บทที่ 2 - รักต้องห้าม
ยามดึกสงัด แต่กลับมีเสียงหนึ่งแผ่วเบาแทรกเข้ามา จนคนที่เฝ้าระวังเพราะวางใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ได้ ต้องเงี่ยหูฟังทิศทางของเสียง
จ๋อม! จ๋อม!
จังหวะเบา ทว่าหนักแน่นค่อนข้างเป็นกระชั้นถี่ ฟังดูรู้ว่าเร่งรีบ
‘หมื่นพิบูลย์ไพศาล’ หรือ ‘ขวัญ’ ขยับตัวอย่างแผ่วเบาเข้าไปหลบเร้นอยู่ใต้ชายคาของศาลาริมน้ำ ดวงตาคมเข้มเขม่นมองไปยังลำน้ำที่ไหลผ่านหน้าเรือน แม้จะมืดแต่ตาที่เคยชินกับแสงก็ทำให้เห็นบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหว ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามา
เรือพายลำเล็กมี 2 คนอยู่ในเรือ กำลังเบนหัวเข้าฝั่ง ตรงมาเทียบที่ท่าน้ำหน้าเรือน ‘พระเกษตรานพคุณ’
จากรูปร่างและท่าทางของทั้งคู่ทำให้ขวัญส่ายหน้า และเกือบจะทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างเอือมระอา แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน จึงเปลี่ยนมาพ่นลมออกจากปากระบายความหงุดหงิด แววตาที่เคยอบอุ่นอยู่เสมอเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขณะจ้องไปยังคนที่ก้าวขึ้นท่ามาก่อน ท่าทางเหมือนจะสั่งให้คนในเรือรออยู่ตรงนี้ นั่นทำให้เขาขยับกาย
รอจนร่างอรชรค่อยๆ จดฝีเท้าเบากริบเข้ามาใกล้ ขวัญก็เข้าไปขวางหน้าทันที
“ว้าย!”
ฝ่ามือทาบปิดปากกระจับน้อยๆ รั้งเอวคอดเข้าหาตัว ก่อนจะกระซิบ
“ชู่วววว... ผมเอง หมื่นขวัญ”
คนในอ้อมกอดพยักหน้าหงึกๆ ว่าเข้าใจ ขวัญจึงปล่อยมือ
“โธ่... หมื่นขวัญเอง ฉันก็คิดว่าใคร”
“คุณแก้วตามาทำไมครับ พูดคุยกันเข้าใจแล้วนี่ครับ ที่คุณพระท่านห้ามไม่ให้คุณแก้วตามาที่เรือนนี้อีก ไม่ว่าจะมีข่าวเรื่องใด หรือกำนันจะทำสิ่งใด ก็ห้ามคุณแก้วตาให้พี่นิ่มมาส่งข่าวเด็ดขาด ทั้งหมดนี่มันก็เพื่อความปลอดภัยของคุณแก้วตาเองนะครับ ทำไมไม่ฟัง ทำไมไม่เชื่อ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วผม...”
‘จะทำยังไง’ คำนั้นยั้งได้ทัน แต่คนที่มองตาแป๋วก็ทำให้ขวัญแทบคิดหาคำพูดอื่นไม่ออก
แก้วตาร้อนวูบวาบที่ใบหน้าเมื่อเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคุณพระนพอ้ำอึ้งไป ในระยะที่ใกล้กันเพียงศอกเดียว แม้จะมีแสงจากไฟตามไม่มาก แต่ก็พอมองเห็นสีหน้า และขณะนี้ดวงตาคมเข้มที่หล่อนเคยคิดว่าช่างอบอุ่นนัก มันดูแปลกไป แน่นอนว่ามันมีความคุกรุ่นไม่พอใจอยู่ในนั้น แต่ก็มีบางสิ่งที่หล่อนคิดเข้าข้างตัวเองได้ใช่ไหมว่าเขา ‘ห่วงใย’ ก็คำทิ้งท้ายนั้น
‘ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้วผม... จะทำยังไง’ ใช่ไหม เขาจะพูดคำนี้ แปลว่า ‘ห่วงใย’ ชัดๆ
แค่คิด หน้าก็ราวจะร้อนซ่าน ยิ่งเห็นเขาทำทีหลุบสายตา แหงนหน้ามองชายคา รอยยิ้มก็แทบจะกลั้นไม่อยู่ แต่เรื่องที่เร่งเร้าให้ต้องรีบรุดมาด้วยตัวเอง มันรอไม่ได้
“ฉันเข้าใจทุกอย่างที่หมื่นขวัญบอก แต่เรื่องนี้ไม่มาไม่ได้ มันสำคัญมาก”
ขวัญมองฝ่ามือที่เอื้อมมากระชับต้นแขน เจ้าของดวงตาซุกซนในวันนี้ไม่มีแววล้อเล่นอยู่เลย
“ฉันได้ยินคุณลุงสั่งพี่นาทว่า... ให้เผาเรือนคุณพระนพกับเรือนคุณพระอรรถ และถ้าใครขวางก็ฆ่าไม่ให้เหลือ”
