กลีบดอกเหมยที่ร่วงโรย

79.0K · จบแล้ว
Midzilee01
27
บท
3.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อคู่หมั้นที่เป็นแม่ทัพกลับมาจากสงครามแต่เขาไม่ได้กลับมาเพียงคนเดียว เขามาพร้อมกับสตรีคนใหม่ของเขา.. "นี่คือหลิวลี่ถังผู้ที่จะมาเป็นฮูหยินรองของข้า" "ฮูหยินรอง?เจ้าหมายความว่าอย่างไรซีซวนเจ้ายังไม่ทันได้แต่งกับข้าเสียด้วยซ้ำ เหตุใดจึงมีฮูหยินรองเร็วเช่นนี้" "ข้ากับถังเอ๋อร์พบกับโดยบังเอิญ นางเป็นผู้ช่วยชีวิตข้านางนับเป็นผู้มีพระคุณ" ”หากนางเป็นผู้มีพระคุณ เจ้าก็ตอบแทนพระคุณของนางสิ การแต่งงานสำหรับเจ้าคือการตอบแทนพระคุณอย่างนั้นหรือ” "ข้ามิได้แต่งกับนางเพื่อตอบแทนบุญคุณ ข้ารักนางข้าจึงอยากแต่งนางมาเป็นฮูหยินรองของข้า!!”

นิยายจีนโบราณแม่ทัพท่านอ๋องคู่หมั้นหญิงคู่หมั้นชายนอกใจสัญญาทางรักการแต่งงานจีนโบราณดราม่า

บทที่1 สงคราม

ดวงตะวันสาดส่องทุกหย่อมหญ้า สนามรบร้อนระอุ สายลมจากบ้านเกิดเมืองนอนพัดกระหน่ำหวนให้คิดถึงคนข้างหลังที่ยังรอ ความอดอยากและความกระหายในชัยชนะจุดไฟแห่งสงครามให้โหมกระหน่ำ

เสียงคมดาบประทะกันดังกึกก้อง เสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเต็มไปทั่วพื้นที่ หยาดเลือดไหลรินสู่พื้นดิน ไฟสงครามแผดเผาคร่าชีวิตเหล่าทหารกล้าท้ายที่สุดร่างกายและกระดูกก็กลายเป็นเถ้าถ่านหล่อเลี้ยงผืนดิน

สงครามอันยืดเยื้อและยาวนานกินเวลาเกือบปีระหว่างลั่วหยางและซีอาน ต่างพาให้เหล่านักรบเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ แต่ในที่สุดซีอานก็ไม่สามารถต้านทานกองกำลังทหารแห่งลั่วหยางได้ จึงยกธงขาวยอมแพ้ล่าถอยกลับไปแต่โดยดี

เสียงโห่ร้องฉลองชัยชนะดังกึกก้อง สายลมกรรโชกแรงพัดพาเมฆทมิฬมาปกคลุม หยาดฝนโปรยปรายไปทั่วบริเวณ ราวกับมาเป็นสักขีพยานชัยชนะให้แก่ลั่วหยาง

แม่ทัพหยางซีซวนกลับเข้ามาพักผ่อนที่กระโจมของตน เมื่อเขาเดินเข้ามาถึง ก็ถูกต้อนรับโดยหลิวลี่ถังผู้เป็นดั่งหมอยาประจำตัว ทั้งสองพบกันโดยความบังเอิญ หลิวลี่ถังเป็นชาวบ้านแถบชายแดนระหว่างลั่วหยางและซีอาน หยางซีซวนถูกรอบทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บและได้รับความช่วยเหลือจากหลิวลี่ถัง

นางเป็นหมอที่กำลังมาหาเก็บสมุนไพรแถบป่าของลั่วหยางแต่ระหว่างทางกลับได้ยินเสียงร้องโอดครวญจึงได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ

เวลาผ่านมาเกือบปีทั้งคู่พัฒนาความสัมพันธ์อย่างรวดเร็วจากผู้มีพระคุณก็ค่อยๆเกิดเป็นความรักขึ้นมา

