บทที่3 ข้ายังมีความสุขอยู่หรือไม่
หลังจากงานแต่งของฮูหยินเอกแห่งจวนแม่ทัพหยางจบลง ก็เป็นการรับฮูหยินรองเข้าจวนมาโดยที่ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก เพราะนางเป็นเพียงสามัญชนธรรมดามิได้มีครอบครัวที่เป็นตระกูลใหญ่หนุนหลังดั่งเช่นฮูหยินเอก
หนิงฮวานั่งอยู่ริมหน้าต่างและเหม่อมองไปยังขอบฟ้าในยามพลบค่ำ พลันนึกถึงใบหน้าของบุรุษผู้เป็นที่รักซึ่งป่านนี้เขาคงกำลังมีความสุขอยู่กับฮูหยินรอง นางทำได้เพียงแค่พร่ำถอนหายใจ
"การเป็นฮูหยินของเจ้า ข้าต้องใจกว้างดั่งมหาสมุทรเชียวหรือ"
เมื่อยามราตรีมาถึงหนิงฮวาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมมิยอมขยับไปไหน สายลมพัดผ่านพาให้แสงเทียนสั่นไหว หนิงฮวาแหงนหน้ามองดวงจันทร์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหันหลังเดินกลับเข้ามาภายในห้องนอน
ยามรุ่งขึ้นหยางซีซวนก็อยู่ทานอาหารเช้าที่เรือนของลี่ถังก่อนจะกลับไปนั่งทำงานที่ห้องทำงานของเขาเอง ลี่ถังผู้มีตำแหน่งเป็นฮูหยินรองก็มาคารวะน้ำชาฮูหยินเอกตามธรรมเนียม โดยที่ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมากนัก เพราะมิมีเรื่องจำเป็นที่ต้องคุย
เมื่อยามอู่ หนิงฮวายกน้ำชาและขนมเข้ามาที่ห้องทำงานของซีซวน แต่เมื่อเข้ามากลับพบว่า เขานั้นมีผู้ยกน้ำชาและขนมมาให้เขาก่อนนางเสียแล้ว
ลี่ถั่งนั่งฝนหมึกอยู่ข้างๆซีซวน ทั้งคู่พูดคุยกันอย่างมีความสุขราวกับไม่เห็นว่านางเดินเข้ามา หยางซีซวนเงยหน้าขึ้นมาเห็นหนิงฮวาพอดีจึงได้กล่าวทักทาย
"เจ้าจะเอาน้ำชามาให้ข้าหรือฮวาเอ๋อร์" หนิงฮวาพยักหน้าเบาๆให้ซีซวน พรางใช้สายตามองไปยังลี่ถังที่ก้มหน้าก้มตาฝนหมึกโดยมิสนใจนาง
"ท่านคงจะอิ่มแล้วกระมัง เช่นนั้นข้าจะเอาไปเก็บก่อน" เมื่อพูดจบหนิงฮวาก็หันหลังเดินออกมา โดยที่ไม่หันไปสนใจเสียงตามหลังของผู้เป็นสามี
"ต้องขอโทษเจ้าด้วยแต่ข้าอิ่มแล้วจริงๆ ไว้คราวหน้านะ"
นางรู้สึกพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แม้น้ำใจเล็กน้อยของนางเขายังไม่อยากรับไว้ เหตุใดจึงไม่รักษาหน้ารักษาน้ำใจของนางสักนิด อิ่มเพียงไหนแค่จิบชาเล็กน้อยนางก็ดีใจแล้ว
นางมิได้เฝ้ารอให้เขากลับมาเพื่อให้คนอื่นมาดูแลเขาแทนนาง เหตุใดที่ตรงนั้นจึงไม่เป็นนางที่นั่งอยู่ หนิงฮวากลับเรือนมานั่งปักผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมให้เสร็จ มันเป็นรูปดอกเหมยที่นางชื่นชอบ
ขณะที่ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ภาพความทรงจำเมื่อเยาว์วัยก็ปรากฎขึ้น นางและซีซวนเป็นสหายและเป็นคู่หมั้นกันมาตั้งแต่เด็ก เสนาบดีกรมยุติธรรมไป๋เฉิงและท่านแม่ทัพหยางผู้เป็นบิดาของหนิงฮวาและซีซวนเป็นเพื่อนรักกัน จึงอยากเกี่ยวดองกันเลยมอบหมายให้บุตรของทั้งสองแต่งงานกันเมื่อยามที่เลยวัยปักปิ่นแล้ว
หยางซีซวนเป็นบุรุษที่รูปงามและมากความสามารถ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะดุดันและเจ้าระเบียบ เหตุอาจเป็นเพราะเขาเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพ แต่เมื่อเขาอยู่กับหนิงฮวาเขาจะเป็นคนที่อะลุ่มอล่วยได้ทุกเรื่องและอ่อนโยนกับนางเสมอ
เขายอมหนีการซ้อมดาบเพื่อมาเล่นกับหนิงฮวาอยู่ประจำ ทำให้ท่านพ่อของเขาโกรธมากแต่หนิงฮวาก็จะปกป้องและยอมรับผิดแทนซีซวน ทำให้ทั้งคู่ต้องโดนทำโทษด้วยการช่วยกันทำความสะอาดลานฝึกดาบ อย่างเช่นการเก็บกวาดเศษใบไม้อยู่เป็นประจำ
เมื่อครั้งถึงวัยปักปิ่น หยางซีซวนก็ซื้อปิ่นที่มีดอกเหมยประดับอยู่ให้กับนาง นางชอบมากถึงขนาดที่ใส่มันทุกวัน แม้ตอนนี้จะไม่ได้ใส่แล้วแต่นางก็เก็บรักษาไว้อย่างดี
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่มีความสุขเลยซีซวน"
