ตอนที่หนึ่ง ชีวิตโสดที่รันทด ยิ่งกว่ารันทด 3
“ช่วงนี้พี่ก็ดูโฆษณาครีมทาผิวกับแชมพูไว้ให้มีนอยู่เหมือนกัน แต่เรื่องละคร อาจจะต้องรอหน่อย... ผู้จัดเขาขอเลือกน้องๆ กันเอง พี่พยายามเสนอเราอยู่ ว่างๆ เราก็อย่าอ่านนิยายไร้สาระ อย่านั่งเล่นอินเทอร์เน็ตที่ห้อง ออกมาปรากฏตัวเรียกข่าว สร้างกระแสเยอะๆ จะได้เข้าตาผู้จัดหน่อย” ผู้จัดการส่วนตัวไม่ลืมแนะนำ เพราะหล่อนเป็นข่าวน้อยมาก จะมีข่าวโผล่มาก็เมื่อมีเรื่องผู้ชายมาเกี่ยวข้อง แต่ก็ถือว่าน้อยหากเทียบกับนักแสดงดังๆ คนอื่นในรุ่นเดียวกัน ดังนั้นงานหล่อนจึงพลอยหดไปด้วย โชคยังดีที่หล่อนไม่เคยวีนเหวี่ยงใส่ใคร ไม่เคยเข้ากองสาย ไม่เคยเกี่ยงงอนเรื่องงานเลยยังมีพี่ๆ ในวงการจ้างงานกันสม่ำเสมอไม่ทอดทิ้ง ไม่อย่างนั้นอาจจะดับเหมือนเพื่อนดาราหลายคนที่เดินออกจากวงการเงียบๆ โดยทำเป็นอย่างว่าอยากได้เวลาส่วนตัวกลับมาทั้งที่ความจริงคือไม่มีใครให้งานทำ...
หนึ่งมีนาโชคดีที่หล่อนไม่ต้องเป็นอย่างนั้น แต่หล่อนก็ไม่วางใจ ที่จะของานจากผู้จัดการส่วนตัวอยู่ตลอด เพราะตัวอย่างดาวที่ดับไปจากวงการหลายๆ ดวงทำให้หล่อนไม่ประมาทและมีสติอยู่เสมอ...
“ขอบคุณมากค่ะพี่ปอน... งั้นเดี๋ยวมีนออกไปสร้างกระแสด้วยการดินเนอร์นอกบ้านก็ได้ค่ะ.. เอาโรงแรมที่เป็นข่าวนี่แหละค่ะ...”
“ต๊าย หล่อนจะไปตามหาคุณพีร์เจ้าของโรงแรมให้เป็นข่าวจริงๆ เหรอแม่มีน”
“เปล่าหรอกค่ะ... พราวชวนมีนไป เขามีบัตรลดของโรงแรม ชวนก่อนมีข่าวเสียอีก ไม่นึกว่าจะบังเอิญขนาดนี้เหมือนกัน”
“โอ๊ย พี่ก็นึกว่าเราจะเอาจริง อุตส่าห์ตื่นเต้น ชีวิตมีนนี่ไม่มีเรื่องให้แซบเลย... ไปกับยัยเพื่อนนอกวงการอีกแล้ว... คบเพื่อนไม่ใช่คนในวงการก็ไม่ได้เป็นข่าวบ่อยๆ อีก วันหลังว่างก็ลองควงผู้ชายหรือไม่ก็เพื่อนในวงการบ้าง... มีนอยากดังนานๆ มีนต้องปรับตัวนะ... อย่าทำตัวให้ธรรมดาเกินไป... ในฐานะที่พี่รักน้องมาก พี่บอกตรงนี้เลยว่า น้องต้องทำตัวให้ไม่ธรรมดาเข้าไว้ แล้วน้องจะได้เป็นดาวค้างฟ้านานๆ แต่เรื่องไม่ธรรมดาที่ว่าจะสร้างก็เป็นเรื่องดีๆ หน่อยนะ เพราะถ้าฉาวมากๆ ก็ดับได้เหมือนกัน...”
“ค่ะพี่ปอน มีนจะพยายาม”
“จ้ะ... ไปทานข้าวให้สนุกเถอะ เดี๋ยวพี่กลับจากเที่ยวพม่าแล้วจะไปหา แล้วค่อยออกไปทานข้าวกัน”
วางสายจากผู้จัดการส่วนตัวแล้ว หญิงสาวก็โทรหาพราวพิลาศ เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยที่เรียนอักษรศาสตร์ด้วยกันที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อออกไปดินเนอร์ข้างนอก แม้ว่าเพื่อนคนนี้คบแล้วไปไหนมาไหนด้วยจะไม่เป็นข่าว แต่ว่าหล่อนก็ไม่เลิกคบเพราะพราวพิลาศถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของหล่อนคนหนึ่งหล่อนจึงไปไหนมาไหนด้วยบ่อยกว่าเพื่อนในวงการ...