"อีกสามวันเราจะกลับลั่วหยางกัน เจ้ายินดีไปกับข้าหรือไม่" หยางซีซวนเอ่ยขึ้น ขณะที่มือก็ค่อยๆปลดชุดเกราะออกทีละชิ้น โดยที่มีหลิวลี่ถังคอยช่วยถอดออกอีกแรง ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับบุรุษตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเขา

"ท่านไปที่ใดข้าก็พร้อมจะตามท่านไปทุกที่" เมื่อได้ยินเช่นนั้นหัวใจของบุรุษใต้ชุดเกราะก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นางเป็นทั้งผู้มีพระคุณและสหายร่วมรบที่คอยช่วยดูแลทั้งเขาและเหล่าทหารที่บาดเจ็บ หากได้ใช้ชีวิตร่วมกับนาง เขาคงจะมีความสุขไม่น้อย

แม้นางจะบอกว่าจะตามเขาไปทุกที่ แต่สีหน้าก็ไม่อาจซ่อนความกังวลไว้ได้ หยางซีซวนเข้าใจความหมายของสีหน้านั้นของนางดี

"เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าเชื่อว่าหนิงฮวาจะต้องเข้าใจ" หยางซีซวนลูบไรผมของหลิวลี่ถังอย่างอ่อนโยน แม้บางทีหยางซีซวนอาจจะดูดุดันและเย็นเย็นชาไปบ้าง แต่เขากลับแสดงแต่ด้านที่อ่อนโยนกับนาง

แม่ทัพผู้สง่างามเก่งกาจและอ่อนโยน ก็คงจะมิแปลกหากจะมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว หากแต่สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอำนาจและผลประโยชน์ การมีอนุหลายคนนับว่าเป็นเรื่องปกติ หลิวลี่ถังเชื่อว่าอย่างไรแล้วนางก็เป็นคนที่ได้ครอบครองหัวใจของท่านแม่ทัพผู้นี้ เพราะนางจะแต่งงานกับเขาเพราะความรักโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นฮูหยินเอกหรือฮูหยินรอง นางย่อมมิใส่ใจ

กลิ่นอายของดอกเหมยที่บานสะพรั่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ราวกับว่าได้อยู่ในดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ ที่แห่งนี้คือจวนของสกุลไป๋

"ซิงอี คุณหนูของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง" ไป๋เฉิงผู้เป็นนายใหญ่สุดของจวนเอ่ยถามสาวใช้คนสนิทของลูกสาว

"เรียนนายท่านคุณหนูมักจะนั่งเหม่อลอยมองไปทางทิศตะวันตกเจ้าค่ะ คุณหนูท่านคงจะเป็นห่วงท่านแม่ทัพจึงกินไม่ได้นอนไม่หลับมาเกือบปีแล้วเจ้าค่ะ"

ไป๋เฉิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เหตุผลที่ลูกสาวผู้เป็นที่รักของเขาเป็นเช่นนี้เพราะบุรุษที่นางรักต้องไปออกรบที่ชายแดน จึงจำเป็นต้องเลื่อนงานมงคลออกไปอย่างกระทันหัน นางเฝ้ารอแม่ทัพหยางซีซวนกลับมานางจะได้แต่งงานกับเขาเสียที

"ซิงอีเจ้าไปยกสำรับอาหารมา ข้าจักไปหาคุณหนูของเจ้าเอง" ไม่ยอมกินข้าวกินปลาได้อย่างไร เห็นทีคนเป็นพ่ออย่างข้าจักต้องไปจัดการเสียแล้ว

เดือนต่อมา

ชาวบ้านต่างพากันปรบมือโห่ร้องสรรเสริญให้กับฉินอ๋องและแม่ทัพรวมถึงเหล่าทหารกล้าผู้มีชัย ในที่สุดสงครามอันยาวนานก็สิ้นสุดลงโดยที่ลั่วหยางเป็นฝ่ายมีชัย

ท่ามกลางเสียงปรบมือยินดีของชาวบ้าน หนิงฮวายืนนิ่งด้วยความตกใจ เหตุใดหยางซีซวนจึงมีสตรีอยู่ข้างๆ นางเป็นผู้ใดกัน เหตุใดจึงมานั่งม้าตัวเดียวกับซีซวนได้?