คืนนี้ก็เป็นคืนที่4แล้วที่ซีซวนไม่มาหานาง เขามักบอกว่าเป็นห่วงสุขภาพของนางจึงอยากให้นางพักผ่อนให้เต็มที่ นางหวังเพียงแค่ เขาจะคิดอย่างที่พูดจริงๆ
แม้จะเสียใจจนใจจะขาด แต่นางกลับไม่สามารถทำสิ่งใดได้ นางอยากจะถามเขาเหลือเกินว่าใยบุรุษต้องมากรักมากเมียเพราะตั้งแต่ท่านแม่ของนางเสียไป ท่านพ่อก็มิเคยแต่งใครเข้ามาในจวน ท่านพ่อยังคงรักมั่นเพียงท่านแม่ผู้เดียวแม้นางจะจากไปแล้วก็ตาม
"ทำไมเจ้าถึงมีหลายรักได้ ทั้งๆที่ข้ามีเจ้าเพียงคนเดียว เช่นนี้มันยุติธรรมจริงๆหรือ"
หนึ่งปีผ่านไปจวนแม่ทัพหยางก็ไม่ได้มีการแต่งอนุเพิ่มตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับฮูหยินเอก ดูเหมือนนางจะไม่ยอมเปิดใจรับลี่ถังเสียทีแม้จะผ่านมาเป็นปีแล้วก็ตาม
หากภรรยารักใคร่กันผู้เป็นสามีก็มีความสุข แต่ดูเหมือนว่าจะมิใช่เรื่องง่ายเลย หนิงฮวาเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเสนาบดีไป๋เฉิงจึงถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก นางไม่ชอบหากถูกขัดใจ แต่กับเขาแล้วนางกลับยอมอ่อนข้อให้แม้ต้องขัดกับนิสัยของตนเอง
เพื่อความสุขของเขาแม้จะเป็นความทุกข์ของนาง นางก็พยายามอดทนอดกลั้นมาเป็นปีๆ ขอเพียงเขาแสดงให้เห็นว่านางยังคงสำคัญที่สุดนางก็พอใจ แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ หยางซีซวนมักจะพูดว่าภรรยาทั้งสองสำคัญเท่ากัน
มันจะเท่ากันได้อย่างไร แม่นางลี่ถังเป็นผู้ใดกัน นางมาทีหลังแต่กลับได้ความสำคัญเทียบเท่าข้าที่เป็นผู้มาก่อนนับสิบๆปี แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่หนิงฮวาตะโกนอยู่ภายในใจเท่านั้น
"ซิงอีไปบอกคนเตรียมรถม้า วันนี้ข้าจะออกไปเดินเล่นที่ตลาดเสียหน่อย" ซิงอีได้แต่ทำตาปริบๆก่อนจะรีบลุกออกไปให้คนเตรียมรถมาตามคำสั่งของฮูหยิน เหตุใดสตรีที่ออกเรือนแล้วจึงพูดว่าจะไปเที่ยวเล่นที่ตลาดกัน
เมื่อได้นั่งรถม้าออกมาจากจวน หนิงฮวาก็ใช้มือเรียวแหวกผ้าม่านออกเพื่อชมวิวทิวทัศน์ นางรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีที่ได้ออกจากจวน บัดนี้นางเหนื่อยหน่ายกับการรอคอยอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว นางต้องคอยถามตัวเองอยู่เสมอว่าวันนี้ซีซวนจะนอนที่ไหน กินข้าวที่ไหนกับใคร
มันเหมือนนางรอคอยเศษเวลาจากเขาเพียงเท่านั้น หากเป็นเมื่อก่อนนางคงแอบร้องไห้เพียงลำพังเวลาที่เขาไปค้างคืนกับสตรีคนอื่น แต่บัดนี้น้ำตาของนางเริ่มค่อยๆเหือดแห้งไป และอีกไม่นานนางคงไม่เหลือน้ำตาไว้ร้องไห้อีกแล้ว
มันมิได้เป็นเพราะนางโกรธเกลียดหรือหมดรักในตัวซีซวน นางยังคงรักเขาจนหมดหัวใจ นางเคยรักเขาเช่นไรก็ยังคงรักเช่นเคย ไม่เคยลดน้อยลงไป
เพียงแต่นางเหนื่อยเกินกว่าที่จะคอยตามเอาใจเขาแข่งกับลี่ถังแล้ว หากซีซวนและลี่ถังจะทำอะไร นางก็คงไม่เสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อมาถึงตลาดหนิงฮวาก็เดินเลือกซื้อของด้วยความสบายใจ นางเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ จนตอนนี้ซิงอีถือของเต็มไม้เต็มมือไปหมด การเกิดเป็นคุณหนูตระกูลไป๋ทำให้ชีวิตนางมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นของสิ่งใดขอเพียงเอ่ยปาก ท่านพ่อของนางก็หาทุกอย่างมาประเคนให้ ทำให้นางหันกลับมามองตนเองในตอนนี้ นางยังเป็นคุณหนูที่มีความสุขอยู่หรือไม่
ซิงอีที่เดินถือของตามหลังคุณหนูต้อยๆ ก็ได้แต่คิดใจว่า บัดนี้คุณหนูของนางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน อดีตคุณหนูเคยเป็นคนที่ร่าเริงสดใส แม้บางครั้งจะดื้อรั้นเอาแต่ใจไปบ้างแต่ก็นับว่าน่ารัก มิรู้ว่ารอยยิ้มนั้นของคุณหนูหายไปตั้งแต่ตอนไหนกัน..