ร่างระหงเดินไปเลือกเฟ้นหาชุดมาสวมใส่ ชุดโปรดที่มิดชิดมากๆ ราวกับนางชีถูกจัดเก็บไว้อีกตู้... แล้วก็เลือกชุดเดรสสมัยใหม่สีเขียวสดไว้ตัดกับผิวขาว แม้จะถือว่าไม่โป๊เลยสำหรับคนอื่น แต่มันก็เปลือยแขนและเป็นกระโปรงที่สั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เรียกได้ว่า ดีกว่านุ่งชุดนางชีจนคนไม่คิดว่าไม่สมกับที่เป็นดาราดัง...
หนึ่งมีนาพยายามบอกตัวเองว่าอยากดังก็ต้องมีสติ ไม่ใช่ว่าไปแก้ผ้าอยู่ครั้งเดียวแล้วก็ดังกระฉ่อนก่อนจะดับ... หล่อนจะปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่อย่างที่ผู้จัดการส่วนตัวแนะนำ... แต่ก็จะทำให้มันไม่มากเกินไป
ระหว่างที่แต่งตัวเพื่อไปดินเนอร์ที่โรงแรมหรูตามนัดของเพื่อนหญิงสาวก็นั่งคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่ในหัว นึกถึงนางร้ายรุ่นน้องที่เป็นข่าวดังกระฉ่อนมีงานเข้ากระจายอยู่ตอนนี้เพราะว่าเจ้าตัวไปศัลกรรมหน้ามาแล้วไม่ยอมบอกว่าทำ หากแต่หน้าเปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ เจ้าของงานรู้ว่านักข่าวต้องตามไปดูหน้าน้องและสัมภาษณ์และคอยเก็บรูปทุกงาน... น้องอีกคนก็ดังเป็นพลุแตกโผล่หน้าไปทุกอีเวนต์ใหญ่ๆ เพราะข่าวฉาวเรื่องแย่งแฟนดารารุ่นพี่ น้องอีกคนที่ดับไปนานแต่มีแฟนใหม่เป็นทายาทห้างดังก็โผล่มาในกระแสอีก หนึ่งมีนาลองนึกถึงผู้คนเหล่านั้นดูแล้ว นึกถึงว่าหล่อนพอจะทำแบบไหนถึงจะได้มีกระแสแบบที่พี่ปอนสั่งได้บ้าง... สุดท้ายก็ตอบได้คำเดียวว่าคงทำแบบนั้นไม่ได้
“เฮ้อ เอาไว้เจอยัยศิราณีจอมฉลาดอย่างยัยพราวแล้วค่อยปรึกษาแล้วกัน ยัยนั่นคงคิดอะไรได้ดีกว่าเรา” พริมาบอกตัวเอง ก่อนจะลงมือแต่งหน้าตัวเองให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นบ้างเล็กน้อยหลังจากที่ทุกครั้งแต่งหน้าด้วยสไตล์หวานๆ วันนี้นึกอย่างเปลี่ยนขึ้นมา ในใจก็คิดถึงเพื่อนสนิทอย่างพราวพิลาศที่นึกอย่างไรก็ไม่รู้ถึงได้อยากทานบุฟเฟต์มื้อเย็นของโรงแรมที่หล่อนเพิ่งตกเป็นข่าวกับเจ้าของโรงแรม ชวนเปลี่ยนที่ก็ไม่ยอมไม่รู้ติดใจอะไรนักหนาประเดี๋ยวมีคนเห็นหล่อนไปที่นั่นคงได้ลือกันว่าหล่อนไปหาผู้ชาย ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่อยากเป็นข่าว แต่เป็นข่าวแบบนั้นมันก็ไม่ไหว ทั้งที่ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ แต่เพื่อนที่หล่อนอยากเจอที่สุดยื่นคำขาดว่าต้องเป็นโรงแรมนี้เท่านั้น ถ้าหล่อนไม่อยากไปจะนัดคนอื่นมาทานข้าวด้วยแทน มันทำให้หล่อนต้องจำใจทั้งที่หงุดหงิดใจอยู่ลึกๆ...
หนึ่งมีนาหวังว่า วันนี้หล่อนแต่งตัวแต่งหน้าแปลกไปกว่าที่เคยขนาดนี้ คงไม่มีใครจำหล่อนได้มากนักหรอกนะ