หลังจากที่มาถึงจวนหยางซีซวนก็ใช้เวลาส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่กับหลิวลี่ถัง เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงวันแรกหลังจากที่เดินทางมานาน ความเมื่อยล้าก็ถาโถมเข้ามาจนไม่มีเวลาไปหาไป๋หนิงฮวา อย่างไรซะหลังเข้าเฝ้าฮ่องเต้ในวันรุ่งขึ้นเขาค่อยไปหานางก็ได้

เมื่อยามรุ่งมาถึง แม่ทัพหยางซีซวนก็แต่งตัวเป็นชุดจีนโบราณสีขาวสง่างาม โดยที่หลิวลี่ถังก็แต่งชุดฮั่นฝูสีชมพูอ่อนดูแล้วงดงามราวกับเทพเซียน ทั้งสองออกเดินทางจากจวนมายังพระราชวัง

"เจ้ารอข้าอยู่ที่รถม้านี่ก่อนนะถังเอ๋อร์ เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา"

"เจ้าค่ะท่านพี่"

ณ พระตำหนักเฟยหลงทรงเป็นที่ทรงงานส่วนพระองค์ขององค์ฮ่องเต้ พระตำหนักตกแต่งด้วยหยกและทองคำ ฝาผนังมีภาพเขียนลายมังกรตัวใหญ่โบยบินอยู่บนน่านฟ้า รอบพระตำหนักเป็นสวนดอกไม้นาๆ พันธุ์งดงามราวกับสรวงสวรรค์เลยก็มิปาน

เหนือบัลลังก์ทองคำมีองค์ฮ่องเต้ประทับอยู่ พระพักตร์งดงามราวรูปสลัก พระโอษฐ์แย้มสรวลน้อยๆ เมื่อเห็นว่า ฉินอ๋อง พร้อมด้วย แม่ทัพหยาง เดินเข้ามาถวายบังคมพร้อมกล่าวถวายพระพรให้พระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี

"ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงเถิด"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท"ฉินอ๋องและแม่ทัพหยางกล่าวพร้อมกัน

"ที่ข้าเรียกเจ้าทั้งสองมาก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวสงครามที่ผ่านมา"

"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเห็นว่าแม้เป็นการดีที่ลั่วหยางของเราเป็นฝ่ายได้ชัย แต่เราก็สูญเสียเหล่าทหารกล้าไปเป็นจำนวนมาก กระหม่อมจึงมีความเห็นว่าเราควรเจรจายุติสงครามอย่างถาวร เพราะทั้งเขาและเราต่างก็สูญเสียไปไม่น้อย"

"อืมเราเข้าใจ เดี๋ยวจะเอาไว้คุยในที่ประชุมกับเหล่าขุนนางอีกทีหนึ่งเราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันต่อ แล้วเจ้าล่ะแม่ทัพหยางมีสิ่งใดอยากพูดกับเราหรือไม่"

"ทูลฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอกล่าวถึงครอบครัวของเหล่าทหารกล้าที่เสียชีวิตจากการทำสงคราม ทำให้หลายครอบครัวต้องขาดที่พึ่งของครอบครัวไป เราควรให้ความช่วยเหลือพวกเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

"เราเห็นด้วยกับเจ้าท่านแม่ทัพ เหล่าทหารกล้าและครอบครัวล้วนเป็นประชาชนของเรา เห็นทีเรื่องนี้จะต้องเร่งให้ความช่วยเหลือเสียแล้ว ไว้ข้าจะพูดในที่ประชุมอีกที ขอบใจเจ้ามาก สงครามในครั้งนี้เจ้าทั้งสองล้วนมีความดีความชอบข้าจะตกรางวัลให้อย่างงาม พวกเจ้ามีสิ่งใดที่ปรารถนาหรือไม่"

