกับเขา เมื่อมองเขาในภาพรวมแล้วก็ถึงบางอ้อว่า หล่อนคงไปทึกทักว่าทายาทของโรงแรมเป็นผู้จัดการห้องอาหารไปเสียแล้ว...
“ดูเหมือนว่าคุณพราวจะมีเรื่องคุยกับเพื่อน พี่ไม่รบกวนหรอกครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เราไม่มีอะไรที่ต้องคุยเป็นส่วนตัวขนาดนั้น พี่พีร์มาแจมกับเราได้ตามสบาย ใช่ไหมยัยมีน” ทั้งเพื่อนและชายหนุ่มกำลังมองหล่อนอยู่ หนึ่งมีนาที่กำลังมองหน้าเขาและคิดเรื่องที่หล่อนทักเขาผิดนั้นถึงกับต้องชะงักและถามออกมาด้วยความเปิ่น
“อะไรนะ”
“แล้วกัน มัวจ้องอะไรอยู่ ไม่ฟังกันเลย” พราวพิลาศพึมพำ “เราถามมีนว่า ไม่เป็นไรใช่ไหมถ้าจะชวนพี่พีร์ให้ทานข้าวด้วยกันถ้าพี่พีร์ว่าง”
หนึ่งมีนาจ้องหน้าพราวพิลาศ ทำสีหน้าเป็นคำถาม... พราวพิลาศประสาทกลับหรืออย่างไร ตอนนัดกันก็นัดดิบดีว่าอยากทานข้าวกันสองคนเพราะหล่อนมีเรื่องอยากปรึกษา และเรื่องที่ว่าก็เป็นเรื่องส่วนตัวมากจนต้องกระซิบกันเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน แต่นี่พราวพิลาศชวนคนอื่นนั่งด้วย ถึงจะไม่พอใจแต่หนึ่งมีนาทำอะไรไม่ได้เมื่อพราวพิลาศไม่ตอบสนองกลับพยักหน้าบอกหล่อนกลายๆ ให้หล่อนตอบตกลง
“ค่ะ ดิฉันไม่ขัดข้อง”
“นะคะพี่พีร์ ทานข้าวด้วยกัน”
“ถ้าสาวๆ ไม่มีปัญหา พี่ก็ขอทานข้าวด้วยคน แต่คุยกันตามสบายไปก่อนเลยนะครับ พี่จะเดินไปคุยกับผู้จัดการห้องอาหารนิดหน่อยแล้วจะเดินกลับมาขอนั่งทานข้าวด้วย”
หนึ่งมีนารู้สึกว่าตอนที่ชายหนุ่มพูดคำว่าผู้จัดการห้องอาหาร เขาจะมองหน้าหล่อนและลงเสียงเข้มเป็นพิเศษ ตอกย้ำให้หล่อนขายหน้าเหลือเกิน...
“ยัยพราวรู้จักเขาหรือไง ถึงได้ชวนเขามานั่งทานข้าวด้วย” เมื่อพีร์เดินจากไปแล้ว หนึ่งมีนาก็เข่นเขี้ยวถามเพื่อนสาว...
“มีนนั่นแหละ ไม่รู้จักเขาหรือไง นั่นคือคุณพีร์ที่มีนเป็นข่าวด้วยยังไงล่ะ”
“ก็ไม่รู้จัก ไม่อยากรู้จักด้วย เดี๋ยวนั่งกินข้าวด้วยกันอีกแล้วเป็นข่าวทำไงยัยพราว...”
“อ้าว เป็นข่าวจริง ก็คบเขาจริงเลยเป็นไง พี่พีร์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับพี่พัทพี่ชายพราวไง” พราวพิลาศพยายามอธิบาย แต่หนึ่งมีนานึกยังไงก็นึกไม่ออก ขนาดพรรณพัธพี่ชายของพราวพิลาศหล่อนยังเจอนับครั้งได้เพราะช่วงนั้นหนึ่งมีนาเข้าวงการใหม่ๆ หล่อนมีงานทำมากมายจนไม่มีเวลาเข้ากิจกรรมกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยมากสักเท่าไหร่ มีเพียงพราวพิลาศคอยเก็บเอกสารและช่วยเหลือหล่อนเรื่องตารางการเรียน เพราะพราวพิลาศเป็นเพื่อนที่ดีกับหล่อนมากหล่อนจึงคบหามาตลอดไม่เคยทอดทิ้ง
แม้ว่าพราวพิลาศจะไม่ใช่ลูกผู้ลากมากดี ไม่ใช่ไฮโซรวยพันล้าน ไม่ใช่ดาราที่หล่อนจะคบด้วยเพื่อสร้างกระแส แต่พราวพิลาศเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ไม่มีเหตุผลให้ต้องทำตัวห่างเหินเลย...