ขวัญเบนหัวเรือให้นิ่มพาแก้วตาขึ้นฝั่งก่อนถึงเรือนกำนันเดช เพราะการเดินเท้าจะช่วยให้ลัดเลาะจากสายตาผู้คนได้มากกว่าทางเรือ จนเห็นหลังคาเรือนไม่ไกล ฝ่ามือก็รั้งคนที่เดินด้านหน้าเอาไว้
แก้วตาหยุดเดินหันมอง ส่วนนิ่มก็หลบไปอย่างรู้ความ
“ห้ามพูดเรื่องนี้กับใครอีก คุณแก้วตารับปากผมได้ไหม”
แก้วตาพยักหน้า เพราะความเคร่งเครียดของขวัญหล่อนรับรู้ได้
“หมื่นขวัญ... คุณพระนพ พี่ปาน พี่เปลว จะหาทางแก้ไขได้ใช่ไหม แล้ว... คุณลุงจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”
เสียงถามออกสั่นเพราะเพิ่งตระหนักได้ว่าข่าวที่ตนเองนำมาแจ้งแก่หมื่นขวัญนั้น คนที่จะได้รับผลกระทบมากสุดในครั้งนี้ไม่พ้นจะเป็นคุณลุง เพราะตอนที่แอบได้ยินคุณลุงพูดกับนายนาท หล่อนทั้งตกใจและร้อนใจ จนต้องรีบมาแจ้งข่าวให้ทางนี้ทราบ ไม่ได้คิดไตร่ตรองผลที่คุณลุงจะได้รับ แต่ระหว่างทางทำให้คิดได้หลายสิ่ง และที่กลัวสุดก็คือ คุณลุงจะเป็นอันตราย แม้สิ่งที่คุณลุงทำจะผิด แต่นั่นจะกลายเป็นหล่อนเนรคุณคุณลุงใช่ไหม
“ถ้ากำนันทำไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นอันตรายแน่ครับ คุณแก้วตาไม่ต้องกังวล เพราะผมกับทุกคนที่เรือนจะไม่ยอมให้กำนันทำได้สำเร็จแน่”
“งั้นฉันจะได้เบาใจ แต่หมื่นขวัญ...”
“ครับ”
เสียงตอบรับออกค่อยแต่ดังแทรกสู่หัวใจนัก แก้วตามองผู้ชายที่อยู่ห่างไม่ถึงหนึ่งช่วงแขน ตาสบตาในความสลัวของค่ำคืน หล่อนบอกตัวเองว่ารู้ความหมายนั้น และไม่ทันที่จะได้ไตร่ตรองก็โผเข้าสู่อ้อมอกแกร่ง
“คุณแก้วตา!”
คนตัวโตเหมือนจะแข็งขืนที่ถูกจู่โจม แต่หล่อนจะกล้าหาญ
“ฉันรู้ว่าควรละลาย ไม่ควรทำเช่นนี้ แต่ฉันกลัวเหลือเกินหมื่นขวัญ กลัวไปทุกอย่าง”
“ผมรู้”
ขวัญโอบกอดร่างอรชรไว้แน่น จูบซับที่เรือนผมหอม ความซาบซ่านสะท้านหัวใจที่ได้รับขณะนี้ละลายความกลัวให้เขาไม่ต่างกัน
ทว่าความกลัวของเขาไม่ได้มาจากเกรงกลัวอิทธิพลกำนันเดช แต่ความกลัวนั้นเกิดจากความรู้สึกไม่เหมาะสมที่ก่อเกิดกับหลานสาวของกำนันต่างหาก
ความรู้สึกที่แล่นพล่านไปทั้งร่าง ไม่ต่างจากเลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายนี้อุ่นซ่านตื่นตัวกับสิ่งที่ใจยอมรับ
“ผมจะทำให้ดีที่สุด คุณแก้วตาไม่ต้องกังวล”
อ้อมกอดกระชับแน่นขึ้นอีกก่อนจะรั้งแก้วตาออกห่าง จ้องมองดวงตาซุกซนที่บัดนี้เปลี่ยนเป็นหวั่นวิตก
“จำคำที่ผมบอก ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครเด็ดขาด ไม่ว่าเรื่องที่กำนันทำจะสำเร็จหรือไม่ คุณแก้วตาต้องนิ่งเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ย้ำพี่นิ่มด้วย และอย่ามาที่เรือนคุณพระนพอีก ห้ามให้พี่นิ่มมาส่งข่าวใดๆ ทั้งสิ้น”
“แล้วถ้าฉัน...”
ปลายนิ้วอุ่นทาบปิดริมฝีปาก ไม่ได้หล่อนพูด
“รอผม ผมจะไปฟังข่าวจากคุณแก้วตาเอง”
แก้วตาพยักหน้าเชื่อฟังเขาทุกอย่าง เพราะปลายนิ้วที่ทาบปิดอยู่นี้ส่งผลให้หล่อนได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเอง ก่อนที่จะได้ยินอีกเสียง
เสียงหัวใจของหมื่นขวัญ
และเมื่อปลายนิ้วละออก ก็ถูกแทนที่ด้วยความอุ่นวาบที่ทาบทับลงมา แก้วตาหลับตาพริ้มแหงนหน้าขึ้นรับจูบแสนหวาน
จูบที่เป็นดั่งคำสัญญาว่าจะวางดวงใจไว้ในกำมือของกันและกัน