"กระหม่อมไม่มีสิ่งใดที่อยากได้ ขอเพียงแค่ประชาชนลั่วหยางอยู่กันอย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้วพะย่ะค่ะ" ฉินอ๋องผู้เป็นน้องชายเพียงคนเดียวขององค์ฮ่องเต้เอ่ยขึ้น

ความสัมพันธ์ระหว่างฉินอ๋องและฮ่องเต้ทุกคนในวังหลวงย่อมรู้ดีว่า ทั้งสองพระองค์ล้วนเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ฮ่องเต้เปรียบดั่งแสงสว่างและฉินอ๋องเปรียบดั่งเงาที่คอยปกป้องดูแลลั่วหยางให้อยู่ดีมีสุข

"อืม ข้าดีใจยิ่งนักที่มีเจ้าคอยช่วยดูแลลั่วหยาง แล้วท่านแม่ทัพล่ะเจ้าปรารถนาสิ่งใดรึ"

"กระหม่อมไม่ต้องการสิ่งใดเช่นกันพะย่ะค่ะ"

"เห้อพวกเจ้านี่นะ เอาเป็นว่าข้าจะจัดการรางวัลให้พวกเจ้าอย่างเหมาะสมก็แล้วกัน อย่าได้คิดที่จะปฏิเสธเราเสียล่ะ เอาล่ะพวกเจ้าก็เหนื่อยกันมามากแล้วกลับไปพักผ่อนเถิด"

"ขอบพระทัยฝ่าบาท กระหม่อมทูลลา" ฉินอ๋องและแม่ทัพหยางค้อมศรีษะลงทำความเคารพก่อนจะเดินออกมา

เมื่อหยางซีซวนกลับมาถึงรถม้า ก็บอกให้คนขับรถม้ามุ่งหน้าไม่ยังสกุลไป๋ทันที

"รอนานหรือไม่ถังเอ๋อร์" เมื่อเขาเห็นนางนั่งสัปหงกอยู่ภายในรถม้าก็รู้สึกเอ็นดูนางยิ่งนัก นางเป็นคนจิตใจดีและพูดน้อย เขาว่าอย่างไรนางก็ว่าตามที่สำคัญนางยังเป็นสตรีที่งดงามมากมิแพ้ผู้ใดเลย

"ไม่นานเจ้าค่ะ ถึงจะนานข้าก็รอได้" หลิวลี่ถังยิ้มหวานให้เขาพรางกุมมือของหยางซีซวนไว้แน่น ทั้งคู่นั่งแนบอิงกันมาจนกระทั่งถึงจวนของไป๋หนิงฮวา

"เจ้าลงมาเถิดข้าเชื่อว่าหนิงฮวาจะเข้าใจ แม้นางจะเอาแต่ใจไปบ้างแต่นางมิใช่คนร้ายกาจหรอก" หยางซีซวนยื่นมือไปให้หลิวลี่ถังจับและค่อยๆ ก้าวขาลงมาจากรถม้า

เมื่อทหารที่เฝ้าอยู่หน้าจวนเห็นแม่ทัพหยางซีซวน จึงให้เขาเข้าไปด้านใจจวนอย่างง่ายดาย เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าคุณหนูไป๋หนิงฮวากับแม่ทัพหยางซีซวนเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมาตั้งแต่วัยเยาว์

"คุณหนูเจ้าคะ ท่านแม่ทัพมาขอพบเจ้าค่ะ" เมื่อได้ยินสาวใช้คนสนิทพูดเช่นนั้น ไป๋หนิงฮวาก็ละมือจากการปักผ้าเช็ดหน้าและเงยหน้าขึ้นมาทันที นางไม่สบายใจมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ในที่สุดเขาก็มาเสียที

"ให้เขาเข้ามา"